คอนโด TC
18.00
วันนี้อาจารย์ปล่อยเร็วฉันเลยกลับมาเคลียร์งานที่คอนโดต่อส่วนไฟฉันไม่รู้เพราะเขาไม่ได้ติดต่อมาฉันทักบอกเขาก่อนจะเลิกเรียนไม่เห็นอ่านก็เลยขอติดรถเมษาเพราะคอนโดฉันเป็นทางผ่านพอดี
ติ๊ด!
คุณแม่
“ค่ะ”
[เสียงแข็งจังเลยลูกคนนี้]
“คุณแม่มีอะไรรึเปล่าคะ”
[เดี๋ยวนี้แม่โทรหาไม่ได้หรอ..พวกเราเป็นห่วงละ]
“แม่ค่ะ แม่รู้อยู่แก่ใจว่าทำไมหนูถึงไม่อยากคุย”
“อย่าพูดว่าเป็นห่วงอีกเลยค่ะ..ในเมื่อทุกคนทิ้งหนูไว้ข้างหลังปล่อยให้หนูอยู่รับชะตากรรมแบบนี้ในขณะที่ทุกคน”
[......]
“อยู่อย่างสบายในต่างประเทศไม่ต้องรับมือกับทุกอย่างแบบนี้”
[แม่ขอโทษ..ฮึก..แม่ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้]
“...”
[พอเถอะคุณ..]
ฉันกำโทรศัพท์ในมือแน่นอย่างข่มกลั้นอารมณ์อ่อนไหวของตัวเองทุกคนก็พูดได้สิเพราะไม่ได้อยู่ตรงนี้กับฉัน แม้แต่มหาลัยฉันก็ต้องย้ายชีวิตปกติสุขของฉันมันพังทลายลงพร้อมกับชะตากรรมที่ทุกคนทิ้งให้ฉัน
ใครบอกฉันไม่อายจากครอบครัวนักธุรกิจชื่อดังอยู่ในแวดวงไฮโซเพียงชั่วข้ามคืนกลับล้มละลายพร้อมหนี้สินมหาศาลไม่มีใครบอกอะไรฉันเลยจนจะออกนอกประเทศกันฉันถึงรู้ว่าที่พวกเขาไม่บอกเพราะ
นอกจากจะโดนลดศักดิ์ศรีแต่งงานเพื่อเงินและยังต้องทนปั้นหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกถ้าอยู่มหาลัยเก่าคงแบกรับไม่ไหวแน่ถึงฉันจะดูไม่แคร์ใครแต่ฉันจะทนสายตาดูถูกจากคนนับร้อยได้จริงน่ะหรอ
[ควีน..อย่าว่าแม่เขาเลยเป็นพ่อไม่ดีเอง]
“...”
[เป็นพ่อที่ทำทุกอย่างพัง..เป็นพ่อที่]
“พอเถอะค่ะ..หนูเหนื่อยแค่นี้นะคะ”
ติ๊ด!!
ฉันกดตัดสายโดยที่ไม่รอให้คนปลายสายได้พูดอะไรเพราะตอนนี้ฉันไม่อยากจะรับอะไรแล้วพ่อกับแม่ทำไมต้องเสียใจในเมื่อพวกท่านตัดสินใจแล้ว
ควีนนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงนอนใบหน้าสวยหวานซบลงบนเข่าอีกทีน้ำสีใสที่พยายามกลั้นไว้ไหลเอ่ออยู่รอบกระบอกตาเธอเหนื่อยมากถึงอยู่นี้จะดีแต่มันก็ไม่เหมือนเดิมเธอหนักใจทุกครั้งที่ต้องมองหน้าเขาดูก็รู้ว่าเขาไม่เต็มใจแต่ง ที่รับเธอมาอยู่ด้วยคงเพราะน้าพิมพ์แม่ของเขาเท่านั้นและเขาจะคิดยังไงเมื่อผู้หญิงที่จดทะเบียนด้วยได้มาเพราะพ่อแม่แลกกับเศษเงินบ้านเขาไม่มีใครอยากแต่งกับคนที่ไม่ได้รักหรอก!!
แม้แต่เธอเองยังอยากมีอิสระบั้นปลายชีวิตก็แค่อยากอยู่กับคนที่รักและพร้อมที่จะดูแลเราแต่เมื่อเป็นแบบนี้ฉันคงได้แต่เลิกฝันเพราะตอนนี้ไม่รู้เลยว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง
ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่ามากจริงๆ และไม่เป็นที่รักของใครแม้แต่ครอบครัวของตัวเอง
“ฮึก… ฮือ”
ไหล่บางสั่นไหวตามแรงสะอื้นเธอไม่ได้ร้องไห้แบบนี้มานานแล้วแต่พอได้คุยกับที่บ้านทีไรเธอไม่สามารถกักเก็บความน้อยใจไว้ได้เลยทำไมพวกท่านถึงตัดสินใจแบบนี้ขนาดหมามันยังรักลูกของมันแล้วเธอล่ะ..พวกท่านไม่รักเลยหรอลูกก็มีตั้งสองคนทำไมต้องเป็นเธอด้วย!!!
ควีนร้องไห้จนเผลอหลับไปตื่นมาอีกทีก็เที่ยงคืนแล้วเธอจัดการทำธุระส่วนตัวก่อนเผื่อเตรียมนอนร่างบางมองตัวเองผ่านกระจกใบหน้าสวยหวานยังเหมือนเดิมเพียงแต่ดวงตาสวยกลับบวมแดงขึ้นมา
น่าเกลียดจริงๆ เลยยัยควีน!
ก่อนนอนก็เอาโทรศัพท์มาเช็กก่อนปรากฏว่าเป็นข้อความจากไฟส่งมาช่วงสามทุ่มกว่าซึ่งตอนนั้นเธอหลับ
ไฟ : ฉันไม่อยู่แต่ให้คนเอารถไปจอดไว้ที่คอนโดให้แล้วพรุ่งนี้ก็ขับไปเรียนเองแล้วกัน กุญแจวางอยู่บนโต๊ะในห้องนอนฉัน
ควีน : อืม ขอบใจนะ
เมื่อพิมพ์ตอบกลับไปไม่นานข้อความก็ขึ้นว่าอ่านแล้วฉันรอสักพักว่าเขาจะพิมพ์อะไรไหมแต่หน้าจอกลับเงียบสนิทฉันเลยกดออกแชทและกดล็อกหน้าจอทันที
อะไรกัน เธอหวังให้เขาพิมพ์อะไรเนี่ย
ติ้ง!
ไฟ : รีบนอนได้แล้ว
ข้อความสั้นๆ ตามสไตล์เขาทำให้ฉันอดยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้ คนอะไรจะบอกฝันดีก็ไม่บอก ชิ!
ควีน : ฝันดีนะ
ฉันตอบกลับข้อความและกดล็อกหน้าจอทันทีก่อนจะล้มตัวลงนอนพร้อมกับรอยยิ้มกว้างดีที่เธอไม่ได้พูดกับเขาต่อหน้าไม่งั้นเขาต้องรู้แน่ว่าเธอหน้าแดงแค่ไหน
บางทีการอยู่กับเขาอาจจะดีก็ได้
คณะนิเทศศาสตร์
ร่างบางของควีนลงจากรถออดี้สีขาวที่ไฟให้เอามาขับรถคันนี้เธอไม่เคยเห็นมาก่อนปกติไฟจะใช้แค่รถซูปเปอร์คาร์คันโปรดของเขาแต่ก็ดีแล้วถ้าให้เธอขับซูปเปอร์คาร์มีหวังได้เอาไปวัดกับฟุตบาทแน่ๆ
ตลอดทางมีสายตาไม่เป็นมิตรจากคนแถวนั้นบ้างก็มองด้วยความหมั่นไส้ บ้างก็มองด้วยความเกลียดชังจนเธอสัมผัสได้
ปกติเจอคนมองจนชินและไม่สนใจแต่วันนี้มันกลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงเหมือนกับตัวเธอเป็นหัวข้อสนทนาอะไรบางอย่างทำให้ควีนตัดสินใจรีบเดินขึ้นตึกอย่างรวดเร็วเพื่อหลีกหนีสายตาแปลกๆ
“ควีน!!!”
“อ่ะ..เมษา”
“เธอ..อย่าพึ่งเข้าไปในห้อง”
หืมมม
มือบางที่กำลังจะเปิดประตูห้องเรียนเข้าไปต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากเมษาเพื่อนสาวที่พึ่งรู้จักกันเรียกไว้ซะก่อนเธอจึงหันกลับมามองเพื่อนอย่างงงงวย
“มานี่ก่อน ตามฉันมา”
“เดี๋ยว!แต่จะเริ่มเรียนแล้วนะ”
“มาเหอะ เรียนช่างมัน!”
ฉันเดินตามแรงดึงของเมษามาจนถึงหลังตึกคณะที่ห่างไกลผู้คนเธอถึงปล่อยมือและหันมามองหน้าฉัน ตอนนี้ฉันสับสนมากว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่มาถึงมหาลัยแล้วไหนจะเจอเมษาที่ทำตัวแปลกๆ อีก ลางสังหรณ์บางอย่างมันเตือนว่าต้องมีอะไรแน่!
“เธอพาฉันมาที่นี่ทำไม”
“ฉันว่าแล้วว่าเธอต้องยังไม่เห็น”
“เห็นอะไร”
เมษายื่นหน้าจอโทรศัพท์มาให้ฉันดูเป็นเพจเม้าท์มอยที่กำลังตั้งข้อสงสัยและประเด็นที่พวกเขาพูดถึงกันก็คือ ฉัน
ในโพสนั้นบอกเล่าว่าแต่ก่อนฉันชื่อและนามสกุลอะไรเคยเรียนที่ไหนและครอบครัวของฉันคือใครพร้อมภาพประกอบข่าวการล้มละลายและข้อสงสัยคือพ่อแม่ฉันหนีออกนอกประเทศส่วนฉันก็พยายามจับไฟด้วยการปล่อยท้องเพื่อให้เขาแต่งงานกับฉันและนี้คือที่มาว่าทำไมฉันถึงได้ใช้นามสกุลเขา
เมื่ออ่านจบ มือที่ถือโทรศัพท์อยู่สั่นระริกด้วยความกลัวและโกรธฉันไม่รู้ว่าใครทำเรื่องพวกนี้ซึ่งเรื่องการย้ายมหาลัยมันคงไม่แปลกแต่เรื่องที่เกี่ยวกับไฟมันแปลกถึงจะแค่ตั้งข้อสงสัยแต่มันก็ใกล้ความเป็นจริงมากซึ่งคนที่รู้เรื่องนี้มีอยู่ไม่กี่คน ครอบครัวฉัน น้าพิมพ์แม่เขา และเขาซึ่งครอบครัวฉันและน้าพิมพ์ไม่มีทางทำแบบนี้แน่ตอนนี้คนที่ฉันสงสัยมากที่สุดก็คือเขา!!
“แก..โอเคไหม”
เมษาถามอย่างเป็นห่วง ตั้งแต่รู้จักกันมาควีนเป็นประเภทแข็งนอกอ่อนใน ถึงจะดูหยิ่งแต่เนื้อแท้ควีนไม่ได้หยิ่งเธอคิดว่าเพื่อนต้องไม่โอเคแน่ๆ
“ฉัน..”
“แก..ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
“ฮึก..เมษา..ฉันไม่”
หมับ!!
“แกร้องเท่าที่แกต้องการเลยฉันจะอยู่กับแกเอง”
เมษากอดฉันไว้แน่นและไม่ถามอะไรสักคำส่วนฉันที่เจอความจริงกระแทกหน้าก็ได้แต่ซบหน้ากับไหล่เมษาและร้องไห้ออกมาเบาๆ ตอนนี้สิ่งที่ฉันกลัวมันเปิดเผยออกมาแล้วฉันยังจำสายตาของใครหลายคนที่มองฉันได้เป็นอย่างดีพวกเขาล้วนตัดสินฉันเพียงเพราะข่าวลือ
ส่วนคนที่ฉันสงสัยวันนี้เขากลับหายตัวไปมันทำให้ข้อสงสัยของฉันเริ่มชัดเจนขึ้น เพราะทุกอย่างมีแค่ฉันกับเขาที่รู้แล้วจะมีใครเอาเรื่องพวกนี้มาเล่นงานฉันอีก
ไฟ ไหนนายบอกไม่ได้เกลียดฉันไง….
ยิ่งคิดน้ำตายิ่งหลั่งไหลออกมาเรื่อยๆ ด้วยความเสียใจฉันเริ่มกลัวการเผชิญหน้ากับคนอื่นแล้วฉันจะทำยังไงดี ฮึก ฮึก
“ไม่เป็นไรนะแก”
“อืม”
โชคดีจังที่ตอนนี้ฉันมีเมษาและโชคดีที่เธอพาฉันออกมาก่อนไม่งั้นเข้าห้องเรียนไปไม่รู้จะทำหน้ายังไงเลย ทำทุกเรื่องฉันต้องแบกรับไว้อีกแล้ว ฉันได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา