bc

ภู่จร ผจญจันทร์

book_age16+
0
FOLLOW
1K
READ
HE
billionairess
lighthearted
ancient
addiction
like
intro-logo
Blurb

...พู่ระหงในนวลจันทร์พิไลพิลาส

จิตเติมวาดมหาสมบัติผลัดสวรรค์

ใฝ่อำนาจเลิศภพเหนือตะวัน

มิสู้จันทร์กลางใจที่ภู่ปอง

…ในตำนานรักระบือเมืองแห่งวังท่าพระจันทร์  มักจะเอ่ยอ้างถึงพ่อภู่กับแม่หญิงจันจีน  ที่มีรักนอกขนบจนสะเทือนเลื่อนลั่นพระนคร ฯ

      โดยเบื้องลึกในรักของทั้งคู่  กลับแฝง ‘ขุมทรัพย์พระสุรีย์ ‘ สุดพิสดาร…

chap-preview
Free preview
ลักพาสู่วังใน
สายน้ำเรียบใสราวผิวกระจกเรื่อยไหลอ้อยสร้อย แสงจันทร์นวลใยสะท้อนต้องผิวนที ที่กำลังเอ่อล้นปริ่มตลิ่ง สายลมโชยชายกลิ่นหอมรัญจวนยวนใจ อบร่ำบรรยากาศให้รวยรื่นละมุนใจ คลอเคล้าเข้ากับแสงโคมประทีปสว่างไสว กับเสียงดนตรีแผ่วหวานที่ลอยล้ามาไกลๆ บันดาลให้ใจคนคล้อยเคลิ้มไปในราตรีงาม ณ คืนเพ็ญเดือนสิบสอง เรืองรองความสมปราถนากว่าครั้งใดในพระนคร โดยเฉพาะในเทศกาลลอยโคมประทีป ในพ.ศ. 2350 ทั่วทั้งราชอณาจักรใหม่แห่งชาวสยาม ที่มีความคึกคักปรี่เปรมกว่าครั้งใดๆ ดั่งเป็นงานสมโภชน์กรุงเทพฯก็ไม่ปาน มีการจัดร้านรวงละลานตา เพลิงไม้ไผ่ขายของสารพัด ทั้งขนมข้าวต้ม ของเล่นของใช้ ไม่ว่าจะเป็นโคมประทีปจากกรุงปักกิ่ง ผ้าผ่อนจากเมืองม่วง เครื่องเงินของเครื่องประทินกลิ่นเรียงรายไปตลอดแนวถนนท่าเตียน มองเห็นคนหลายเชื้อชาติเดินกันควักไขว่ โรงงิ้วโรงละครอึ่งอลไปทั้งคุ้งน้ำ นับตั้งแต่สถาปนามหานครกรุงเทพ ฯ ขึ้นเมื่อ 26 ปีก่อน ไม่มีปีใดที่ชาวประชาจะปลอดโปล่งโล่งใจได้เท่าราตรีนี้ สาเหตุจากการกอบกู้ชาติสร้างราชอณาจักรใหม่ ยังไม่ยากเย็นเท่าฟื้นฟูวัฒนธรรมคืนรากเหง้าแก่ชาวสยาม เพราะทั้งเหล่าเชื้อพระวงศ์ และเหล่าช่างชำนาญงานวิจิตร ล้วนถูกกวาดต้อนไปอยู่เมืองอริราชเสียส่วนใหญ่ การสร้างขนบธรรมเนียมใหม่ จึงมีอันต้องผสานรวมกับวัฒนธรรมต่างชาติต่างภาษา นิวัฒน์เป็นอณาจักรรัตนโกสิทร์ ที่เหล่าพ่อค้าวาณิชต่างให้สมญา ว่าเป็นนครแห่งสายน้ำ …อันเคลื่อนไหวไหลผสาน รวมหลอมไม่หยุดนิ่ง … ในทุกวิถีชีวิตในพระนคร ล้วนมีสายน้ำเกี่ยวเนื่องอยู่ทุกลมหายใจ แม้กระทั้งวันขึ้นปีใหม่ ที่ถือเป็นทำเนียมปฏิบัติมาช้านาน ยังยึดถือเอาวันที่แม่น้ำเอ่อขึ้นถึงจุดสูงสุดในเดือนสิบสอง เป็นวันลอยโคมประทีป ให้ปีใหม่โชติช่วงสว่างไสว พร้อมกับขอสมาลาโทษในวันเก่าๆ ให้ลอยเคราะห์ไปกับสายนที ไม่เพียงชาวบางกอกที่ชื่นชอบเทศกาลลอยโคมประทีป แม้แต่ชาวต่างชาติที่รอนแรมข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกล ยังชื่นชอบแนวคิดลอยเคราะห์ของชาวสยามอยู่มิใช่น้อย โดยเฉพาะพ่อค้าชาวจีน ที่ผูกพันธ์กับชาวสยามมาหลายร้อยปี จนมีการตั้งชุมชนกลุ่มใหญ่อยู่ตรงข้ามฝั่งบางกอก ตั้งเป็นบางจีนตั้งแต่แผ่นดินอยุทธยา ตราบเมื่อมีการก่อตั้งราชธานีใหม่ อณาเขตของชาวบางจีนจึงถูกเวรคืน เพื่อสร้างพระบรมมหาราชวัง ส่วนชาวจีนที่อยู่เก่าได้รับที่ทำกินใหม่อยู่ย่านสามเพ็ง ถึงกระนั้นยังมีผู้คนอยู่ไม่น้อย ยังชมชอบอยู่ริมสายน้ำใหญ่ มากกว่าขึ้นฝั่งอยู่กับเรือกสวนไร่นา เหตุนี้จึงบังเกิดเรือนแพเป็นนวัฒกรรมแปลกใหม่แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นที่อยู่ที่ไม่ใช้ทั้งแพ และไม่ใช้ทั้งเรือนไม้สูง หากผสมผสานให้ชาวจีนโพ้นทะเลอยู่เย็นเป็นสุขไม่น้อย ตรงบริเวณริมน้ำท่าเตียน จึงมีเรือนแพยึดโยงเรียงต่อสิบกว่าหลัง อันเจ้าเรือนทั้งหมดล้วนเป็นพ่อค้าโพ้นทะเล ที่ติดต่อค้าขายกับสกุลอั้งทั้งสิ้น …สกุลอั้งที่ได้ชื่อว่าเป็นคหบดีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในสยาม มีผู้ใดบางไม่ยำเกรง จึงไม่ใช้เรื่องแปลกที่จะเห็นคนของสกุลอั้งหลายสิบชีวิตนั่งผ่อนหย่อนใจ คล้ายรอคอยใครอยู่ที่ชายพักเรือนแพตั้งแต่เย็น ตราบกระทั้งพวกมันทุกคนต่างลุกพรวดยืนขึ้น เมื่อเห็นคุณชายรูปงามเดินทอดน่องขึ้นจากท่าน้ำ หลังเสร็จพิธีลอยโคมสีสดที่มันทำมากับมือ ทันทีที่เห็นคุณชายน้อยของพวกมัน ทั้งสิบกว่าชีวิตต่างกุลีกุจร วิ่งขึ้นจากเรือนแพ มาตั้งเป็นขบวนแถวต่อหลังคุณชายน้อย โดยมีสองคนสนิท หนึ่งกำยำสูงใหญ่ หนึ่งสูงชลูดผิวเหลืองซีด ต่างวิ่งมาประกบซ้ายขวาเป็นผู้อารักขาในทันใด ทั้งคู่มีหน้านิ่วคิ้วขมวด สายตาระแวดระวังเหลือบซ้ายแลขวา แล้วหันกลับไปมองหีบเหล็กใบใหญ่ที่สี่บ่าวแบกหามมาบนคานไม้ ที่ต่อท้ายขบวนมา ท่าทางทั้งคู่ผิดกับคุณชายรูปงาม ที่เดินเหินอย่างผ่อนคลายสบายอารมณ์ เดินแช่มช้าด้วยความโปร่งโล่งใจยิ่ง บุคคลิกของคุณชายน้อยเปี่ยมสง่าราศี ดั่งเชื้อพระวงศ์แดนไกล ผสานกับอาภรณ์ที่มันสวมใส่ เป็นการตัดเย็บอันปราณีตละเอียดอ่อนด้วยผ้าเนื้อแพรสีขาวเงินยวง ปักเหลื่อมทองเป็นรูปผีเสือโบยบิน หนำซ้ำยังสวมเสือกั๊กแขนกุดสีม่วงอมน้ำเงินเข้มทับภายนอก จึงเสริมความภูมิฐานให้มันอีกเป็นเท่าทวี แม้คุณชายน้อยจะถักผมเปียยาวเฉกเช่นธรรมเนียมชาวแมนจู หากมันมีหมวกกำมะหยี่ทรงกลม มีหยกขาวประดับด้านหน้าหมวก ทำให้คุณชายน้อยดูอ่อนโยนกว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ที่เดินร่วมขบวนมาหมดสิ้น เป็นผู้ใดชมพิศยิ่งเพลิดแพร้ว มีเพียงกุมารน้อยไร้เดียงสา จึงจะมองไม่ออกว่ามันคืออิสตรีงามวิลาสปลอมแปลงมาเป็นชาย ผิวพรรณอันขาวสล่างอมชมพูระเรื่อ จนแม่หญิงแดนบางกอกยังอดมองค้อนด้วยริษยามิได้ มิหนำซ้ำใบหน้ารูปไข่ของคุณชายช่างอ่อนโยนยวนใจ ดวงตากลมโตปลายชี้เฉียงดูโฉบเชี่ยว รับกับโก่งคิ้วเรียวโค้งดั่งคันศร จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากอวบอิ่มรูปกระจับอมชมพูระเรื่องดงามปานบุปผาแรกแย้ม นางยกมือโบกพัดจีบสีเงินงามวิจิตรเชื่องช้า ย่างเดินด้วยความผ่อนคลายไร้กังวลจากท่าเตียน เคลื่อนขบวนมาถึงยังเขตพระบรมมหาราชวัง อันปลูกสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดารามอยู่ในเขตราชฐาน มองไกลๆยังเห็นแปดยอดพระปรางอัษฎามหาเจดีย์ เรียงไล่เป็นแถวไกลตา คุณชายน้อยพบว่ามีแม่เฒ่าแม่แก่จูงลูกจูงหลาน มาข้างเขตกำแพงวัง แล้วพวกนางต่างนั่งยองๆยกมือไหวกำแพงวังสูงลิ่ว บันดาลให้คุณชายอดอมยิ้มกับอากัปกิริยาของสตรีชราเหล่านั้นมิได้ เพราะในบ้านเมืองนาง ไม่มีผู้ใดแสดงความคารวะกำแพงให้เห็นสักครา “ จักรพรรดิของชาวเสี้ยมหลอ (สยาม) เป็นดั่งราชาผู้พิทักษ์ปกปักปวงชนภายในราชธานี ในเขตพระบรมมหาราชวังยังสร้างวัดวาอาราม ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ยามเมื่อคนยกมือไหว้จึงเป็นการผสานรวมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งมวลไว้ ….แบบนี้จึงนับเป็นการชนะโดยไม่ต้องรบ แทรกซึมเข้าไปยึดครองใจคน นับเป็นยอดแห่งพิชัยสงครามจริงๆ ฮึ ฮึ ฮึ “... นางบ่นรำพึงกับตัวเองด้วยความพึงพอใจ หากเพียงชั่วครู่กลับต้องส่ายหน้า ถอนหายใจยาว นางนึกไปถึงราชวงศ์หมิงของนาง ไม่รู้จักครองใจพสกนิกรเช่นนี้ จึงต้องเสียแดนดินให้พวกแมนจูป่าเถื่อนไป …ที่นางเป็นอยู่คือชาวฮั่นที่ไร้แผ่นดินอาศัย แม้จะมีความหวังที่จะกอบกู้ต้าหมิงล้มต้าชิงอยู่น้อยนิด แต่เช่นไรก็ต้องลองเสี่ยงกระทำดู คุณชายน้อยครุ่นคิดพลางเหลือบมองหีบเหล็กที่ท้ายขบวนด้วยความหวังเปล่งประกาย ก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เร็วรี่ขึ้น ตราบกระทั้งนางเดินนำขบวนมาถึงยังวังท่าพระจันทร์ อันเป็นสถานที่ซึ่งปฐมกษัตริย์ได้ปลูกสร้างให้เป็นที่พำนักแก่เจ้าฟ้าเหม็น ผู้เป็นหลานรัก ที่เกิดจากพระธิดาองค์ใหญ่กับพระเจ้ากรุงธนบุรีฯผู้กอบกู้แผ่นดิน และด้วยการที่เจ้าฟ้าเหม็นเป็นราชโอรสของมหาราชแห่งแผ่นดินธนบุรี ทำให้เหล่าขุนนางอำมาตชั้นผู้ใหญ่ ล้วนคลางแคลงในความจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรีเป็นอันมาก จึงเป็นเหตุให้เจ้าฟ้าเหม็นถูกควบคุมทั้งทรัพย์สิน และกำลังทหารอย่างเคร่งครัดรัดกุม ราชวังท่าพระก็เป็นเช่นเดียวกับองค์เจ้าฟ้า คือเจียมเนื้อเจียมตัว เรียบง่ายไม่โอ่อ่า และใกล้ชิดกับชาวประชามากกว่าวังเจ้าฟ้าองค์ใด ภายในวังจึงมีเรือนชานให้ช่างฝีมือประกอบกิจ ประดิษฐ์สร้างศิลปะหัตกรรมอยู่หลายแขนง เพื่อให้ช่างฝีมือได้ใช้วิชาเลี้ยงตัว แม้ในวันที่เกิดทุขพิษภัยโรคระบาด วังท่าพระยังเปิดโรงทาน ช่วยเหลือพสกนิกรให้คลายทุกข์ร้อนอยู่บ่อยครั้ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นขบวนแถวขนสินค้า เข้านอกออกในวังเจ้าฟ้าอยู่เป็นนิจ คุณชายน้อยแย้มยิ้มทักทายสองทหารยามหน้าประตูอย่างคุ้นเคย หนำซ้ำยังหยิบยื่นถุงเงินให้เป็นสินน้ำใจ ครู่เดียวหนึ่งในทหารยามจึงเดินนำทางด้วยความยินดี นำขบวนพวกมันทั้งหมดเข้าสู่เขตนางในด้วยความพินอบพิเทา …ภายในอณาบริเวณของเรือนนางกำนัล มีต้นอินต้นจันสูงใหญ่แผ่กิ่งก้านครึ้มเป็นแถวยาว กลิ่นหอมเบาบางของลูกจันทร์โชยละมัยในสานลม ยิ่งเดินลึกล้ำเข้าสู่หมู่ตำหนักนางกำนัล กลิ่นรวยรินหอมจางๆยิ่งรัญจวนชวนให้หลงใหล คุณชายน้อยก้าวย่างด้วยอารมณ์ชื่นชมบรรยากาศ ที่น้อยคนนักจะได้สัมผัส มือขวานางโบกพัดจีบรับไอเย็น รู้สึกผ่อนคลายไปกับความร่มรื่นของต้นจันอันละลานตา “ พี่ซี !..ท่านยินยอมมาหาน้องแล้วฤา ?...น้องคิดว่าพี่หลงลืมหนทางมาตำหนักในเสียแล้วประไร ? “ น้ำเสียงอ่อนหวานลอยลอดมากับเรือนร่างบอบบาง นางอยู่ในอาภรณ์อย่างนางใน ห่มสไบสีชมพูอ่อนประดับสร้อยสังวาลย์สาย คล้องทับทรวงสวมกำไรทอง ช่วยขับเน้นผิวนวลให้ผ่องกระจ่างกลางแสงเดือนส่องไสว ใบหน้ารูปไข่ของนางละมุนอ่อนหวาน ใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มพราย ประพิมประพรายคล้ายคุณชายน้อยเสียทุกส่วน จะต่างเพียงสองแก้มนางมีลักยิ้มบุ๋มเล็กๆเวลานางเอื้อนเอ่ยวาจา นามแม่หญิงจันจีนที่เหล่าสหายนางในเรียกขาน หาได้คลาดเคลื่อนไปจากรูปโฉมนางที่ผ่องกระจ่างแม้แต่น้อย “ จิวจี !...เจ้าสุขสำราญเพียงนี้ จะต้องให้พี่สาวมาเยี่ยมเยือนอีกฤา ? “ คุณชายน้อยกล่าวเสียงอ่อนหวานเช่นอิสตรี ไม่มีปลอมแปลงปกปิดดั่งรูปโฉมภายนอกสักนิด แม่หญิงจันจีนที่รีบเร่งลงจากเรือน เหมือนจะรู้ว่าพี่สาวนางจะพูดกล่าวกระไร นางหาได้รอคอยให้พี่สาวกล่าวจบสิ้น ก็พลันเร่งรีบเข้าโอบกอดพี่สาวไว้แน่น “ เอ !...แม่หญิงชาววัง เหตุใดไม่ประนมมือไหว้เล่า มากอดรัดเช่นนี้เป็นธรรมเนียมฝารั่งมั่งค่ามิใช่ฤา ? “ “ คิก ติก คิก …ถูกต้องแล้วพี่ซี !...ข้ากำลังร่ำเรียนธรรมเนียมฝารั่ง เผื่อว่าจะสลับตัวกับพี่ แต่งสำเภาไปค้าขายยังเมืองยุโรปบ้าง ! “ “ ฮืม !...สลับตัวกับพี่อย่างนั้นฤา เจ้าเบื่อหน่ายการเป็นแม่หญิงชาววังแล้วหรือไร ? ” “ ใครว่าน้องเบื่อเล่า ! น้องแค่ยากให้พี่สาวลิ้มสัมผัสรสสุนทรีย์ของชาวสยามบ้าง เผื่อพี่ซีอยากตบแต่งออกเรือน เป็นบุปผางามในห้องหอ แทนที่จะเที่ยวตะล่อนๆไปเจ็ดย่านน้ำเช่นนี้ “ แม่หญิงจันจีนกล่าวลอยหน้าลอยตา พลางรีบดึงมือพี่สาวขึ้นบันไดเรือน พากันเดินผ่านลูกหาบสิบกว่านายที่นั่งพับเพียบอยู่หน้าประตู พอขึ้นไปถึงเรือน ก็เร่งเดินผ่านสองคนสนิท ที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างหีบเหล็กใบใหญ่ที่วางไว้กลางห้อง แม่หญิงจันจีนแย้มยิ้มให้ทั้งสองคนสนิทแทนคำทักทาย ขณะจูงมือพี่สาวมานั่งยังตั่งโต๊ะริมหน้าต่าง ที่ด้านข้างยังมีโต๊ะกลมวางไว้ด้วยชามกระเบื้องใส่ขนมหวานสีเหลืองอล่าม กับชุดกาน้ำชาถ้วยเครือบฝั่งมุขวางเคียง “ หากพี่ซีมาอยู่วังแทนข้า ท่านจะได้เรียนทำขนม ฟ้อนรำ เย็บปักถักร้อย หัดแต่งโคลงฉันท์กาพย์กลอน ดีหรือไม่ท่านพี่ ? “ แม่หญิงกล่าวฉะฉาน พร้อมทั้งรินน้ำชายื่นส่งให้พี่สาว ที่เอาแต่ยื้มหวานให้นาง โดยพี่สาวยังไม่ทันนั่งให้คลายเหนื่อย ก็ต้องมารับแก้วน้ำชา พร้อมหยิบขนมทรงกลมสีเหลืองสุกปลั่งส่งเข้าปาก “ ขนมเสน่ห์จันหวานกลมกล่อม ละมุนลิ้นนัก ถูกปากพี่หรือไม่ ?...หากพี่อยากทำเป็นน้องสอนให้ดีหรือไม่ ? “ “ เสน่ห์จันกระนั้นฤา ? ขาวสยามนี่รับทานกระทั่งพระจันทร์เจียว ? “ คุณชายน้อยลิ้มขนมหวานไป เอ่ยถามไปด้วยความสนใจ “ ไม่เพียงรับทานพระจันทร์ ยังมีผลไม้ชื่อลูกจัน ขนมของชาวแต้จิ๋วยังแปรเปลี่ยนเป็นชื่อจันอับ สุราเมลัยยังเรียกขานว่าน้ำจัน เห็นหรือไม่ว่าชาวสยามหลงใหลพระจันทร์เพียงใด ? “ “ พระจันทร์คงเป็นเปลือกนอกของความรักความใคร่กระมั้ง ที่ชาวสยามหลงใหลคงไม่พ้นรสรักเสน่หาเป็นแน่ “ คุณชายน้อยกล่าวด้วยแววตาเปล่งประกายวับวาว พลางโบกพัดไปทางสองคนสนิท จนทั้งคู่ขยับเข้าหาหีบเหล็กแล้วเร่งรีบเปิดฝาออก “ เกรงว่าเจ้าจะอยู่ในวังขาวสยามนานโขอยู่กระมั้ง จึงหลงใหลในรักเฉกเช่นชาวสยามไปแล้ว “ วาจาคุณชายน้อยเลื่อนลอยไปพร้อมหีบเหล็กที่ถูกพลิกตะแคง ได้เทเอาสิ่งที่อยู่ภายในเกลือกกลิ้งออกมา “ คุณพระ !...นี่มัน !...มัน ! “ แม่หญิงจันจีนร้องแตกตื่นตกใจ ดวงตาเบิกกว้าง มองชายหนุ่มร่างแบบบางที่เพิ่งพุ่งพวดออกจากหีบ โดยมือเท้ามันถูกมัดเชือกไว้แน่น ที่ปากมีผ้าผูกมัด หนำซ้ำยังมีดอกดอกพู่ระหงสีแดงสดทัดหู “ พ่อภู่ ! …. ท่านพามันมาที่นี่ทำไม ? “... พ่อภู่ที่แม่หญิงจันจีนเรียกขาน เหลือบตามองนางด้วยแววตาหวานเชื่อม เปลือกตาหรี่ปรือ ดั่งมีอาการเมามายอยู่หลายส่วน แม้มันจะถูกผ้ามัดปิดปาก หากยังไม่อาจปกปิดรอยยิ้มใต้ผ้าไว้ได้ “ นักเลงกลอนขี้เมาผู้นี้ ละเมอเพ้อถึงเจ้าอยู่ทั้งวันคืน เจ้าไม่อยากพบเจอมันดอกฤา ? “ น้ำเสียงยั้วล้อของพี่สาว เหมือนจะกระตุ้นโทสะของแม่หญิงจันจีนให้ฉีดซ่าน สีหน้านางแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด คิ้วขมวดขุ่น ดวงตาขึ้นเลือดฝอยแดงกร่ำ “ พ่อชายต่ำช้าเลวทรามเช่นมัน ! ใครอยากไปพบเจอมันเล่า ! “ อารมณ์นางพลั่งพรูเดือดดาล ตรงเข้าคว้ากาน้ำชา สาดลาดน้ำร้อนใส่ใบหน้ามันในบัดดล… ชั่วลัดนิ้วมือพี่สาวนางต้องรีบคว้าข้อมือแม่หญิงให้ระงับอารมณ์ เช่นเดียวกับสองคนสนิท ที่รีบเข้าไปพยุงตัวพ่อภู่ ช่วยดึงผ้าที่มัดปากเข้าไปเช็ดน้ำร้อนที่ลวกใบหน้ามันจนแดงกร่ำ โดยไม่มีใครคาด ว่าชายที่ถูกน้ำร้อนสาดใส่ พอเปิดปากได้กลับปลดปล่อยเสียงแรกเป็นวาจาคล้องจ้องในสำเนียงแห่งรัก “ เหมือนมัจฉามีสาครเป็นที่พึ่ง บุญแล้วจึงได้พบประสบศรี ต้องประสงค์อยู่ตรงไมตรีดี หากเจ้ามีสิ่งของใดใคร่บงการ จอมเจ้าเยาวลักษณ์พิไลพิลี้ เสียแรงพี่จงรักสมัครสมาน อย่าด่าว่านักชักเยิ่นให้เนินนาน จะเสียการไมตรีพี่เว้าวอน “... …อึ้ง !.... ตะลึงไปทุกผู้คน …นี่มันคนประเภทใดกัน จึงร่ายกลอนเพลงยาวฝากรัก ทั้งที่ถูกทำร่ายเช่นนี้ “ อย่าได้เปิดปากมัน !...มิเช่นนั้นน้องจะตัดลิ้นมันลอยไปกับโคมประทีป ให้รู้แล้วรู้รอดไป “ แม่หญิงจันจีนสบถเสียงขุ่นเคือง พลางเดินกระแทกเท้าปึงปัง !...มุ่งตรงออกจากห้องไป “ น้องจันจีน !...” พ่อภู่ไม่ทันเอ่ยวาจาทักท้วง ก็ต้องถูกสองคนสนิทจับผ้ามามัดปาก แล้วจับไหล่มันให้นิ่งอยู่กับพื้น ดูน่าขบขันปนอเนจอนาจ จนคุณชายน้อยอดอมยิ้มมิได้ ถึงกระนั้นคุณชายน้อยก็ยังเร่งรีบเดินตามน้องสาว โดยนางยังไม่วายปรายตามองนักเลงกลอนผู้เมามาย ที่ยังชายตาละห้อย มองตามน้องจันจีนไปสุดอาลัยอาวร…

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

Her Triplet Alphas

read
7.0M
bc

The Heartless Alpha

read
1.6M
bc

My Professor Is My Alpha Mate

read
513.6K
bc

The Guardian Wolf and her Alpha Mate

read
605.3K
bc

The Perfect Luna

read
4.1M
bc

The Billionaire CEO's Runaway Wife

read
647.4K
bc

Their Bullied and Broken Mate

read
494.8K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook