bc

พ่ายรักพลิน

book_age18+
762
FOLLOW
4.7K
READ
dark
drama
twisted
humorous
lighthearted
serious
kicking
like
intro-logo
Blurb

คงเจ็บปวดไม่น้อยหากรู้ว่าตนเองถูกใช้เป็นหมากตัวหนึ่ง

ในกระดานของเกมแก้แค้นและฟาดฟันห้ำหั่นกับอีกฝ่าย

แต่แล้วเมื่อเรื่องราวถึงจุดจบใครกันจะเป็นคนที่เจ็บปวดที่สุด

เขา เธอ หรือ ทุกคน

##########

“ถ้าคุณทนไม่ไหวจริงๆ ก็ช่วยจบสัญญาของเรา เซ็นชื่อลงในทะเบียนหย่าเถอะค่ะ ในส่วนที่ผิดสัญญาคุณต้องปรับอีกเท่าไร จะหามาใช้คืนให้”

ลืมไปเสียสนิทว่าต้องหย่า ธีร์หรี่ตามองคนที่ท้าเหย็งๆก่อนเหยียดยิ้มว่า “ทำไมผมต้องหย่า ในเมื่อมีทั้งคนรับใช้ทั้งนอกห้อง ในห้อง แถมบนเตียง ออลอินวันในคนเดียวแบบนี้คุ้มเกินคุ้มเสียอีก...ว่าไหม”

เลือดในกายพุ่งปรี้ดเมื่อได้ยินคำหยามหมิ่นของเขา ไม่เคยสุดทนสุดกลั้นแบบนี้มาก่อนในชีวิต จะให้เข้าไปทำร้ายเขาก็ผิดวิสัยของเธอ ณิชามองเขาด้วยแววตาแบบเดียวกับคำพูด

“คุณทำสัญญาไว้ว่าจะหย่าเมื่อครบหนึ่งปี”

“แล้วไง ผมไม่หย่า ใครจะมาจับมือผมเซ็นชื่อได้”

“ฉันจะฟ้องศาล”

“เอาสิ ให้ช่วยหาทนายให้ไหม”

“ฉันเกลียดคุณ ได้ยินไหม”

ธีร์ยิ้มร้ายกาจเข้ามาตวัดจูบเธออย่างไม่ให้ตั้งตัว รู้สึกได้ว่าปากเริ่มหนาบวมเพราะแรงบดไร้ความปราณีจากเขา ก่อนที่คนใจร้ายจะปล่อยให้เธอได้หายใจเอาอากาศเข้าไปในปอด

“ก็ดีแล้วนี่หนูณิช” เขาผละมาโต้เหนือริมฝีปากของเธอ ก่อนสบตาท้าทายบอกอย่างทระนงในความเป็นธีร์ “ผมนึกกลัวแต่ว่าคุณจะเกลียดผมไม่ได้เท่านั้นเอง”

chap-preview
Free preview
1
        ‘บารมี’ วางเอกสารในมือลง หลังได้รับรายงานจากเพื่อนกึ่งลูกน้องว่าเขากำลังถูกนายสมโกง         เพราะความไว้วางใจให้ช่วยบริหารงาน จึงยอมให้อีกฝ่ายช่วยเหลือ เคยตรวจสอบประวัติพบว่าขาวสะอาด โปร่งใสดี รวมถึงมีผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนช่วยแนะนำมาให้อีกทีจึงไว้ใจมากกว่าใครคนอื่น เผื่อใจไว้บ้างแล้วแต่ไม่วายเจอเล่ห์กลโกงขั้นเทพ ชนิดที่ว่าหากเขาไม่ใช้คนที่ชำนาญการมากกว่ามาตรวจสอบอีกทีคงไม่พบว่ามีการฉ้อโกงครั้งนี้เกิดขึ้น         อีกฝ่ายแก้ไขเอกสาร ตัวเลขการส่งออก ทั้งยังลักลอบยักย้ายถ่ายเทผลผลิตล็อตใหญ่ไปขายโดยไม่ลงรายงาน แล้วนำของที่ไร้คุณภาพมาบรรจุใส่แทนในนามของไร่มากล้นบารมี ขาดทุนไม่พอ ยังเสียชื่อเสียง กลายเป็นข่าวดังอยู่ในขณะนี้อีกด้วย         คงเห็นว่าเขาใจดีเกินไปแล้วละมัง         “ทำมานานแค่ไหนแล้วหนุ่ย”         เสียงถามนั่นเคร่งเครียดเต็มไปด้วยโทสะอัดแน่น         ชายร่างสันทัดสูงไม่ทัดเทียมคนเป็นนายเจ้าของชื่อ ‘หนุ่ย’ มองบารมีที่แม้ภายนอกดูนิ่ง แต่ข้างในคงเดือดดาลน่าดู เทียบเคียงภูเขาไฟรอปะทุอยู่ทุกวินาที ก่อนตอบเสียงเครียดปานกัน         “สายสืบเรารายงานว่าทำมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้วครับ แก้เอกสาร แก้ตัวเลขในบัญชีมาเรื่อยๆ มีคนในของเรากลุ่มหนึ่งคอยช่วยนายสมด้วยครับ” “ระยำเถอะ!” เค้นเสียงสบถอย่างเหลืออดในพฤติกรรมของนายสม หนุ่ยชำเลืองมองชายรุ่นพี่ที่ควบตำแหน่งเจ้านายด้วยสายตาเห็นใจ แม้บารมีจะเป็นลูกเศรษฐีมีชื่อในจังหวัด แต่เขาไม่เหมือนลูกคนรวยทั่วไป และเพราะไม่ยอมสานต่อกิจการของทางบ้าน จึงถูกตัดขาดการช่วยเหลือของทางนั้นอย่างสิ้นเชิง ไม่มีเงินทุนช่วยหนุน ไม่มีใครคอยช่วยเหลือติดต่อประสานงานใดๆ ให้ บารมีต้องทำเอง เริ่มเองทั้งหมด พอตั้งใจทำอะไรแล้วมีคนคอยทิ่มแทงอยู่แบบนี้ก็จะให้เป็นสุขอยู่ได้อย่างไร บารมีเองมักทำตัวติดดินมาเสมอตั้งแต่เด็ก และที่หันมาจับงานเกษตรนี้ก็ด้วยใจรักล้วนๆ เขาเริ่มต้นจากศูนย์ มุทำงานบนพื้นที่เล็กๆ ไม่กี่ไร่ จนผลผลิตงอกงามเป็นไปได้ด้วยดี ก็มีนายสมเข้ามาเสนอตัวช่วยงาน ทั้งที่ปกติแล้วบารมีไม่ใช่พวกเชื่อใจใครง่ายๆ แต่นายสมเข้ามาถูกจังหวะที่บารมีต้องการความช่วยเหลือพอดิบพอดี บวกกับความเป็นคนมีฝีปากเก่งและฝีมือการโกงที่เชี่ยวชาญจึงทำให้บารมีพลาดจนได้ และเครียดจัดอยู่ในขณะนี้ หนุ่ยตัดสินใจส่งซองเอกสารสีน้ำตาลในมือให้คนที่ตนนับถือเป็นนาย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว รู้อีกสักเรื่องไปเลยก็แล้วกัน  “อะไร” บารมีมองก่อนถามด้วยน้ำเสียงระแวง “ข้อมูลของคุณญาดาครับ” “พี่ไม่ได้อยากรู้” คนเป็นนายมักแทนตัวเองว่าพี่กับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาทุกคน หนุ่ยถอนใจเบาๆ พยักหน้าน้อยๆ บอกอย่างจำใจ “แต่เรื่องนี้พี่ควรต้องรู้ครับ” มองสบตาหนุ่ยแล้ว บารมีรับมาเปิดออกดู ยิ้มหมิ่นแคลน สบถออกมาอีกคำ พร้อมนึกถึงหญิงสาวที่ชื่อ ‘ญาดา’ ส่ายหน้าชิงชังด้วยความสะอิดสะเอียน ญาดาเข้ามาทำตัวสนิทสนมกับเขาได้พักใหญ่ โดยติดตามนายสมมาที่นี่ด้วยเสมอ เจ้าหล่อนอ่อนหวาน เอาใจเก่ง พูดจารู้อยู่รู้เป็น แล้วหากต้องออกไปข้างนอกด้วยกัน เธอก็จะทำตัวให้ดูเหมือนว่าสนิทสนมกับเขามากเป็นพิเศษ บารมีมั่นใจว่าหากใครมองเข้ามาที่เขากับญาดา ก็ต้องคิดว่ากำลังคบหาดูใจกันอยู่เป็นแน่ บุตรสาวของนายสม สวยสดงดงามจริง ญาดารู้จุดเด่นของตัวเองดีว่ามีตรงไหนที่ใช้มัดใจชายได้ก็จะดึงเอาออกมาใช้ เจ้าหล่อนชอบที่จะส่งสายตาหวานฉ่ำพร้อมเอ่ยคำพูดหยอกเย้าป้อยอทุกครั้งที่แวะเวียนมาหา ชายผู้ไม่ค่อยมีเวลาสนใจมองใครเพราะมัวแต่มุ่งทำงานอาจมีเคลิบเคลิ้มเผลอไผลไปบ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นหลงใหลขนาดชายคนอื่นที่เธอเที่ยวหว่านเสน่ห์ใส่ ‘รู้จักคนอย่างบารมีกันน้อยเกินไปแล้วละมัง’ หนุ่ยคิดอยู่ในหัว เมื่อเห็นใบหน้าของบารมีนิ่งเฉย อ่านและคาดเดาความคิดไม่ออก แต่กระนั้นหนุ่ยก็พอทราบอารมณ์ของคนเป็นนายได้อย่างดี เพราะเติบโตมาด้วยกัน บารมีอายุมากกว่าเขาเพียงสามปีเท่านั้น แต่นิสัยโตกว่ารุ่นเดียวกันมาก รวมถึงทัศนคติ การวางตัว และลึกๆ แล้วนายของหนุ่ยเป็นคนเด็ดขาดขั้นสุด คำไหนคำนั้น เป็นคนถนอมวาจา เงียบ เปี่ยมไปด้วยบารมีสมชื่อ เขามีคนรู้จักมากหน้าหลายตาส่วนหนึ่งมาจากนามสกุลดังที่ต่อท้าย แต่อีกส่วนที่รู้จักก็เพราะความมีมิตรไมตรีชอบช่วยเหลือคนของบารมีเอง จึงได้รับการตอบแทนเป็นความช่วยเหลือเกื้อกูลกลับมาเมื่อเขาต้องการเช่นกัน แต่ไม่เคยมีใครกล้าทำกับบารมีอย่างที่นายสมทำมาก่อน จากความคุ้นชินกันเป็นอย่างดีนี้เอง หนุ่ยคาดว่าอาการนิ่งขรึม ควบคุมตัวเองได้อยู่เสมอนั้น ภายใต้ลงไปข้างในลึกๆ คงกำลังคิดหนทางเอาคืนอีกฝ่ายอยู่เป็นแน่ บารมีเป็นคนประเภทรักแรงเกลียดแรง ฝังใจเจ็บ ชอบและสนุกกับการแก้แค้นเอาคืน เขาไม่ใช่พ่อพระมาเกิด แม้จะมีน้ำใจช่วยเหลือใครต่อใคร แต่ภายในจิตใจลึกๆ ด้านมืดแล้ว บารมีมีความผูกใจเจ็บชนิดที่ว่าสามารถเล่นงานอีกฝ่ายให้ย่อยยับจมดินได้ด้วยเหตุผลเล็กๆ น้อยๆ ที่คิดมาหยามหมิ่นความตั้งใจดีของตัวเอง บารมีสามารถทำได้ทุกวิถีทางให้คนประสงค์ร้ายกับตนนั้นไร้ซึ่งที่ยืน ไร้ซึ่งทุกสิ่งอย่างได้แบบไม่สนใจสิ่งใดๆ เลยทั้งสิ้น ใครดีมาบารมีดีตอบ แต่หากใครร้ายมาคาดว่าคนผู้นั้นต้องชะตาขาดในอนาคตอันใกล้นี้อย่างไม่ต้องสงสัย จริงอย่างที่หนุ่ยคาด วินาทีนั้นเองบังเกิดความคิดชั่วร้ายแวบหนึ่งในหัวของบารมี รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากก่อนลงนั่งนิ่งๆ พร้อมแผนการตอบโต้นายสมให้หน้าแหกกลับไปเช่นกัน คนอย่างบารมีไม่เคยทำใครก่อน แต่หากใครคิดมาต่อกรด้วย เห็นว่าเขาเป็นหมูในอวย ก็คาดว่าคนผู้นั้นคงคิดผิดไปมหันต์   ‘พลิน’ เป็นลูกจากเมียคนที่ห้าของ ‘นายสม’ ภรรยาคนแรกของนายสมเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่คลอดลูกคนแรกออกมานั่นก็คือ ‘ญาดา’ หลังจากนั้น นายสมมีภรรยามาอีกเรื่อยๆ แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงคนใด นายสมไม่มีบุตรธิดากับใครอีกเลย จนมาถึงนางพยอม หลานสาวคนงานเก่าในบ้านตัวเอง จะว่าไปนางพยอมก็เทียบเคียงคนรับใช้คนหนึ่งในบ้านของนายสม นายสมเข้าหานางพยอมกลางดึก แรกๆ ใช้กำลังบังคับ สมัยนั้นนางพยอมยังเด็กไม่ประสาก็ก้มหน้ารับสภาพไป แล้วก็ตั้งครรภ์จนได้ทั้งๆ ที่คุมกำเนิดอยู่แท้ๆ เมื่อคลอดออกมาแล้วก็เลี้ยงดูตามประสา นายสมเองไม่ได้ไยดีลูกจากเมียบ่าวคนนี้เท่าไรนัก นั่นเพราะนางพยอมไร้ศักดินา ไร้เงินตรา และลูกที่ออกมายังเป็นบุตรสาวเสียนี่ ‘เสือกจะมาเกิดทั้งที ทำไมไม่เป็นผู้ชายวะ’ นายสมออกปากแบบนั้นเมื่อนางพยอมคลอดออกมาเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ท่าทางอมโรค นางพยอมอุ้มไปให้หลวงตาที่วัดตั้งชื่อให้ ท่านก็ว่าให้ชื่อ ‘พลิน’ จากนั้นเป็นต้นมา พลินถูกเลี้ยงดูตามมีตามเกิด ส่วนญาดา บุตรสาวกับภรรยาแต่งคนแรกที่เสียไปนั้น นายสมส่งเสียเลี้ยงดูเป็นอย่างดีราวเจ้าหญิงก็มิปาน ญาดาได้เรียนในโรงเรียนชั้นเลิศที่กรุงเทพฯ จบออกมา เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ค่าเทอมค่าใช้จ่ายแพงหูดับเลยทีเดียว แต่นายสมก็สามารถส่งเสียได้ไม่ขาดตกบกพร่อง บุตรสาวจากนางพยอมนั้นได้เรียนที่โรงเรียนรัฐบาลใกล้บ้านตั้งแต่เล็กจนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย แต่ด้วยความใฝ่ดี ใฝ่รู้ รักการอ่าน แม้จะเป็นเด็กเก็บเนื้อเก็บตัว พูดน้อย แต่ฉลาดดี เสียแต่ไม่ค่อยเฉลียว พลินสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังระดับประเทศได้ด้วยความมุ่งมั่นของตัวเอง ญาดา ผู้พี่ แม้ต่างมารดากัน แต่อีกฝ่ายไม่เคยแสดงท่าทีรังเกียจพลิน น้องที่เกิดจากเมียบ่าวของนายสม กลับกันเสียอีก เจ้าหล่อนมักแสดงตัวว่ารักและเอ็นดูพลินอยู่เสมอ เช่นเวลานี้ที่เจ้าตัวกลับมาถึงบ้าน ก็ร้องเรียกหาน้องสาวร่วมบิดาเสียงอ่อนเสียงหวาน “พลินจ๋า” เมื่อไม่พบหน้า เลยเดินล่วงเข้าไปยังในครัว คิดว่าน่าจะพบตัวในนั้น เพราะพลินช่วยงานนางพยอมเป็นนิจ ญาดากลับมาบ้านค่อนข้างบ่อย เคยได้ยินนายสมอวดอวยบุตรสาวคนโตว่า ญาดายังเรียนไม่จบดีก็ไม่อยากให้เสียเวลากลับมาบ้านทุกสองสัปดาห์ บ้างก็ทุกสัปดาห์แบบนี้ แต่ญาดายืนยันว่าที่กลับมานั้น เพื่อมาช่วยงานบิดา นายสมเป็นตัวแทนประกันภัยขึ้นป้ายเป็นชื่อบริษัทเล็กๆ เช่าอาคารสามคูหาในตัวจังหวัดเป็นสำนักงาน มีคนงานในนั้นเพียงคนเดียวเป็นหญิงหน้าตาคร่ำเคร่งชื่ออุสา ญาดากลับมาบ้านทีไร ก็มักเข้าไปช่วยงานเอกสารให้นายสมทุกที พอมีคนถามว่าญาดาเรียนใกล้จบแล้วหรือยังเพราะเห็นเรียนมาหลายปีดีดักแล้วยังไม่ได้รับปริญญากับเขาเสียที เพื่อนที่เข้ามหาวิทยาลัยไปรุ่นราวคราวเดียวกันจบออกมาก็หลายคน เจ้าตัวให้เหตุผลสวยๆ ว่าคณะของตนเรียนแปดปีจึงจบ เท่านั้นเลยไม่มีใครปริปากถามอะไรอีก “คะพี่ดา” เสียงขานรับนั่นเป็นของพลินเอง พอได้ยินว่ามีคนเรียกหา จึงขานเมื่อได้ยิน พอดีกับที่พยุงนางพยอมมาส่งยังเก้าอี้ในห้องครัว ค่อยเห็นญาดาเดินพ้นอีกประตูจากด้านในบ้านเข้ามาในห้องครัวเช่นเดียวกัน อีกฝ่ายมองนางพยอมที่เคลื่อนไหวกายลำบากเพราะมีปัญหาเรื่องปวดหลัง ปวดขา ก็ไม่ใคร่ใส่ใจอยากถาม แล้วปรี่เข้าไปกอดพลินเสียแน่น หอมแก้มซ้ายขวาจนพลินออกอาการเขินหน่อยๆ กับท่าทีของผู้พี่ ญาดาผลักคนน้องออกเพื่อมองสำรวจอีกฝ่ายด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ น้องสาวพ่อเดียวกันแท้ๆ แต่สวยแทบไม่ได้ครึ่งของเธอเลยด้วยซ้ำ พลินผอมมาก อีกทั้งผิวพรรณยังดำคล้ำกระดำกระด่าง แขนขายาวเก้งก้างราวโครงกระดูกเดินได้ ดูไปก็คล้ายพวกเด็กต่างด้าวอยู่ไม่ใช่น้อย แต่กระนั้นปากช่างพาทีที่ได้มาจากนายสมก็เอ่ยแสดงความยินดีกับน้องสาว ตามวิสัยคนช่างป้อยอ “ดีใจด้วยนะพลินที่สอบเข้าคณะอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ได้แล้วน่ะ ดูสิเก่งกว่าพี่สมัยนั้นตั้งแยะแน่ะ พี่ยังสอบไม่ติดเลยสักที่จนต้องไปสมัครเรียนมอเอกชน แล้วนี่คุณพ่อทราบเรื่องหรือยัง” พลินยิ้มให้พี่สาว ปลอบแล้วว่าเชิงขอร้อง เพราะอยากให้บิดารู้จากปากของตัวเองมากกว่า “พี่ดาเก่งออกค่ะเรียนคณะนั้นใช้แต่ภาษาอังกฤษ ให้พลินไปเรียนก็ดูท่าจะไม่ไหวเหมือนกัน เรื่องสอบได้พลินยังไม่ได้บอกท่านค่ะ พี่ดาอุบไว้ก่อนนะคะ อย่าเพิ่งบอก” ญาดากดมุมปากลงชั่วขณะก่อนคลายออก เมื่อมองคนที่ต่ำกว่าตนเองทั้งรูปลักษณ์ วัยวุฒิและฐานะก่อนว่า “แหม...เราเนี่ยอะไรก็ไม่รู้ต้องทำเป็นอุบเอาไว้ก่อนด้วย” เกือบหลุดปากออกไปแล้วว่าต่อให้บอกไป บิดาก็ไม่ได้ดีใจเท่าไรนัก แต่ยั้งปากไว้ทัน เข้าเรื่องที่ตนเองมาร้องเรียกหาอยู่นี่ “งั้นเราไปฉลองกันนะ พี่เลี้ยงเอง” พลินยิ้มจนตายิบหยีดีใจที่พี่สาวร่วมบิดาใจดีกับตน ไม่เคยนึกรังเกียจที่ตนเป็นน้องคนละแม่เลย แล้วหันไปทางมารดาที่นั่งมองสองสาวสนทนากันอยู่  “แม่จ๋า...”            เอ่ยออกมาแค่นั้น นางพยอมก็ยิ้มอ่อนโยนพยักหน้าทำนองว่าตนได้ยินหมดแล้ว และหากว่าไปกับญาดา บุตรสาวคนโตสุดโปรดของนายสมก็จะเป็นอะไรไป อย่างน้อยๆ ก็พี่กันน้องกัน ญาดากลับจากกรุงเทพฯ แต่ละครั้ง นอกจากจะมีของมาฝากน้องต่างมารดาอย่างพลินแล้ว ยังมักพาเด็กสาวออกไปเที่ยว ไปกินข้าวนอกบ้านแบบนี้เสมอ และในวันนั้นเองที่พลินได้พบกับบารมี ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาที่มีแววตาคมเข้มดุดันจริงจัง เขาคือเจ้าของไร่มากล้นบารมี ชายผู้ซึ่งผันตัวเองมาเป็นชาวไร่เต็มตัวที่ซึ่งสาวๆ ทั้งจังหวัดหมายปอง “อุ๊ย! คุณบารมี” ญาดาทักทายยิ้มแย้ม น้ำเสียงอ่อนหวานติดอ้อนอยู่ในที เมื่อเดินสวนกับชายหนุ่มคนนั้นเข้า เขาทำเพียงยิ้มมุมปากก่อนทักกลับตามมารยาท “สวัสดีครับคุณดา” ท่าทีสุภาพ แต่กระนั้นดูไว้ตัว ญาดาชำเลืองมองคนในร้านเมื่อเห็นว่าคนอื่นพากันมองมาที่ตนเองและบารมีก็ผละเข้าไปจนชิด แสดงท่าทีสนิทสนม จงใจให้คนอื่นมองว่าเธอกับชายคนนี้ไม่ใช่แค่รู้จักกันผิวเผิน ไม่สนใจท่าทีของอีกฝ่ายเลยสักนิดว่าอยากสนิทกับตนด้วยหรือไม่ “มาธุระหรือนัดเลี้ยงใครที่นี่คะเนี่ย” พลินมองพี่สาวกับชายหนุ่มคนนั้นเสวนากัน แล้วก็ให้ร้อนใบหน้าขึ้นวูบหนึ่ง เมื่อเขาปรายตามองมาที่เธอชั่ววินาที ท่าทางเขาดูไม่น่าเข้าไปพูดคุยพูดเล่นด้วยเลย แต่คงสนิทกับญาดาจริง พี่สาวของเธอถึงได้คุยกับเขาด้วยท่าทีสนิทด้วยเช่นนั้น น้ำเสียงเขาฟังดูทุ้มละมุนหูท่าทางคล้ายจะใจดี แต่ก็คล้ายว่ามีบางอย่างซุกซ่อนอยู่ภายใต้ดวงตาสีดำคมกริบคู่นั้นของเขา พลินเลยเสมองไปทางอื่นอย่างไม่รู้จะทำอะไรที่ดีไปกว่านี้ รู้มาบ้างว่าบารมีเก่งที่สามารถพลิกฟื้นผืนดินรกร้างให้เกิดผลผลิตได้ทั้งไร่ ด้วยการปลูกข้าวรวมถึงผลไม้ พืชผักออร์แกนิกหลายชนิด จึงเป็นหัวข้อให้คนทั้งจังหวัดนำมาพูดกันและยอมรับในความสามารถของอีกฝ่ายไม่ใช่น้อย รู้อีกว่าเพราะเขาไม่ยอมขายที่ผืนนั้นที่เป็นมรดกของบรรพบุรุษ ทั้งยังหัวดื้อไม่รับช่วงต่อกิจการของครอบครัวจึงถูกตัดหางปล่อยวัด ไม่ได้รับการช่วยเหลือทางเงินทุน หรือแม้แต่การติดต่อทางการค้าก็ด้วย บารมีต้องดิ้นรนด้วยตัวเองทั้งสิ้น เขาไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ ทั้งนั้นจากครอบครัว เงินที่ลงไปในไร่ทั้งหมดจึงเป็นของบารมีคนเดียวทุกบาททุกสตางค์ และพอเงียบฟังจากที่เขาสนทนากับญาดา ก็จับใจความได้ว่าเขาออกมาเลี้ยงสังสรรค์กับคู่ค้าธุรกิจของเขาที่ร้านอาหารแห่งเดียวกันนี้ พลินลอบมองเขาตลอดตอนที่อีกฝ่ายหันไปคุยกับญาดา พอจังหวะที่เขาหันหน้ามามองเธอ เลยได้สบตากันแวบหนึ่ง พลินรีบหลบตาจากเขาทันที รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงกับแววตาทรงอำนาจคู่นั้น คุยกันไม่นาน บารมีขอตัวกลับไปยังโต๊ะของเขาด้วยท่วงท่าองอาจ เปี่ยมบารมีสมชื่อ หน้าตาหล่อเหลาคมคายของเขายังคงติดตาตรึงใจพลินอยู่ไม่สร่างซา รวมถึงสายตาคมกริบราวใบมีดที่แฝงอะไรบางอย่างข้างในนั้นด้วย “พลิน” เสียงพี่สาวต่างมารดาเรียก พอหันขวับไปมอง ญาดาก็ยิ้ม แล้วเอ่ยปากคล้ายแซวเธอ “มองตาค้างเลยหรือไง” “พลิน...” อึกอัก เสียงเบาตามนิสัย หลบตาพี่สาวก่อนว่า “...พลินแค่เหม่อ เอ่อ...แค่คิดอะไรเล่นๆ เท่านั้นเองค่ะ เผอิญมองไปทางนั้นพอดี ไม่ได้มองใครตาค้างนะคะพี่ดา” พลินที่เพิ่งเคยเห็นตัวเป็นๆ ของชายชื่อบารมีเป็นครั้งแรกตอบพี่สาวออกไปไม่เต็มเสียงนัก เมื่อตอนได้ยินเรื่องของเขา นึกว่าคงอายุมากกว่านี้ อย่างน้อยก็น่าจะอายุสักสี่สิบปีปลายๆ แต่ตัวจริงเขายังดูหนุ่มอยู่มาก คาดว่าอายุไม่น่าเกินสามสิบปีด้วยซ้ำไป ที่สำคัญเขาดูดี หล่อเหลาไม่น้อยเลยทีเดียว  ญาดายิ้ม ส่ายหน้าทำนองว่าไม่เชื่อถือคำพูดของเธอ ใครพบบารมีแล้วไม่เคลิ้มในความเป็นเขา ให้อมโคลนมาพ่นใส่หน้าเธอได้เลย มีสาวๆ ไม่น้อยเทียวล่ะที่คลั่งไคล้ในตัวบารมี แต่ไม่ใช่เธอ “นี่คุณพ่อบอกเราหรือยัง” จู่ๆ ญาดาก็เอ่ยขึ้นมา พลินที่เสยกน้ำขึ้นดื่ม วางแก้วในมือลง ถามกลับด้วยความใคร่รู้ “บอกอะไรหรือคะ”

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
13.6K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
39.4K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
4.1K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
6.7K
bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
14.3K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook