ตอนที่7.เขาเป็นคนเจ็บของข้านะ

1082 Words
ไม่รู้เหตุใด เขาจึงอ้าปากรับขนมดอกกุ้ย นางไม่ได้เอ่ยปากสั่งด้วยซ้ำ แต่เขากลับเต็มใจรับขนมที่นางป้อนอย่างไม่ลังเลว่าขนมชิ้นนี้จะมีพิษหรือไม่ หรือเพราะเขารู้ว่าคนใจอ่อนอย่างนางวางพิษใครไม่ได้ได้กระมัง “ทำไมกลับมาเร็วนักเจ้าคะ” แม่นมหวงถามอย่างแปลกใจ อุตส่าห์แต่งกายงดงามแต่หายไปแค่ชั่วยามก็กลับมาแล้ว “แขกของนายท่านคือใครหรือเจ้าคะ” “ใต้เท้าเว่ย” “ใต้เท้าเว่ย...ใต้เท้าเว่ยที่อายุหกสิบผู้นั้นหรือเจ้าคะ” “ใช่” “แล้ว...เขามาทำอะไรหรือเจ้าคะ” แม่นมหวงภาวนาให้ไม่เป็นอย่างที่คิด “ดูตัวข้าไง” นางพูดราวกับเป็นเรื่องธรรมดา “ดูตัว? ดูตัวอะไรกัน ใต้เท้าเว่ยอายุหกสิบแล้วแต่คุณหนู...” “ปีหน้าข้าก็ปักปิ่นแล้วนะ แต่เขาไม่สนใจเด็กสาวอมโรคมือไม้อ่อนแรงแค่ถือถ้วยชาก็ยังหกเลอะเถอะอย่างข้าหรอก” ฟู่เซียงเซียงหัวเราะเสียงใสแล้วก้มมองกระโปรงของตนที่เลอะคราบชาอยู่ “ลำบากแม่นมแล้ว” “ไม่รู้นายท่านคิดอะไรถึงได้ให้คุณหนูไปพบคนอย่างใต้เท้าเว่ยเช่นนั้น” แม่นมหวงถอนหายใจอย่างโล่งอก “ก็คงหวังดีให้ข้าแต่งงานเข้าสกุลสูงศักดิ์กระมัง” นางยิ้มไม่ได้คิดน้อยใจอันใด ไม่สิ นางเลิกคิดเรื่องพวกนี้ไปแล้ว เพราะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มารดาเลี้ยงพยายามให้นางแต่งงานกับคนที่แก่กว่าบิดาของตนด้วยซ้ำไป “ข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะมาช่วยเก็บสมุนไพร” นางพูดจบก็หมุนตัวเดินเข้าเรือน ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม่นมหวงได้แต่ถอนหายใจอีกครั้ง นางเผลอมองทางอี้เฉินเล็กน้อย เห็นเขายังยืนโง่งมก็ถอนหายใจอีกครั้ง น่าเสียดายที่รูปร่างสูงใหญ่แต่ท่าทางทึ่มทื่อ นางโคลงศีรษะไปมาแล้วเดินตามหลังคุณหนูมาช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้า เพียงครึ่งเค่อแม่นมหวงก็หอบชุดสวยที่เปื้อนคราบน้ำชาออกไปซัก ฟู่เซียงเซียงกลับมาสวมชุดผ้าฝ้ายเรียบง่ายอีกครั้ง ผมยาวถูกรวบแล้วคลุมด้วยผ้าสีฟ้าอ่อน นางโผล่หน้าออกมาแล้วกวักมือเรียกทาสหนุ่ม “อี้เฉินมาทางนี้” ชายหนุ่มถูกเรียกว่า ‘อี้เฉิน’ หลายครั้งจนเริ่มชิน เขาวางมือจากท่อนฟืนแล้วเดินไปหาเด็กสาว นางมีกลิ่นอายของสมุนไพรหอมจางทำให้ใจสงบ “ข้าให้เจ้าพักก็พักสิ” นางทำปากยื่นแลดูน่ารักน่าเอ็นดู “มานั่งนี่ ข้าขอดูแผลหน่อย” ทาสหนุ่มนั่งลงที่เก้าอี้ปล่อยให้เด็กสาวหยิบกรรไกรตัดผ้าพันแผลที่พันร่างเขาออกอย่างเบามือ นางไม่ได้เอ่ยพูดอะไรอีก เขาก็นั่งนิ่งปล่อยให้นางทำตามใจ ได้ยินเสียงบ่นพึมพำอยู่บ้างก่อนจะใส่ยาและพันแผลให้เขาใหม่ “เจ้าฟื้นฟูร่างกายได้เร็วดีจริง นี่เป็นผลการรักษาของข้าและยาลับสูตรเฉพาะของท่านหมอจู” นางคลี่ยิ้มกว้างแล้วหยิบของสิ่งหนึ่งยื่นให้เขา เขาไม่ได้ตอบรับแต่มองมือเรียวงามวางลูกศรบนโต๊ะ แววตาของเขาเยียบเย็นลงทันที “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าอยากเห็นหรือไม่ แต่ถ้าไม่ต้องการ ข้าจะเก็บไว้เป็นของที่ระลึกว่านี่เป็นการเย็บแผลครั้งแรกของข้า” ‘ของที่ระลึก’ มีสตรีแบบใดเก็บของแบบนี้ไว้เป็นที่ระลึกกัน มุมปากยกยิ้มขบขันอย่างไม่รู้ตัว แต่เพราะใบหน้านี้ยังเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียว รอยยิ้มนั้นจึงทำให้ใบหน้าดูบิดเบี้ยวน่ากลัวพิกล แต่ฟู่เซียงเซียงกลับยื่นหน้ามองพิจารณาอย่างเป็นกังวล อดยื่นนิ้วไปแตะรอยแผลไม่ได้ “ข้าจะเอายามาทาให้นะ ไม่ต้องเป็นกังวลไป โดยปกติจะหายดีในเจ็ดวัน แต่ถ้านานกว่านั้นอาจเพราะบอบช้ำภายในอย่างหนัก มีเลือดเสียที่ไหลเวียนไม่สะดวก อื้ม...ข้าท่องจำมานะแต่เพิ่งเคยเห็นบาดแผลอย่างนี้เป็นครั้งแรก เจ้านี่...คุ้มค่าเงินสองตำลึงข้าจริงๆ” ‘ข้าควรดีใจหรือไม่ที่มีค่าตัวถึงสองตำลึง’ แต่ปลายนิ้วที่ป้ายเนื้อยามาทาแผลให้เขานั้น ทำให้ชายหนุ่มยอมทำตัวโง่งมเพื่อให้นางทำทายาด้วยรอยยิ้มภูมิใจในความเก่งกาจของตน นางอายุเท่าไหร่กันนะ ปีหน้าจะปักปิ่นใช่ไหม เช่นนั้นนางก็อายุสิบสี่สินะ นางเป็นบุตรสาวเสนาบดีฟู่ แต่เหตุใดความเป็นอยู่แร้นแค้นเช่นนี้กัน เขาที่ไม่เคยสนใจเรื่องผู้อื่นกลับรู้สึกสนใจในตัวเด็กสาวผู้นี้นัก “คุณหนู!” จางลี่ร้องเสียงหลงเมื่อเห็นฟู่เซียงเซียงก้มๆ เงยๆ ทายาให้อี้เฉิน นางรีบวางห่อผ้าที่ใส่กระดาษและหมึกวางบนโต๊ะแล้วแย่งตลับยามาถือเสียเอง “เจ้ากลับมาแล้ว วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง” ฟู่เซียงเซียงยิ้มขบขันเพราะรู้ว่าจางลี่เป็นห่วงเรื่องใด “คุณหนูไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวบุรุษนะเจ้าคะ” จางลี่กระทืบเท้าเร่า ๆ ทำไมคุณหนูของนางช่างทำเรื่องไม่คาดคิดเช่นนี้นะ “แต่เขาเป็นคนเจ็บของข้านะ” หากนางใส่ใจเรื่องเหล่านี้คงไม่เลือกศึกษาวิชาแพทย์หรอก “เจ้าดูสิ บาดแผลของเขาดีขึ้นมากแล้ว อย่างนี้ท่านหมอจูจะต้องรับข้าเป็นศิษย์อย่างแน่นอน” “คุณหนูจะเป็นหมอจริงๆหรือเจ้าคะ” “ทำไมล่ะ มาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าว่าการเป็นหมอหญิงก็เป็นอีกหนทางที่เราจะมีรายได้เลยนะ” “แต่คุณหนูเป็นสตรี...” “เพราะเป็นผู้หญิงนะสิถึงเป็นเรื่องดี คนเจ็บคนป่วยที่เป็นผู้หญิงไม่กล้าเจอหมอผู้ชาย ถ้าข้าได้เป็นหมอหญิง พวกนางก็ต้องยอมเสียเงินให้ข้าแน่นอน” ชายหนุ่มฟังเสียงหัวเราะหวานใสดุจระฆังเงินด้วยดวงตาเหม่อลอย เหตุใดเขาต้องสนใจนางมากถึงเพียงนี้ หรือเพราะพิษในร่างยังขับออกไปไม่หมด เห็นที่ต้องเดินลมปราณขับพิษออกจากร่างแล้วกระมัง.
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD