6

1006 Words
“ท่านโหวจะทำอะไรน่ะ! นี่ปล่อยนะเจ้าคะ” ปี้เหยาร้องโวยวาย เมื่อหวังหนานโหวเดินเข้ามาลากนางไปด้านหลังของภัตตาคาร “คิดหลบหน้าข้าหรือไง เจ้าทำไม่ได้หรอกเพราะว่าข้าไม่อนุญาต” หวังหนานโหวลากตัวคุณหนูสามไปขึ้นรถม้าจวนตัวเอง จางรั่วที่ยืนอยู่ข้างรถม้าทำสีหน้าไม่ถูกไปในทันทีที่เห็นว่าท่านโหวทำแบบนั้น ปี้เหยาสู้แรงหวังหนานโหวไม่ได้เลยจำใจให้เขาพาขึ้นมาบนรถม้า “ท่านโหวทำแบบนี้ไม่กลัวว่าจะมีข่าวหลุดไปถึงหูคุณหนูหนิงหรือเจ้าคะ” แทนที่นางจะหวาดกลัวแต่กลับเชิดหน้าขึ้นส่งสายตาท้าทายไปให้ท่านโหว หวังหนานโหวเห็นสายตาเช่นนั้นก็เกิดมันเขี้ยวไม่รู้ตัว เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ๆ จ้องตาปี้เหยาไม่กะพริบ “ฉินหนิงอี้ไม่ได้มีนิสัยคิดเล็กคิดน้อยเหมือนเจ้า หากนางรู้ก็ไม่ได้คิดมากอะไรหรอก” ปี้เหยาได้ยินสิ่งหวังหนานโหวพูดถึงคุณหนูหนิงก็รู้สึกน้อยใจ นางเป็นคนตัดใจยากมาแต่ไหนแต่ไร การจะไปจากรักแรกไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆ “ท่านโหวก็ไปหาคุณหนูหนิงสิเจ้าคะ มาวุ่นวายกับข้าทำไม” ปี้เหยาเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา นางปวดท้องหิวข้าวขึ้นมาแล้วแต่ถูกหวังหนานโหวกักตัวไว้ในนี้ ไม่รู้ว่าจุดประสงค์แน่ชัดว่าท่านโหวต้องการสิ่งใดจากนางกันแน่ หวังหนานโหวเลิกคิ้วขึ้น “ใครว่าข้าอยากวุ่นวายกับเจ้ากัน อย่าคิดไปเอง” คนที่เผลอทำตัวผิดปกติไปรีบผละตัวออก แต่ยังไม่เลิกกักขังคุณหนูสาม หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูปแล้วปี้เหยาก็ยังไม่กลับมาเสียที ปี้หลินจึงขออนุญาตเยี่ยอ๋องออกมาตามน้องสาวเพราะรู้สึกเป็นห่วง ทว่าเยี่ยอ๋องกลับไม่ให้คุณหนูรองจวนแม่ทัพออกไปด้วยตัวเอง “เดี๋ยวให้คนของข้าไปดูคุณหนูสามให้ เจ้าอย่าเพิ่งเป็นกังวลใจไปเลย” เยี่ยอ๋องพูดกับปี้หลินด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ส่วนคนอื่น ๆ ก็นั่งพูดคุยและรับประทานอาหารตามปกติ จื่อเหวินเลยพยักหน้าให้ปี้หลินนั่งลงก่อน ปี้หลินเลยต้องนั่งจิบชาดับความร้อนในใจ “ขอบพระทัยเพคะ” แน่นอนว่าปี้หลินพูดไปตามมารยาทเท่านั้น เยี่ยอ๋องเข้าใจปี้หลินว่านางนั้นห่วงน้องสาวมากที่สุด สาเหตุหนึ่งก็เพราะคุณหนูสามเป็นโฉมสะคราญที่มีคนหมายปองหลายคน เขาจึงหันไปส่งสัญญาณให้องครักษ์ประจำตัวของตนของไปตามคุณหนูสาม บนรถม้าจวนโหวนั้นเต็มไปด้วยสถานการณ์ตึงเครียด ชายหญิงทั้งสองต่างคนต่างมองหน้ากันแต่ไม่มีใครเอ่ยคำใด ปี้เหยารู้สึกอึดอัดจนทนไม่ไหวจึงโพล่งออกมาว่า “ท่านโหวต้องการพูดอะไรก็รีบพูดมาสิเจ้าคะ ป่านนี้พี่ใหญ่กับท่านอ๋องรอข้านานแล้ว” แต่ก่อนที่หวังหนานโหวจะโต้ตอบ องครักษ์ของเยี่ยอ๋องก็เดินตรงเข้ามาสอบถามจางรั่วที่ยืนเฝ้ารถม้าห่างออกไปไม่ไกลนัก “เจ้าเห็นคุณหนูสามเดินผ่านมาทางนี้บ้างหรือไม่” จางรั่วถูกถามเช่นนั้นก็มีสีหน้าลังเล ในใจก็ไม่กล้าพูดว่าคุณหนูสามอยู่ในรถม้ากับท่านโหว เกรงว่าจะทำให้คุณหนูเสื่อมเสียชื่อเสียง เลยตอบไปว่า “ไม่เห็นเลยขอรับ” องครักษ์สังเกตเห็นพิรุธแล้วทำได้เพียงมองไปยังรถม้าที่จอดนิ่งอยู่ ปี้เหยาได้ยินเสียงองครักษ์ก็ทำท่าจะลงจากรถม้า แต่ทว่ากลับถูกหวังหนานโหวกดหัวไหล่เอาไว้ “ใครให้เจ้าลงไป...” “ท่านโหวไม่หิวก็ไม่มีใครว่าหรอกนะเจ้าคะ แต่ข้าหิวแล้ว” หญิงสาวไม่สนใจ นางไม่ใส่ใจว่าตัวเองจะเสียชื่อเสียงหรือไม่ที่มาอยู่กับเขา “ปี้เหยา...” เป็นครั้งแรกที่หวังหนานโหวจะเรียกชื่อของคุณหนูสาม และนั่นก็ทำให้นางหยุดดิ้นไปแล้วเงยหน้าขึ้นสบตามอง หวังหนานโหวโน้มหน้าเข้ามาใกล้อีกครั้งและครั้งนี้เขาก็พูดสิ่งที่ต้องการพูดออกมา “ของหมั้นที่เจ้าคืน ข้าจะถือว่าไม่เคยรับมา แล้วก็อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดจะทำอะไร เยี่ยอ๋องไม่ใช่คนที่เจ้าจะพึ่งพาได้” จากนั้นก็ผละตัวออกแล้วเดินลงจากรถม้าไป องครักษ์เห็นท่านโหวลงมาจากรถม้าก็ได้แต่ทำหน้าสงสัย “ท่านอ๋องให้เจ้ามาตามหาคุณหนูสามหรือ” หวังหนานโหวเอ่ยถาม องครักษ์จึงพยักหน้าลงแต่ยังไม่ละสายตาไปที่รถม้าของจวนโหว “นางกลับจวนแม่ทัพไปแล้ว เจ้าก็กลับเข้าภัตตาคารกับข้าเถิด” บุรุษองอาจยืนนำหน้าไปได้สามก้าวแล้วก็หยุดเดิน หันหลังไปมองสบตากับจางรั่วซึ่งเป็นบ่าวรับใช้ของตน “เจ้าก็ดูแลรถม้าไว้ให้ดี อย่าให้ของที่ข้าวางเอาไว้หายไปได้” หวังหนานโหวเอ่ยเสร็จก็เดินกลับเข้าภัตตาคาร จางรั่วได้ยินอย่างนั้นก็รีบพยักหน้าลงทันที เมื่อหวังหนานโหวเดินจากไป องครักษ์เลยจำเป็นต้องเดินติดตามไปด้วย หากค้นรถม้าของจวนโหวตอนนี้จะถือว่าเสียมารยาททำให้เยี่ยอ๋องและท่านโหวผิดใจกันเปล่า ๆ ปี้เหยานั่งอ้ำอึ้งอยู่ในรถม้ากำลังคิดทบทวนว่าสิ่งที่หวังหนานโหวพูดกับนางนั้นหมายความว่าอย่างไรกันแน่ “ข้าน่ะหรือจะหวังพึ่งพาเยี่ยอ๋อง คนนิสัยไม่ดี! คิดว่าข้าให้ท่าท่านอ๋องหรือเนี่ย” แต่กว่านางจะคิดได้ก็ผ่านไปถึงครึ่งจิบชา เมื่อจะลงจากรถม้าก็มีจางรั่วมาขวางทาง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD