จอมสลัดทุ่งพระเมรุ

2232 Words
“ เจ้าฝารั่งป่าเถื่อน ! “ ผิงซีแผดร้องเคืองขุ่น พร้อมกับเผ่นโผนกวัดแกว่งดาบเรียวบางเข้าใส่อย่างโกรธเกรี้ยว แต่ชายที่เป็นดั่งผู้นำกลับมีท่าทีเยือกเย็น แล้วตวัดดาบแทงเข้าดอกพู่ระหงปลดออกจากหูพ่อภู่ พลางหันดาบตรงเข้าไปชี้ใส่ผิงซี จนนางต้องชะงักเท้าตั้งวงดาบอย่างหวาดระแวง “ ของมีคมไม่เหมาะสมกับสาวชาววังดอกหนา แม่หญิงคนงาม “ น้ำเสียงภายใต้ผ้าปิดปากแฝงความมั่นอกมั่นใจเปี่ยมล้น นัยน์ตาสีเขียวอ่อนที่มองมาส่องสะท้อนความเจ้าเล่ห์เจ้ากล ดั่งอสรพิษหมายสกดจิตเหยื่อโอชะก็ไม่ปาน ทว่าผิงซีหาใช่สมั่นน้อยอ่อนด่อยกำลังขวัญ นางกระดกปากมุมยิ้มเหี้ยมหาญ ไปพร้อมร่ายไหวเพลงดาบกรีดเฉือนแหลมคม ทันทีนั้น ดาบในมือหัวหน้าชายชุดดำพลันตวัดต้านรับ เคลื่อนเร็วรี่ไปสี่-ห้ากระบวนท่า พอมันควงดาบพลิกตัวหลบ ดอกพู่ระหงตรงปลายดาบมันกลับถูกผิงซีฟันขาดสะบั่นไปในพริบตา “ โอ๊ะ โย้ว !.. แม่หญิงคนงามเหตุใดมีเชิงดาบดุดันนัก เช่นนี้จะมีพ่อชายใดกล้ามาสู่ขอเล่า ? “ มันกล่าวหยอกล้อพลางแกว่งดาบเป็นทรงกลมล่อหลอก วิชาดาบมันเชี่ยวชาญกว่าชายชุดดำที่ผิงซีปะทะมา มันถึงกับสามารถกล่าวเริงเล่นไม่กลัวคมดาบนางแม้แต่น้อย เช่นนั้นผิงซีมีแต่ออกวิชาอาวุธอันลึกล้ำไปออกขั้น “ เชิงดาบเล็กน้อยเพียวนี้เจ้าว่าดุดันแล้วฤา เช่นนั้นข้าร่ายรำพัดโรมรันกับเจ้าเป็นไร ! “ วาจาไม่ทันจบสิ้น พัดจีบในมือนางพลันคลี่ออกพร้อมโบกไกวไปมา โชยชายรูปผีเสื้อปีกไพรินสีฟ้าสด ให้วูบไหวล่อลวงตา ทวงท่านางอ่อนช้อยงดงาม จนชายผู้นำเคลิบเคลิ้มราวพบนางฟ้านางสวรรค์มาโปรด แม่หญิงงามสะพรั่งในอาภรณ์สไบสีชมพูพลิ้วไสว ขับกับจุดแสงสีฟ้าเล็กๆบนพัดจีบ อันเลื่อนไหลสอดสัมพันธ์พราวพราย ดูงามผสานอย่างไม่เคยพบพาน ห่มร่มสไบอย่างหญิงชาวสยาม ที่ร่ายรำพัดจีบสีเงินยวงของชาวจีน แต่อีกมือกลับกวัดแกว่งดาบฝรั่ง งามตระการต่ยิ่ง ทว่าความงดงามของนางกลับแฝงความอันตรายในชั่ววูบ เมื่อนางวกดาบเสือกแทงด้วยเพลงกระบี่ง๊อไบ๊อันทรงพลัง คมดาบกราดเกรี้ยวพุ่งทะลวงจนชายหนุ่มแตกตื่น ปัดป่ายดาบด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะเซถลาถอยห่างสุดหวาดหวั่น “ โว้ว !...หวาดเสียวยิ่ง !..” มันตะโกนร้องลั่น สวนทางกับผิงซีที่ร้องบอกเหี้ยมหาญ ดั่งนักรบกระหายศึก “ ยังมีหวาดเสียวกว่านี้อีกเจ้าฝารั่งดั้งขอ ! “ ผิงซีกู่ร้องพลางเสือกส่งเพลงกระบี่ติดตามฉับไว แต่แล้วเจตนามุ่งมาดฟาดฟันของนาง กลับถูกขัดจังหวะด้วยกลุ่มนายตระเวนหลายสิบนาย ที่วิ่งกรูเข้ามาในลานสวนแก้ว “ พวกคนร้ายอยู่นี่ จับพวกมันให้หมด ! “... พลันนั้นเหล่านายตระเวนที่มาใหม่ ต่างกรูเข้าฟาดฟัน ทั้งพวกผิงซีและเหล่าฝรั่งชุดดำต่างผงะกาย เข้าต้านรับข้าศึกที่ถาโถมมา “ ทุกคนถอย ! “...” หัวหน้าชายชุดดำตะโกนลั่น พลางตวัดดาบกวัดแกว่งวิ่งฝ่าวงล้อมนายตระเวน โดยมีสองชายชุดดำที่แบกพ่อภู่กับกระถางแปดมังกรวิ่งติดตามไปไม่ห่าง ผิงซีที่หมายจะวิ่งติดตาม กลับต้องละล้าละลังกระทันหัน เมื่อหันมาเห็นน้องสาวอยู่ในวงล้อมนายตระเวน นางจึงพลันเผ่นโผนเข้าใช้ดาบฟาดฟัน แล้วดึงน้องสาวออกจากวงล้อม “ พวกเจ้ารีบคุมกันคุณหนูเล็กหนีออกไป เหตุการณ์ตึงมือหนักหนาแล้ว ! “ ผิงซีดึงรั้งน้องสาวมาไว้กับคนสนิทร่างยักษ์ ทั้งที่ตวัดดาบฟาดฟันผู้ที่ขวางหน้าไม่ยั้ง “ พี่ซี !...ท่านจะตามมันไปคนเดียวหรือไร ? มันอันตรายหนา !...” แม่หญิงจันจีนตะโกนร้องเตือนพี่สาวสุดห่วงใย ขณะถูกชายร่างยักษ์จูงมือให้ถอยห่าง ฝ่าวงล้อมดาบให้ห่างไกลพี่สาวไปทุกที “ ต้องรีบไปแล้วคุณหนู มิเช่นนั้นพวกเราต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่หมดสิ้นแล้ว “ ชายร่างยักษ์ควงหมัดฝ่าวงล้อมไป ตะโกนร้องเรียกให้รีบล่าโดยพลัน โดยแม่หญิงจันจีนจำต้องยินยอมเร่งฝีเท้า ตามหลังทั้งสองคนสนิทไปอย่างร้อนรน แม่หญิงจันจีนเหลียวมองหลัง เห็นเพียงสไบไสวสีชมพู ที่กำลังกลืนหายเข้าไปในความมืดทุกขณะ… … เสียงเกราะกระทบ ฆ้องเตือนภัยถูกตีกระหน่ำดังสนั่น จนนายตระเวน และทหารประจำวังต่างวิ่งอลหม่านภายในพระราชฐาน ปล่อยทิ้งให้ทหารยามสองนาย ที่เฝ้าทางประตูทิศใต้ยืนฉงนฉงายกับเหตุแปรเปลี่ยน เพราะประตูทิศใต้อยู่ห่างไกลสวนแก้วมากโขอยู่ จึงไม่รู้เหตุโกลาหลใดภายในวัง กระทั้งชายชุดดำเผ่นโผนเข้ามาใช้ดาบทิ่มแทงมันทั้งคู่ โดยไม่ทันตั้งสติรู้ตัว อ๊าก !...อ๊ า ก ก ก !.... ทหารยามทั้งคู่ตกตายทั้งที่ยังงงงัน มือยังเกร็งค้าง ไม่ทันได้ชักดาบออกจากฝัก ร่างก็ล้มกระแทกพื้นด้าวดื้นสิ้นชีพไปทั้งที่เหลือกตาค้าง ไม่อาจเหลือบเห็นสิบคนร้ายที่วิ่งออกนอกประตูวัง ด้วยความร้อนรน เหล่าชายชุดดำต่างบ่ายหน้าตรงไปยังท่าเทียบเรือ ที่คลองคูเมืองอันมีเรือพวกมันจอดคอยท่า แม้บางคนจะบาดเจ็บ พวกมันยังกุมบาดแผลเร่งฝีเทัาไม่หยุด ไม่ต่างจากคนผู้แบกพ่อภู่กับกระถางทองเหลือง ที่ตะบึงวิ่งลัดท้องทุ่งพระเมรุอันกว้างใหญ่ จะมึเพียงหัวหน้าพวกมันที่วิ่งเยาะๆตามมันมาห่างๆ หนำซ้ำยังเหลียวมองหลังเป็นระยะๆ คล้ายยังอาลัยอาวรณ์ต่อผู้ตามมาอยู่ไม่คลาย ตราบกระทั้งมันวิ่งมายังกลางท้องทุ่งโล่งกว้าง ที่ซึ่งมีแสงจันทร์สาดส่องอาบร่าง มีกำแพงพระบรมมหาราชวังแลเห็นไกลๆอยู่ทางขวา ทางเบื้องซ้ายยังแลเห็นป้อมปืนใหญ่ของวังหน้า ( ธรรมศาสตร์ในปัจจุบัน ) ความรู้สึกบางชนิดทำให้มันชะงักกาย หันหลังยืนรอคอยแม่หญิงชาววังที่ตะบึงวิ่ง จนสไบปลิวไสวในสายลมโชย “ ช่างเป็นแม่หญิงที่น่าสนใจยิ่งนัก ! “ หัวหน้าชายชุดดำกล่าวรวยรื่น พลางสะบัดดาบจรดปลายลงพื้นด้วยใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง แล้วจึงปลดผ้าโผกหัวแก้มัดผ้าบดบังใบหน้า เผยให้เห็นเค้าโครงหน้าคมคาย ริมฝีปากบางเฉียบยกยิ้มอย่างมีเลศนัย เรือนผมมันเป็นรอนหยักโศกสีน้ำตาลอมแดงยาวสยาย ขับเน้นให้ใบหน้าเรียวยาวคมสันโดดเด่นกลางแสงจันทร์ นัยน์ตาลึกซึ้งใต้โหนกคิ้วหนา จ้องมองแม่หญิงที่วิ่งใกลัเข้ามาเรื่อยๆ ด้วยอารมณ์เริงรื่นดั่งได้เห็นนางฟ้านางสวรรค์วิ่งฝ่าเนินหญ้า มายังลานกว้างที่เคยตั้งพระเมรุของเหล่าเจ้านาย “ เป็นแม่หญิงยิงเรือ เหตุใดโลดแล่นตามพ่อชายไม่รู้จักมักจี่มา หรือความรูปงามของข้าเข้าไปจี้แปลบใจเจ้า จนอดรนทนไม่ไหวฤา ฮิ ฮิ ฮิ ? ”... มันกล่าวกระหยิ่มยิ้มย่อง เท้าสะเอวย่อขาพักดั่งขุนนางสูงศักดิ์เกี้ยวพาราสีหญิงงาม ตรงข้ามกับผิงซีที่มีสีหน้าไม่อภิรมณ์อย่างเห็นได้ชัด นางชะงักเท้าหอบหายใจ เหงื่อพราวเต็มใบหน้า ถึงกระนั้นนางยังขืนหยัดยืนหลังตรง โบกพัดจีบไปมาไล่ความร้อน อีกมือกำดาบฝรั่ง เผชิญหน้ากับมันโดยไม่ครั่นคร้าม “ อย่าได้ปากดีนักเจ้าหัวขโมย หากไม่ยากสิ้นชีพกลางลานพระเมรุ ก็ส่งมอบของข้าพเจ้ามา “ “ คิก คิก คิก !...เจ้านี่สายตาแหลมคมยิ่ง รู้ได้เช่นไรว่าข้ามีสายพันธ์เดียวกับหัวขโมย จะต่างเพียงข้าอภิรมณ์ปล้นสะดมสมบัติโอราฬควรเมืองต่างหาก “ “ ชิ !... ขโมยก็คือขโมย มีสูงต่ำอันใด “ “ ย่อมต้องมีอยู่แล้วแม่หญิงคนงาม มิเช่นนั้นผู้คนคงไม่ขนานนามข้า ว่าเทพบุตรโจรสลัดแห่งอันดามันดอก ! …ท่านอยู่แต่ในรั้วในวัง คงไม่เคยได้ยินกระมั้ง ? ” “ เจ้าคือ อูซาเรเน่ ไพเพอซาร์ต อย่างนั้นฤา ? ” ผิงซีเอ่ยชื่อมันอย่างระแวดระวัง สายตาจ้องจับใบหน้าคมเข้มด้วยความเคร่งเครียด “ อุ๊บ๊ะ !... มิคาดว่าชื่อเสียงข้าขจรขจายมาถึงวังเจ้าฟ้าเจียว นับว่ากระเดื่องดั่งโขอยู่ใช่หรือไม่ ? “ อูซาเรเน่หัวร่อภาคภูมิ ประหนึ่งได้รับการอวยยศจากแม่หญิงชาววังก็ไม่ปาน “ หากเป็นเจ้าจริงนับว่าประเสริฐยิ่งแล้ว ครานี้เป็นอันว่ายิงศรดอกเดียวได้นกสองตัวแล้ว “ ผิงซีกล่าวเคร่งขรึม พลางกระชับดาบแน่นเข้าใกล้ ผิดกับจอมสลัดที่ขมวดคิ้วขุ่น ถามไปด้วยความงงงันขึ้น “ นกสองตัวอันใด ? ” “ เมื่อต้นปีเจ้าปล้นสินค้าจากกกองสำเภาตระกูลอั้ง ฆ่าคนตายไปหลายสิบชีวิต ครานี้ข้าไม่เพียงลงมือทวงถามสิ่งของ ยังต้องนำชีวีวิตเจ้าไปเซ่นสังเวยสหายผู้ล่วงลับในคราเดียว “ ผิงซีเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ ไปกับร่ายไหวดาบเข้าใส่ราวพายุโหม ไม่ทันที่อูซาเรเน่จะได้ร้องสักครึ่งคำ ก็ต้องเร่งรุดตวัดดาบต้านรับปลายคมที่ถาโถมมาไม่หยุดยั้ง ดีที่จอมสลัดปะดาบมานับครั้งไม่ถ้วน ชั้นเชิงดาบนับว่าแพรวพราว ราวกระแสคลื่นทะเลไหลระรอก สองเท้าของจอมสลัดเคลื่อนขยับระริกระรี้ดั่งนักระบำยิปซี ดาบสะบัดแกว่งไกวราวใบไม้ปลิวไสว ต้านรับตอบโต้ได้ทุกแรงรุกไล่ของผิงซี จนนางนึกประหวั่น ไม่คาดว่าเชิงดาบของโจรสลัดป่าเถื่อน จะพิสดารถึงเพียงนี้ “ เจ้าเรียนเชิงดาบจากนักเริงระบำมาหรือไร เหตุใดมีแต่กระบวนท่าฉาบฉวยเช่นนี้ ! “ ผิงซีกล่าวเบี่ยงเบนสมาธิ ทั้งที่ใจประหวั่นนึกหาหนทางสยบมันให้ได้โดยไว นางคลี่พัดโบกสะบัดให้แสงไพรินบนปีกผีเสื้อล่อหลอกตา พลางแกว่งไกวดาบร่ายไหวโฉบเฉี่ยว “ เจ้ารู้ได้เช่นไร ว่าข้าเรียนดาบมาจากเมียคนที่เก้า นางเป็นนักระบำเท้ามือหนึ่งแห่งปีนัง หากเจ้าอยากเรียน ข้าจะสอนให้ดีหรือไม่ ? “ มันกล่าวเย้ยหยัน พลางควงดาบหมุนสลายการโจมตีของนาง ทว่าม้นประมาทหญิงงามเกินไป เพราะแสงไพรินสีฟ้าสดได้สะบัดวูบเข้านัยน์ตาอูซาเรเน่จนพร่าเลือน โ อ๊ ะ ! !.. อูซาเรเน่ร้องระทึก รีบถอยห่าง หากยังเชื่องช้ากว่าปลายดาบผิงซี ที่กรีดเฉือนเข้าต้นแขนมัน จนเป็นแผลยาว โอ้ย ย ย ย !... จอมสลัดร้องร่ำเจ็บปวด พลางเซถลาลงไปนั่งจ้ำเบ้ากับพื้น “ ส่วนเพลงกระบี่ข้า ร่ำเรียนมาจากนักพรตผู้ทรงศีล หากเจ้าอยากเรียนเกรงว่าต้องตอนตัวเองเป็นขันทีก่อน แล้วข้าจะสอนให้สักท่าสองท่าดีหรือไม่ ! “ ผิงซียิ้มเย้ยหยันมันเป็นการสนองกรรมกลับ พร้อมกับตวัดดาบชี้ปลายคมไปเบื้องหน้าจอมสลัด สมทับด้วยวาจาเหน็บแนมอีกหลายประโยคอย่างสาสมใจ มิคาดอูซาเรเน่ยังคงระบายยิ้มไปกับปลายดาบ เอ่ยเสียงเรียบใส่โดยไร้ความหวาดกลัวสักนิด “ ไม่ต้องรบกวนแม่หญิงดอก เมียคนที่หกของข้าสอนข้าใช้เข็มอาบยาพิษ ได้ชะงักนัก แม้แต่จี้แทงเข้าที่ไหล่ศัตรูมันยังไม่รู้ตัว พอเดินสักสามก้าวก็จะล้มพับไม่สมประดี ต่อให้มีฝีมือมากล้น ก็ไร้ความสามารถต่อยตีแล้วกระมั้ง ? ” อูซาเรเน่ร้องบอกกระตือรือล้น พลางถอยหนีไปอีกหลายก้าว บันดาลให้ผิงซีตื่นตกใจ พอหันไปมองที่ไหล่ตามคำกล่าวมัน กลับยิ่งแตกตื่นกว่าเก่า ที่หัวไหล่เปลือยไร้ผ้าปกปิด ตรงผิวเนียนละเอียดของนางปรากฏเข็มเงินปักตรึงอยู่จริงๆ “ ไอ้โจรโฉด !...ใช้อุบายต่ำทราม นับเป็นลูกผู้ชายอยู่ฤา ? ” นางตวาดขุ่นเคือง พร้อมกระชับดาบเดินเข้าฟาดฟัน แต่เพียงไม่กี่ก้าว นางก็มีอันวิงเวียนหัว ตาพร่า แขนขาชา เรี่ยวแรงหดหายแทบทรงกายไม่อยู่ “ พิษแม่ม่ายดำจากหมู่เกาะบาหลีออกฤทธิ์แรงฉับไว จะทำให้กล้ามเนื้อชาด้านไปทั้งร่าง หลับสบายในพริบตา จัดอันดับเป็นยาสลบที่รุนแรงสุดในเจ็ดคาบสมุทรเจียวนาแม่หญิง ฮ่า ฮ่า ฮ่า !...” อูซาเรเน่หัวร่อร่าขณะลุกขึ้นยืน กล่าววาจาเบิกบานภาคภูมิใจดั่งนักรบผู้มีชัยเหนืออริราชอย่างราบคาบ ผิดกับผิงซี ที่มีสีหน้าเคร่งเครียด ขมวดคิ้วขุ่น เมื่อทรุดเข่าลงไปกระแทกพื้น ดวงตานางพร่าพราย คล้ายกับโลกรอบกายหมุนคว้าง ดั่งอยู่ใจกลางพายุหมุนอันบ้าคลั่ง ทั่วกายนางชาขึ้นเรื่อยๆ ไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับปากด่าทอ กระทั้งดาบร่วงหลุดจากมือ พร้อมกับเรืนร่างอรชรล้มลงกระแทกพื้น พลันนั้นโลกได้มืดดับสนิท นางสิ้นสติสมประดีไปในทันใด….
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD