“ลงไม่ได้นะขอรับ ท่านโหวไม่ให้คุณหนูสามลงจากรถม้า” จางรั่วพยายามขวางทางเอาไว้แต่ปี้เหยาไม่ยินยอม
“ท่านโหวเป็นใครคิดจะกักขังข้า” ด้วยความที่ชาติก่อนปี้เหยาเคยโขกสับจางรั่วมาก่อน พอชาตินี้นางจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด่าสั่งสอนจนจางรั่วต้องหลีกทางให้
“ฝากไปบอกท่านโหวด้วยนะว่า อย่ามาวุ่นวายกับข้าอีก!” ปี้เหยาผลักอกจางรั่วจนล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปนั่งกับพื้น ถึงนางจะมีร่างกายบอบบางแต่มีเรี่ยวแรงเหลือล้น
ปี้เหยาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ได้แต่เดินดุ่มออกไปที่หน้าภัตตาคารแล้วก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ทุกคนเดินออกมาจากภัตตาคารพอดี เพราะว่ารับประทานอาหารเสร็จแล้ว
“ปี้เหยา! เจ้าหายไปไหนมา” เสียงที่ตะโกนมาก็คือปี้หลิน นางรีบวิ่งมาหาน้องสาวที่หน้าตาดูเหนื่อยล้าชอบกล
“พี่รองกลับบ้านกันเถอะเจ้าค่ะ” ปี้เหยาพูดกับปี้หลินแต่สายตามองหวังหนานโหวที่ยืนอยู่ข้างฝู่กั๋วกงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“คุณหนูสามยังไม่ได้กินอะไรใช่หรือไม่” ทว่าจวิ้นอ๋องกลับทักทายขึ้นมาเสียก่อน นัยน์ตาหงส์เลยเหลือบไปมองชายหนุ่มที่หน้าตาดีคนนั้น
“จวิ้นอ๋องเพคะ” ปี้เหยาทักทายตามมารยาท
จวิ้นอ๋องเลยส่งยิ้มไปให้คุณหนูสาม แววตาของเขาดูดีใจมากจนหวังหนานโหวสังเกตเห็น “พอดีข้าได้ลองทำของว่างเตรียมไว้มาก อยากให้คุณหนูสามลองไปชิมดูให้สักหน่อย” คำชวนนี้ทำให้ปี้เหยาปฏิเสธจวิ้นอ๋องไม่ได้ ทำได้เพียงพยักหน้าตามมารยาท
“เช่นนั้นพวกเราก็ไปนั่งชมนกเป็ดน้ำ แล้วก็ชมดอกไม้ในสวนของจวิ้นอ๋องต่อเถิดนะ” ปี้หลินพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น เนื่องจากเยี่ยอ๋องกับจวิ้นอ๋องและจื่อเหวินเป็นสหายร่วมตายกัน พวกเขาเลยไปมาหาสู่กันโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ และครั้งนี้ฝู่กั๋วกงก็อยากเปิดหูเปิดตาจึงชวนหวังหนานโหวไปด้วยกัน
ปี้เหยาไม่พูดอะไรได้แต่ส่งยิ้มไปให้จวิ้นอ๋องด้วยความเกรงใจ และปล่อยให้พี่สาวจูงมือไปขึ้นรถม้า ไม่นานทั้งหมดก็เดินทางมาถึงตำหนักของจวิ้นอ๋องที่เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นานนัก เนื่องจากเพิ่งย้ายออกมาจากวังหลวงมาตั้งตำหนักเอง
“ตำหนักใหม่ของเจ้ากว้างขวางมาก ข้าชักชอบแล้วสิ” เยี่ยอ๋องหันไปพูดหยอกจวิ้นอ๋องที่ปกติเป็นคนหวงพื้นที่ส่วนตัวมาก แต่ครั้งนี้เขาเอ่ยปากชวนให้ทุกคนมาที่นี่คาดว่าคงมีจุดประสงค์แอบแฝง
“ปี้เหยาดูทางนั้นสิ นกเป็ดน้ำแต่ละตัวสวยงามมาก” ปี้หลินเป็นคนรักสัตว์โดยเฉพาะนกเป็ดน้ำพวกนี้
ปี้เหยาได้แต่ยิ้มให้พี่สาว นางไม่ได้รู้สึกดีใจนักที่ได้มาที่นี่เพราะรู้ว่าจวิ้นอ๋องนั้นเคยมีใจให้กัน ทว่าสายตานางนั้นกลับมีแค่หวังหนานโหว
“พี่รองชอบนกเป็ดน้ำมากเช่นนี้ เอาไว้ข้าขอท่านพ่อซื้อให้บ้าง” น้องสาวพูดเอาใจพี่สาว ไม่ได้สนใจพวกบุรุษที่นั่งอยู่ในศาลาริมน้ำกำลังจิบสุรานั่งคุยกันตามประสาบุรุษ
“จริงนะ เจ้าพูดแล้วอย่าลืมเสียล่ะ” ปี้หลินหยิกแก้มปี้เหยาด้วยความเอ็นดูแล้วก็นั่งลงในศาลาริมน้ำซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับศาลาที่พวกเยี่ยอ๋องประทับอยู่ แน่นอนว่าชายหญิงย่อมแตกต่างไม่อาจอยู่ใกล้ชิดกันได้มากนัก ไม่เช่นนั้นจะถูกครหา
“ไม่ลืมเจ้าค่ะ ข้าไม่อยากแต่งงานแล้ว อยากอยู่กับท่านพ่อ พี่ใหญ่และพี่รองตลอดไป” ปี้เหยาซบหน้าลงกับหัวไหล่บอบบางของปี้หลิน ฝ่ามือเรียวสวยจึงลูบที่แผ่นหลังน้องสาวช้า ๆ
“ไม่แต่งคงจะไม่ได้แล้ว เจ้าไม่ได้ชอบท่านโหวแล้วหรือ” ปี้หลินถามน้องสาว ตอนนี้พวกนางนั่งด้วยกันตามลำพัง ไม่มีนางกำนัลไม่มีใครมารบกวน ซึ่งคำถามนี้ทำให้ปี้เหยาเงียบไป ในหัวครุ่นคิดพยายามหาคำตอบเพื่อมาตอบคำถามพี่สาว แต่นางก็ยังไม่สามารถตอบตัวเองได้เลย
ปี้หลินเห็นปี้เหยาเงียบไปเลยไม่ถามเซ้าซี้อีก สักพักพวกนางกำนัลก็นำของว่างที่จวิ้นอ๋องลงมือทำด้วยตัวเองมาให้คุณหนูจวนแม่ทัพได้ลิ้มรสชาติ
“หน้าตาขนมดูน่ากินมาก จวิ้นอ๋องนอกจากจะเป็นคนที่สุภาพแล้วยังทำของว่างอร่อยมากอีกด้วย เจ้าต้องชิมให้ได้นะ” ปี้หลินไม่แย่งน้องสาวกิน ทำเพียงเลื่อนจานของหวานนั้นมาตรงหน้าปี้เหยา
คนที่ไม่ชอบกินของหวานมากนักจึงทำได้เพียงส่งยิ้มไปให้พี่สาวด้วยความเกรงใจ และขณะที่กำลังลิ้มรสชาติขนมกุ้ยฮวาฝีมือจวิ้นอ๋องอยู่นั้นก็เงยหน้ามองไปยังศาลาริมน้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้าม นัยน์ตาหงส์ประสานกับเจ้าของตำหนักพอดี
จวิ้นอ๋องมองคุณหนูสามอยู่ตลอดเวลา เขาได้ยินมาบ้างแล้วว่าหวังหนานโหวนั้นไปขอถอนหมั้นปี้เหยาถึงจวนแม่ทัพ ดังนั้นในใจบุรุษจึงเกิดความหวังหนึ่งขึ้นมา แม้ว่าเรื่องราวทั้งหมดจะยังไม่ได้ประกาศออกมาชัดเจนก็ตาม
ปี้เหยาไม่ได้หลบสายตาของจวิ้นอ๋องที่จ้องมาก่อนแล้ว นางพยักหน้าทักทายตามมารยาท จากนั้นก็กินขนมตามปกติไม่นานก็หันไปมองดูนกเป็ดน้ำทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ดูท่าน้องสามน่าจะชอบกุ้ยฮวาฝีมือจวิ้นอ๋อง” จื่อเหวินเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ เยี่ยอ๋องกำลังเดินหมากกับฝู่กั๋วกงอยู่อีกด้านหนึ่งของศาลาริมน้ำไม่ได้สนใจเรื่องที่สองคนนี้กำลังสนทนากัน