ลู่ลี่ในใจนั้นลิงโลดแทบจะลุกขึ้นกระโดดโห่ร้อง ในเมื่อคนตายไปแล้ว หานชางเหยียนก็ยังไม่ได้มีทีท่าว่าจะอาลัยอาวรณ์เท่าใด เช่นนั้นเขาผู้นี้ก็คงไม่หาคนสั่งการแล้วใช่หรือไม่ นางย่อมรู้จังหวะเคลื่อนไหว เวลานี้นอกจากแสร้งตีสีหน้าตกใจแล้ว ยังต้องยกแพรพกขึ้นมาซับน้ำตาเอ่ยเบา ๆ ว่า “โถ่ลูกเจี่ยเอ๋อร์ของแม่ เพิ่งลืมตาดูโลกแท้ ๆ กระทั่งท่านย่าทวดยังมิได้พบหน้าเจ้า เจ้าก็ต้องมาจบชีวิตเช่นนี้ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารยิ่ง” น้ำตาของลู่ลี่หยดแหมะราวกับสั่งได้ น้ำเสียงก็เศร้าสลดรันทดและเจ็บปวด ท่าทางการแสดงของนางช่างเหมาะสม กระทั่งหานชางเหยียนเห็นท่าทางนั้นยังต้องขยับมาใกล้แล้วกุมมือของลู่ลี่ทั้งบีบเบา ๆ ในคำพูดหนึ่งของลู่ลี่กลับทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าคิดถึงแผนการขึ้นมาได้ “ลู่ลี่กล่าวถูกต้อง ใช่ ไม่เคยมีผู้ใดเห็นหน้าทารก แม้แต่ย่าเองก็ไม่เคยเห็น หึ...เช่นนั้นพวกเราก็มีทางออกแล้ว” หนึ่งเดือนต่อมาขบวนรถม้าที่ม