ตอนที่4.ไม่เป็นไร เจ้าไม่ได้หักคอข้า

1155 Words
ฟู่เซียงเซียงเดินมาใกล้ทาสหนุ่มที่ยังนอนนิ่งอยู่ จากบาดแผลและคำยืนยันของท่านหมอจูซีห่าวกล่าวว่าคนผู้นี้รอดตายแน่แล้ว แต่ทำไมยังหลับใหลถึงสามวันสามคืนอย่างนี้นะ คิ้วเรียวงามขมวดมุนแล้วถอนหายใจอย่างหงุดหงิด มืองามยื่นไปหมายดึงเหน็บผ้าห่มให้เรียบร้อย ทว่าดวงตาที่ปิดสนิทกลับลืมตาโพลง เด็กสาวยังไม่ทันตั้งตัวถูกกระชากแขนเหวี่ยงขึ้นที่นอน เพียงพริบตาแผ่นหลังก็กระแทกกับฟูกนอน มือหยาบกระด้างกุมลำคอของนางไว้หมายเอาชีวิต ดวงตาดุดันราวสัตว์ป่าจ้องเขม็ง เพียงส่งเสียงได้ครึ่งคำแรงบีบรัดรอบลำคอก็เพิ่มมากขึ้น สองมือพยายามแกะมือที่กุมลำคอของนาง ร่างเล็กดิ้นรนส่งผลให้สองร่างแนบชิดอย่างไม่รู้ตัว น้ำตาวาวใสสะท้อนแสงเทียนในห้องหลั่งไหลเปื้อนเปรอะแก้มนวลทำให้เจ้าของมือใหญ่นั้นชะงักและค่อยๆ คลายมือออกจากลำคอของเด็กสาว แต่ร่างของเขายังคร่อมร่างนางอยู่ ฟู่เซียงเซียงสำลักจนเจ็บราวทั่วลำคอไม่อาจส่งเสียได้ ไอสังหารจากกายทาสหนุ่มทำให้เด็กสาวสั่นสะท้าน จะขยับตัวก็ทำไม่ได้ ใบหน้าของเขาโน้มลงมาใกล้จนปลายจมูกปัดผ่านแก้มที่เปื้อนคราบน้ำตา นางเบือนหน้าหลบ รับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่รินรดผิวกายคล้ายอีกฝ่ายเพียงสูดดมกลิ่นกายของนาง เขาทำราวกับตนเองเป็นสุนัขตัวหนึ่งดอมดมกลิ่นบนกายจนแน่ใจแล้ว จึงผละออกจากร่างของนาง เรือนร่างอ่อนนุ่มและกลิ่นหอมละมุนของสมุนไพรที่ติดกายจนคล้ายเป็นกลิ่นเฉพาะตัวทำให้ชายหนุ่มได้สติ เขาถอยไปนั่งที่ปลายเตียงในขณะที่เด็กสาวกระถดตัวไปที่หัวเตียง อาจเพราะร่างกายที่เคลื่อนไหวเร็วเกินไป หรือเพราะร่างกายยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ มือกร้านยกขึ้นกุมขมับข่มความเจ็บปวดที่ทุบตีศีรษะจนต้องเผลอร้องคำราม ออกมา เสียงร้องเหมือนสัตว์บาดเจ็บทำให้ฟู่เซียงเซียงได้สติผวายื่นมือไปปิดปากอีกฝ่ายอย่างลืมตัว “อย่าเสียงดังไป ประเดี๋ยวผู้อื่นตื่นตกใจกันหมด” เรื่องที่นางพาเขาเข้ามามีเพียงแม่นมหวงและจางลี่ที่รู้ หากผู้อื่นรู้เข้าว่าเรือนของนางมีบุรุษอยู่ เห็นทีว่าความสงบสุขที่บ่มเพาะมานานจะหายไปหมดสิ้น สัมผัสอ่อนนุ่มทำให้ชายหนุ่มสงบลง หลายวันมานี้เขารับรู้ได้ว่ามีมือคู่หนึ่งที่คอยดูแลเขาอยู่ ดวงตาดุดันอ่อนแสงลงและจ้องมองอย่างเปิดเผย “ปวดหัวหรือ?” เด็กสาวถามแล้วเลื่อนมือขึ้นไปใช้นิ้วโป้งกดจุดที่หางคิ้วทั้งสองข้างแล้วคลึงเบา “ยังเจ็บตรงไหนอีกหรือไม่ แต่ทั่วกายเจ้าก็มีแต่บาดแผลและรอยฟอกช้ำ น่าจะเจ็บไปทั้งตัวสินะ” น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยถาม เป็นเสียงเดียวกับที่เขาได้ยินยามหลับใหล ‘อดทนหน่อยนะ’ ‘อีกประเดี๋ยวก็หายแล้ว’ ‘เมื่อไหร่เจ้าจะตื่นนะ’ แม้กระทั่งเสียงหัวเราะพูดคุย เสียงเหล่านั้นแทรกซึมเข้ามาโสตประสาทจนยากจะลบทิ้งได้หมด เขาเงยหน้าขึ้นจ้องมองเด็กสาวที่เขาจำได้ว่า วันนั้นนางสวมเสื้อผ้าด้วยชุดของเด็กหนุ่มและซื้อตัวเขาด้วยเงินเพียงสองตำลึง “เจ้าหลับไปสามวันสามคืน จู่ๆ ลุกขึ้นเช่นนี้คงมึนศีรษะอยู่บ้าง มาเถิดมานอนตรงนี้” นางพูดแล้วหันไปหยิบหมอนขึ้นให้เขากึ่งนั่งกึ่งนอนเอนหลังพิงหัวเตียง เขามองร่างเล็กหมุนตัวไปรินน้ำแล้วเดินกลับมาจ่อที่ริมฝีปากที่แห้งผากจนเป็นขุย “ค่อยๆ จิบน้ำประเดี๋ยวสำลัก” ฟู่เซียงเซียงประคองถ้วยน้ำให้อีกฝ่ายได้ดื่มจนหมดถ้วย ริมฝีปากเขาดูชุ่มชื่นขึ้นมาอีกนิดทำให้ริมฝีปากงามคลี่ยิ้มออกมาได้ ทั้งที่เมื่อครู่นางกลัวเขาแทบตาย คราบน้ำตายังคงเปื้อนแก้ม แต่เวลานี้นางกลับเป็นฝ่ายห่วงใยและดูแลเขาอย่างดี “เจ้าฟื้นมาก็ดี ข้านึกว่าจะได้ทำศพเจ้าเสียแล้ว” นางหัวเราะเบาๆ แต่เจ็บแปลบที่ลำคอจนต้องยกมือขึ้นแตะตรงที่เจ็บ ทั้งที่ตัวเองเจ็บแต่พูดเสียมากมาย นางนี่ก็ช่างละเลยตัวเองเสียจริง ฟู่เซียงเซียงเงยหน้าขึ้นสบตากับทาสหนุ่ม สีหน้าเขาดูกังวลที่เห็นนางกุมลำคอของตนเอง “ไม่เป็นไร เจ้าไม่ได้หักคอข้า” นางพยายามทำให้เป็นเรื่องตลกแต่ไม่กล้าหัวเราะเพราะกลัวเจ็บ “เจ้าคงตกใจสินะ ข้าไม่ตั้งใจจะทำให้เจ้าตกใจ” ทาสหนุ่มส่ายหน้าไปมา อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ไม่มีเสียง เด็กสาวเอียงคอมองอย่างประหลาดใจ แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “เจ้าพูดไม่ได้หรือว่าเจ็บคอเหมือนข้า” นางยังไม่แตกฉานเรื่องการรักษา แต่เท่าที่ท่านหมอจูตรวจดูอาการเบื้องต้น ลิ้นของเขาไม่ น่ามีปัญหาอะไรนี่นะ “ตอนเช้าจะพาไปหาท่านหมอจูให้ช่วยตรวจดูอาการของเจ้าก็แล้วกัน” ลมกลางคืนพัดผ่าน ร่างบอบบางสั่นสะท้านขึ้นมาอีกครั้ง แม้สวมเสื้อคลุมอยู่ แต่ผ้าเนื้อหยาบไม่ได้ต้านทานความหนาวเย็นได้มากนัก ดวงตาคู่นั้นจ้องมองนางอย่างเห็นใจแล้วแสร้งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง “เจ้า...จะหลับ...” ยังพูดไม่ทันจบประโยคดีก็เห็นอีกฝ่ายผล็อยหลับไป ฟู่เซียงเซียงระบายลมหายใจเบาๆ แล้วประคองร่างใหญ่โตลงนอนอีกครั้งแล้วดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างของเขาทำเช่นเดียวกับที่ทำมาตลอดสามวันที่ผ่านมา “ช่างเถอะ อย่างน้อยก็รู้ว่าเจ้าฟื้นแล้ว” นางเหน็บผ้าห่มให้แล้วถอยห่างออกมา “เจอกันตอนเช้านะ ข้าจะเตรียมโจ๊กอร่อยๆ ให้กิน” เด็กสาวแย้มยิ้มแล้วหมุนตัวไปใช้กรรไกรตัดไส้เทียน ในห้องจึงตกอยู่ในความมืด นางปรับสายตาคู่หนึ่งใช้แสงจันทร์นำทางเดินกลับไปที่ห้องนอนของตนเอง เพียงแผ่นหลังของเด็กสาวหายลับตาไป คนที่แสร้งหลับอยู่ก็ลืมตาแล้วยันกายขึ้นนั่ง บัดซบ! เพราะพิษนั้นทำให้เสียงของเขาหายไป สู้กันซึ่งหน้าไม่ได้จึงใช้วิธีต่ำทรามทำให้ตกอยู่ในสภาพนี้ มุมปากแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม ความเจ็บปวดที่ได้รับ จะให้พวกมันได้ลิ้มรสเช่นกัน.
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD