ตอนที่ 11 เจออีกครั้ง
ตอนที่ 11
ขนมปัง
ตลอดช่วงเวลาปิดเทอมสองเดือน ฉันกลับไปช่วยป๊าม้าทำงานที่บ้าน และตัดการติดต่อทุกช่องทาง อีกทั้งเปลี่ยนเบอร์ใหม่ด้วย
ทำให้ทั้งสภาพจิตใจ สภาพร่างกายของฉันได้รับการพักฟื้นเต็มที่ ตั้งแต่ฉันเดินออกมาจากห้องเฮียเหมวันนั้น ฉันก็ไม่เคยติดต่อเขาอีกเลย
ถ้าถามว่าตอนนี้ฉันยังเสียใจเรื่องเฮียเหมอยู่รึเปล่า ฉันเองก็ตอบไม่ได้แต่ในบางครั้งฉันยังแอบคิดถึงเขาอยู่เหมือนกัน
น่าแปลกที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันไม่กี่วัน แต่ความทรงจำกลับตราตรึง ไม่ยอมจางหายไปสักที
ติ๊ง ติ๊ง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่ฉันกำลังเข้าไปจอดรถบริเวณที่จอดรถด้านข้างคณะ ไม่ต้องก้มมองก็รู้ว่าปลายสายเป็นใคร
"ฮัลโหล"
"ชะนีอยู่ไหนแล้วย่ะ ปล่อยให้ตัวแม่อย่างฉันยืนตากแดดรอแบบนี้ได้ยังไง"
ทันทีที่กดรับสาย เสียงแหลม ๆ ของเพื่อนสาวก็ดังเข้ามาจนฉันต้องรีบปรับลดเสียง กลัวแก้วหูจะแตกเสียก่อน
"คุณเอ็มคะ ใจเย็น ๆ หน่อยได้ไหมคะ"
"กรี๊ด ตบปากเลยนะอิปัง เอ็มอะไร เอมมี่ค่ะเอมมี่"
ฉันส่ายหัวเล็กน้อยกับจริตของเพื่อนสาว ปกติเอมมี่ไม่เคยมาถึงมหาวิทยาลัยเร็วแบบนี้หรอก
แต่เพราะวันนี้เปิดเทอมวันแรก นางเลยรีบมาเพื่อจะไปส่องเด็กปีหนึ่งยังไงล่ะ
"เออ ๆ จอดรถแล้วเนี่ย กำลังเดินไป"
เห็นจำนวนรถมากมายแล้วก็ท้อ คิดถึงน้องสีเทียนลูกรักขึ้นมาจับใจ ถ้าวันนี้ฉันขี่น้องสีเทียนมา ป่านนี้หาที่จอดรถได้แล้ว ไม่ต้องมาขับวนหาหลายรอบแบบนี้หรอก
"ให้ไวเลยค่ะ น้อง ๆ หายหมด"
หลังจากวางสายเอมมี่ไป ฉันเลยรีบหันไปหยิบอุปกรณ์สำคัญในการเรียน นั่นคือหมอนและผ้าห่ม แหะ ๆ รู้เลยว่า ขนมปังคนนี้ขยันเรียนขนาดไหน
ทันทีที่ฉันก้าวขาลงจากรถ ความรู้สึกเหมือนโดนจับจ้องทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมอง ปรากฏว่าทุกคนกำลังมองมาทางฉันจริง ๆ
“หรือว่าฉันหน้าลอยนะ”
ว่าแล้วก็รีบหยิบกระจกขึ้นมาสำรวจหน้าตัวเอง ทุกอย่างดูปกติดีนี่นา ผื่นแดงก่อนหน้านี้ก็หายเกลี้ยงแล้วด้วย แถมวันนี้ฉันยังแต่งหน้ามาสวยตามบิวตี้บล็อกเกอร์แบบเป๊ะ ๆ เกิดอะไรขึ้นกันนะ ทำไมพวกเขาถึงมองฉันด้วยสีหน้าตกใจแบบนั้น
“สวยว่ะ นี่มหาลัยเรามีนางฟ้ามาเรียนด้วยเหรอวะ”
“นั่นดิ สวยฉิบหาย ทำไมไม่เคยเห็นเลยวะ”
“พวกแกดูผู้หญิงคนนั้นสิ สวยมาก”
“จริงด้วย ลูกรักพระเจ้าชัด ๆ”
นี่พวกเขามองฉันเพราะเรื่องนี้หรอกเหรอ ฉันหันไปยิ้มบาง ๆ ให้พวกเขาแล้วรีบเดินไปหาเอมมี่ ถึงจะเป็นคำชมแต่ฟังแล้วก็แอบเขินอยู่เหมือนกันนะ
เอมมี่นั่งเมาท์มอยอยู่กับบีมตรงโต๊ะประจำของพวกเรา ฉันจึงค่อย ๆ ย่องไปทางด้านหลัง ไม่ให้ทั้งคู่รู้ตัว
“จ๊ะเอ๋”
“ว้าย แหกแหก แหกไปถึงหน้าปากซอย”
“ฮ่า ๆ หน้าพวกแกขำมาก”
ฉันหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง อ้อมไปนั่งลงตรงข้ามเพื่อนสาว
เอมมี่หันมาทางฉัน ฉันเตรียมรับคำด่าเต็มที่แต่เอมมี่กลับหันมาแล้วเบิกตากว้างก่อนจะยื่นมือมาจับหน้าฉัน
“แกเป็นใครเนี่ย”
“เออว่ะ ทำไมสวยขนาดนี้วะขนมปัง”
เพื่อนรักทั้งสองจ้องหน้าฉันราวกับกำลังหาลายแทงอย่างไรอย่างนั้นจนฉันต้องผลักให้พวกนางกลับไปนั่งที่เดิม
“อะไรของพวกแกเนี่ย”
“สวยมาก สวยจนกะเทยจะเป็นลม”
“แกก็เวอร์ไปเอมมี่”
“เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ฉันเห็นด้วยกับเอมมี่นะ แกสวยมากจริง ๆ ว่ะขนมปัง”
บีมก็เอากับเขาด้วยอีกคน ฉันส่ายหน้าให้กับเพื่อนทั้งสองก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“แกไม่ไปส่องเด็กปีหนึ่งคณะวิศวะแล้วรึไง”
“เออจริงด้วย ลุกเลยค่ะชะนี”
พวกเราย้ายกันมากินข้าวเช้าที่โรงอาหารใต้ตึกวิศวะ เหตุผลของฉันที่ยอมมากับเอมมี่คือ ที่นี่มีร้านก๋วยเตี๋ยวน้ำตกอร่อย แหะ ๆ ไม่ค่อยเห็นแก่กินเลย
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในโรงอาหาร ฉันรับรู้ได้ถึงความอึดอัดทันทีเพราะทุกสายตาจับจ้องมาที่ฉัน ราวกับฉันเป็นตัวประหลาดอย่างไรอย่างนั้น
“ถ้าผู้ชายมองยัยขนมปังขนาดนี้ ฉันว่าฉันเก้วละ”
เอมมี่หันมาแบะปากใส่ฉัน แล้วนำไปนั่งยังโต๊ะที่ว่างอยู่
“แกก็รู้ว่าสเป็กฉันต้องหมอเท่านั้นย่ะ”
“จ้า อย่าให้เห็นได้ผัวอยู่วิศวะนะ”
“ไม่มีทาง ถ้าฉันได้ผัวคณะนี้ ฉันปิดร้านเหล้ากันเองเลี้ยงพวกแกเลย”
“โอเคดีล”
ถ้าทุกคนยังจำได้ ร้านเหล้ากันเองเป็นร้านเหล้าประจำของพวกเรา เปิดเทอมครั้งนี้คงต้องไปเปิดโต๊ะเพื่อเป็นกำลังใจในการเรียนสักหน่อยแล้ว
“ฉันไปซื้อเตี๋ยวละ มีใครเอาไรมะ”
“ไม่กินดีกว่า ไดเอ็ต” เอมมมี่ตอบ
“เดี๋ยวฉันไปซื้อข้าวเอง แกไปเถอะ” บีมพูดก่อนจะหันไปมองรอบ ๆ เพื่อเลือกร้าน
ฉันพยักหน้าให้เพื่อนทั้งสองแล้วเดินไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวน้ำตก โชคดีจัง วันนี้คิวไม่ค่อยเยอะ
“เอาอะไรดีหนู จดใส่กระดาษให้ป้าได้เลย”
“ได้ค่ะ”
ฉันจดเมนูที่ต้องการยื่นให้ป้าเจ้าของร้านก่อนจะขยับมายืนรอด้านข้าง ระหว่างรอก็เล่นโทรศัพท์ไปด้วยเพื่อฆ่าเวลา
“เอ่อ ขอโทษนะครับ”
เสียงผู้ชายทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมอง เขาคนนั้นยืนใบหน้าแดงก่ำอยู่ตรงหน้าฉัน มีเพื่อนสองคนด้านหลังคอยดันให้เขาเข้ามาหาฉัน
“มีอะไรรึเปล่าคะ”
“คือว่า อยากถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”
“คะ ?”
พรึบ
“หลบหน่อย”
ฉันกำลังเงยหน้ามองเจ้าของเสียงเข้มที่เพิ่งเดินเข้ามาแต่ป้าเจ้าของร้านเรียกพอดี
“แม่หนูคนสวย ก๋วยเตี๋ยวได้แล้วจ้ะ”
“ค่ะป้า”
ฉันเลิกสนใจทุกอย่างแล้วตรงเข้าไปรับก๋วยเตี๋ยวจากป้าคนขายแทน ฉันเลือกที่จะก้มหน้า ไม่รับรู้เหตุการณ์อะไรอีกต่อไป ตอนนี้ขอแค่กลับโต๊ะให้เร็วที่สุดก็พอแล้ว
จังหวะที่ฉันหันกลับมา และออกเดินด้วยความรีบร้อนเลยทำให้ฉันชนกับผู้ชายคนหนึ่งเข้าเต็ม ๆ
โครม!
ถ้วยก๋วยเตี๋ยวที่ฉันถืออยู่หกใส่เสื้อช็อปสีน้ำเงิน ฉันค่อย ๆ เงยหน้ามองผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น
“อะ...เฮียเหม”
ตอนนี้เหมือนทุกอย่างหยุดนิ่ง เมื่อฉันประเชิญหน้ากับผู้ชายตรงหน้า ดวงตาคม จมูกโด่งเป็นสัน สันกรามคมชัด ใบหน้าเรียบนิ่งแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ ‘เฮียเหม’
“หึ กล้าดียังไง ทำเสื้อฉันเลอะ”
ฉันเบิกตากว้างมองใบหน้าดุดันของคนตรงหน้า และยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเนื่องจากทำอะไรไม่ถูก
“จะยืนมองอีกนานไหม”
“เอ่อ ขอโทษค่ะ เฮียเหมเป็นอะไรไหม”
“ไม่เป็นมั้ง โดนก๋วยเตี๋ยวสาดใส่แบบนี้”
น้ำเสียง และท่าทางการพูดของเฮียเหมยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ฉันแอบแบะปาก ขณะที่หันไปหยิบทิชชูบนโต๊ะ
“เดี๋ยวขนมปังเช็ดให้นะคะ”
ถึงจะไม่อยากทำแต่คงปฏิเสธไม่ได้ ในเมื่อครั้งนี้ฉันเป็นคนผิดเอง
“เช็ดไปก็แค่นั้น”
“แล้วจะให้...”
“ตามฉันมา”
สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างจากความคิดในตอนแรกของฉันมาก จากที่คิดว่าจะได้นั่งกินก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อยกลับต้องมานั่งเช็ดเศษก๋วยเตี๋ยวออกจากเสื้อของคนที่ฉันไม่อยากเจอมากที่สุด
“เธอหายไปไหนมา” มือฉันหยุดชะงัก เมื่ออยู่ ๆ เฮียเหมก็ถามออกมา
“รุ่นพี่พูดเรื่องอะไรคะ ?”
พรึบ
เฮียเหมดันตัวฉันชิดกับขอบอ่างล้างหน้าก่อนจะใช้แขนทั้งสองข้างคร่อมตัวฉันเอาไว้
“เธอคิดว่าใช้ประโยชน์จากฉันเสร็จแล้วจะไปง่าย ๆ เหรอ”
ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจว่าเฮียเหมพูดถึงอะไร แต่ด้วยความอยากเอาชนะ ฉันเลยเชิดหน้าขึ้น มองเขาด้วยสายตาไม่ยอมเช่นกัน
“ใช่แล้วจะทำไมคะ ทีเฮียยัง... อุ๊บ”
มือหนาคว้าใบหน้าฉันเข้าไปรับจูบร้อนแรงจากเขา ฉันทั้งผลัก ทั้งดันอีกฝ่ายออกแต่เฮียเหมไม่มีทีท่าว่าจะขยับแม้แต่นิดเดียว
“ถ้าฉันไม่อนุญาต เธอก็ไม่มีสิทธิ์ไปจากฉัน”
เขามองหน้าฉันนิ่ง เราจ้องตากันอยู่อย่างนั้นนานหลายนาที ฉันรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัวยามที่สายตาคมนั้นจ้องลึกเข้ามา
สุดท้ายเป็นฉันที่เป็นฝ่ายหลบตาก่อน เฮียเหมผละออกพร้อมทั้งถอดเสื้อช็อป ฉันรีบยกมือขึ้นปิดตาด้วยความตกใจ รู้ตัวอีกที เสื้อช็อปก็มาอยู่บนหัวฉันแล้ว
“ไปซักมาให้สะอาด”
“...”
“ถ้าไม่สะอาด ฉันเอาเรื่องเธอแน่”
พูดเพียงเท่านั้นเฮียเหมก็เดินออกไป ฉันมองตามแผ่นหลังหนาพลางถอนหายใจออกมา
ในเมื่อเขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว แล้วจะมายุ่งกับฉันทำไมอีก เฮ้อ ผู้ชายอะไร ใจร้ายชะมัด
“เอ่อ ขอโทษนะครับ น้องขนมปังใช่มั้ยครับ”
ขณะที่ฉันกำลังจะเปิดประตูเข้าไปในรถ มีรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาทัก รอยยิ้มสุภาพของเขา พลอยให้ฉันต้องยิ้มตอบกลับไป
“ใช่ค่ะ พี่มีอะไรรึเปล่าคะ”
“พี่ชื่อกิตมาจากชมรมถ่ายภาพ น้องขนมปังสะดวกมั้ยครับ ถ้าพี่ขอถ่ายรูปเราหน่อย”
“คะ?”
“พี่ไม่ได้เอาไปทำอะไรไม่ดีครับ แค่จะเอาไปลงเพจชมรมเท่านั้นเอง มีรูปของหลายคนเลยนะครับ น้องขนมปังเข้าไปดูได้”
ฉันเลื่อนดูเพจดังกล่าว เมื่อเห็นว่าเป็นจริงอย่างที่เขาบอกจึงยอมตกลง
“ได้ค่ะ ตอนนี้เลยมั้ยคะ?”
ฉันถามออกไป เนื่องจากเห็นเขาถือกล้องอยู่ด้วย
พี่กิตยกกล้องในมือขึ้น ยิ้มกว้างอย่างน่ารัก
“ครับ ได้มั้ยครับ ไม่กี่รูปเอง ใช้เวลาไม่นานแน่นอน”
“ดะ...” ฉันกำลังจะตอบตกลงแต่มีเสียงหนึ่งขัดขึ้นเสียก่อน
“ไม่ได้”
เสียงเข้มดังขึ้นทางด้านหลังฉัน พร้อมทั้งท่อนแขนแกร่งที่พาดลงบนไหล่ฉันด้วย ฉันหันมองผู้ชายที่เขามากอดคอฉันก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น
“เฮียเหมมายุ่งอะไรด้วยคะ?”
“เธอไม่ว่าง”
“ว่างค่ะ”
“ไม่ว่าง เธอต้องเอาเสื้อฉันไปซัก”
ดวงตาคมมองฉันนิ่ง แต่ครั้งนี้ฉันจะไม่กลัวเขาแล้ว ฉันมองกลับไปด้วยใบหน้าเชิ่ดหยิ่ง และหันไปพูดกับพี่กิต
“ถ่ายได้เลยค่ะ ขนมปังพร้อมแล้ว”
“ขนมปัง!!”
ฉันไม่สนใจสีหน้าไม่พอใจของเฮียเหมอีก แม้ว่าตลอดการถ่ายรูป เขาจะเอาแต่จ้องมองมาอยู่อย่างนั้น อยากจ้องก็ให้จ้องไป เขาไม่มีสิทธิอะไรมาบังคับฉันเสียหน่อย
ใช้เวลาไม่นาน พี่กิตก็ถ่ายรูปเสร็จ ซึ่งภาพที่เขาถ่ายนั้นสวยเสียจนฉันต้องขอคอนแทคเขาไว้ เพื่อมีโอกาสต้องใช้บริการตากล้อง
“เหอะ ระริกระรี้เชียวนะ”
“ขนมปังจะระริกระรี้กับใคร เกี่ยวอะไรกับเฮียเหมหรอคะ อย่างน้อยขนมปังก็ยังโสด ไม่เหมือนใครบางคนที่ไม่โสดแต่ยังมายุ่งกับคนอื่น”
“เธอพูดแบบนี้หมายความว่าไง!?”
“เปล่าค่ะ ขนมปังขอตัวนะคะ ส่วนเสื้อช้อปนี้ ไม่ต้องห่วงค่ะ ขนมปังรับผิดชอบแน่นอนเพราะขนมปังเป็นคนมีความรับผิดชอบ”
พูดจบ ฉันรีบชิ่งขึ้นรถ และขับออกไปทันที
ไม่อยากอยู่คุยนานกว่านี้ กลัวหัวใจจะเผลออ่อนไหวให้กับเขาอีกครั้ง ฉันเจ็บครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว เกินพอแล้วจริงๆ