ฉันควรเดินหน้าต่อ และหายตัวไปจากที่นี่สักที
“เธอทำอะไรอยู่หะ กว่าจะรับสายได้ เสียเวลาฉิบหาย” เสียงเกรี้ยวกราดดังผ่านกระบอกโทรศัพท์ออกมา
“ขอโทษค่ะ” ฉันทำได้แค่นั้นจริงๆ
“ฉันรออยู่ที่...รีบมาล่ะ” เขาบอกสถานที่และกดวางทันที ฉันถอนใจแรงๆ ยัดโทรศัพท์เก็บไว้ที่เดิม เหลือบมองนาฬิกาเรือนใหญ่บนผนัง แล้วก็เดินคอตกกลับเข้าไปด้านใน
หน้าที่ของฉันยังไม่สิ้นสุด เวลาทำงานของฉันยังไม่หมด
ฉันพยายามตั้งสมาธิอยู่กับการทำงาน แต่ความกังวลในใจทำให้ฉันเหม่อลอยเป็นระยะ และในที่สุด ฉันก็ทำงานเสร็จ พร้อมกับเวลางานที่หมดลงเช่นกัน
“วันนี้แวะกินข้าวที่ห้องฉันไหมธาร” เพื่อนร่วมงานที่เพิ่งรู้จักครบอาทิตย์ถามเสียงดัง
ฉันส่ายหน้าปฏิเสธ หากฉันไม่ยอมไปตามนัด ผู้ชายคนนั้นคงไม่รีรอที่จะถีบฉันลงนรกแน่นอน
“มีธุระเหรอ พักบ้างเถอะ ท่าทางเธอร่อแร่แล้วนะ” ฉันอดนอนบ่อยก็จริง แต่การใช้แรงทำงานหนักติดต่อกันทั้งอาทิตย์ ร่างกายของฉันคงทานไม่ไหว เลยส่งผลลัพธ์นั่นออกมาทางสีหน้า
“ว่าจะกลับไปนอนให้เต็มที่น่ะ” ฉันหาเหตุข้ออ้างได้แล้วเลยไม่รีรอที่จะใช้
“ดีแล้ว...พรุ่งนี้เธอจะได้สดชื่นขึ้น” มันควรเป็นแบบนั้นแหละหากฉันได้พักผ่อนเต็มที่
ที่ฉันกังวลคือ...สภาพตัวเองในวันพรุ่งนี้ จะน่าเวทนาขนาดไหน ฉันไม่เคยคิดเหมือนกันว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นนักรักสมราคาคุย เขาตักตวงความสุขจากเรือนกายของฉันแบบไม่คิดจะหยุดพัก และยาวนานได้อย่างไม่น่าเชื่อ ฉันสิควรเป็นฝ่ายปรามเขา ฉันก็ดันหลงเพริดไปกับเขาเสียได้ ครั้งนั้นฉันนอนซมเพราะร่างกายระบมบวกกับความเสียใจด้วยหลายวันทีเดียว
ฉันพยายามรั้งเวลาให้ทอดยาวออกไปให้นานที่สุด ลากขาเดินช้าๆ สู่แดนประหารเบื้องหน้ายิ่งกว่าตัวสล็อต ทั้งหมดนั่นฉันทำได้ประเดี๋ยวเดียว เพราะทันทีที่ฉันนึกได้ การโอ้เอ้ตอนนี้ไม่ใช่ทางออกที่ดีเลย หากมีใครสักคนที่รู้จักฉันหรือเขาผ่านมา นั่นคงเป็นคราวซวยของฉันเลยล่ะ
ก๊อกๆ ฉันเคาะประตู และยืนสำรวมรอด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก
ทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้นปนเปกันแยกไม่ออก
“เข้ามาสิ” ชายผู้นั้นดันประตูให้เปิดและรั้งฉันเข้าไปด้านใน
ฉันยิ้มแหยๆ เขายิ้มเก๋ใส่ตาฉัน ชายตรงหน้ากำลังปั่นประสาทฉันอยู่ใช่ไหม เขาทำให้สมองของฉันสั่งการช้าลงอีกแล้ว
“เธอมาช้า ฉันรอแทบจะหลับแล้วนะ”
ตฤณยิ้มเจ้าเล่ห์ ขยับเข้าใกล้ฉันช้าๆ และเมื่อมือแข็งแรงเอื้อมมาผลักจนฉันหงายหลังล้มลงไปนอนหงายบนที่นอนนุ่ม
“ว้าย!”
อารามตกใจฉันหวีดร้องเสียงหลง
“ฮ่าๆ” เขาเงยหน้าหัวเราะ แต่ฉันกลับรู้สึกขนลุก ฉันพยายามกระถดตัวหนีฉันควรมีเวลาสักพักเพื่อทำใจ แต่ทุกตารางนิ้วคือเตียงขนาดใหญ่ ฉันหนีเขาไม่พ้น เมื่อมีข้อตกลงบีบบังคับ
ผมกระโจนเข้าใส่ กางแขนคร่อมร่างอวบของธาริกาเอาไว้
“คุณ ธะ ธารยังไม่พร้อม!” ฉันพยายามยื้อเวลา ความกลัวคืบคลานเข้ามาในใจจนเหงื่อตก
เขาโน้มตัวลงมาจ้องหน้าฉันใกล้ๆ จนฉันผวา รอยยิ้มของเขาทำให้ฉันขนลุกชัน
“ไม่ต้องกังวลเลยธารริกา ฉันจะเป็นคนเตรียมให้เธอพร้อมเอง”
ฉันควรใจชื้นกับคำปลอบประโลมนั่น แต่ทำไมฉันกลับไม่รู้สึกโล่งใจ ฉันกลัวเขาหนักกว่าเก่า รังสีบางอย่างแผ่กระจายลามมาตามเนื้อตัวฉันจนสยิว
“เดี๋ยวค่ะ”
สีหน้าหวาดหวั่นกับคำห้ามน่ารำคาญทำให้ตฤณเริ่มหงุดหงิด ผู้หญิงคนนี้กำลังทำให้ผมรู้สึกละอายใช่ไหม ในประวัติการเป็นนักรักที่ช่ำชองและโชกโชน ไม่มีผู้หญิงคนไหนเป็นแบบนี้เวลาที่อยู่บนเตียงพร้อมผม ผมเริ่มหงุดหงิด แต่กลับไม่รู้สึกโกรธ ความรู้สึกยามนี้ของตนเอง คือรู้สึกกระสันไปทั้งตัว คงเพราะผมเจอสิ่งที่ถูกใจก็เป็นได้
“อย่าช้าเลย เธออยากจบไม่ใช่เหรอธาริกา”
ตฤณกล่าวเสียงพร่า ลดตัวลงบดจูบกลีบปากสีระเรื่อเป็นสิ่งแรก
“อะ อ๊า!” นั่นคือเสียงครางของฉันหลังถูกจูบไปพักใหญ่ๆ ฉันหัวหมุน สมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออกอานุภาพ ‘จูบ’ ร้ายแรงจนฉันใจหายวับ ปลายลิ้นร้อนชื้นที่ป้วนเปี้ยนอยู่ในปาก ทำให้ฉันมึนเมา
ฉันพยายามฝืน พยายามรั้งความรู้สึกไม่ให้รัญจวนตามเขาไป แต่นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ฉันทำได้ เวลานี้ ฉันมึนเมา และหลงกลเขาเข้าให้แล้ว
กระดุมเสื้อตัวใหญ่ถูกปลดออก มือร้อนผ่าวล้วงเข้าไปสัมผัสทรวงอกอวบพอดีมือ มือของเขาคลึงบนหน้าอกช้าๆ มีชั้นในผ้าบางๆ ขวางไว้ก็ไม่ช่วยให้ความรัญจวนนั่นลดลงเลย ฉันห่อหัวไหล่ เนื้อตัวสยิวไปกับมือของเขาที่เคลื่อนไหวอย่างเร่าร้อน และเมื่อมืออีกข้างของตฤณลดต่ำลงไปด้านล่างฉันถึงกับผวา เขากดมือซุกเข้าไปใต้เอวกางเกง และคงรู้สึกถึงความไม่สะดวก ตฤณเลยตัดสินใจรั้งเอวกางเกงผ้าแสนสบายของฉันออก ฉันรู้สึกเย็นวาบ! หลังเอวกางเกงถูกร่นลงต่ำ
“ยะ อย่า...”
ฉันห้ามได้แค่นั้น จากนั้นเสียงปรามของฉันก็เปลี่ยนเป็นเสียงคราง...
“อ๊ะ อ๊า!”
ปลายนิ้วร้อนผะผ่าวถูไถอยู่ที่รอยแยกกึ่งกลางชั้นในสีอ่อน เขาเริ่มต้นเคลื่อนนิ้วนั่นไปมาบนเนินเนื้ออวบอิ่ม ฉันพยายามหุบหน้าขาเข้าหากันให้ได้มากที่สุด แต่ผู้ชายร้ายกาจคนนั้นรู้ทัน เขาแทรกกลางเอาตัวเองขวางทางไว้และจู่โจมอย่างเร่าร้อน ตฤณเป็นผู้ชายอันตรายที่สุดเท่าที่ฉันเคยรู้จัก เขาไม่ยอมเปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ได้มีโอกาสตั้งตัวเลยจริงๆ
ฉันกัดริมฝีปากไว้ พยายามที่จะกลืนเสียงคร่ำครวญน่าอายไว้ให้ได้ แต่คงเป็นเพราะฉันอ่อนแอ ฉันเลยไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจนึก ฉันกลายเป็นผู้หญิงร่านร้อน ทุกครั้งที่ปลายนิ้วนั่นขยับลึกเข้าไปด้านใน ฉันรีบแอ่นสะโพก ยกบั้นเอวขึ้นสูง เพื่อให้ตัวเองรับจังหวะหนักๆ นั่นได้เต็มที่
“นั่นแหละ ร้องดังๆ เลย ฉันชอบ” ตฤณกระซิบเสียงพร่า ผมมองใบหน้าสีแดงก่ำ กับดวงตาปรือไอสวาทของหญิงตรงหน้าด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก มันก้ำกึ่งระหว่างอิ่มเอม กับความรู้สึกอ่อนหวานที่สามารถทำให้คนใจแข็งคล้อยตามได้
ธาริกาเป็นนักสู้ หล่อนพยายามต้านทานสุดความสามารถ แต่ก็อ่อนเยาว์ในโลกกามา ที่เธอยอมจำนนเพราะความรู้สึกหวามไหวเกิดขึ้นนั่นเอง แต่เธอก็ยังพยายามกัดฟันสู้ นั่นทำให้ตฤณสนุกมากขึ้น
ผมคงเบื่อผู้หญิงที่สมยอมง่ายๆ ด้วยมั้ง พอมาเจอคนที่ขัดใจ เลยรู้สึกคึกคักเป็นพิเศษ
ตฤณสะบัดหน้าไล่ความคิดสับสน เวลานี้ผมควรสนใจคนตรงหน้า และเดินหน้าต่อให้เกมครั้งนี้จบลง ผมอยากรู้เหมือนกัน หากผมได้เธออีกครั้ง ผมจะหยุดความกระหายที่เกิดขึ้นในใจได้ไหม ผมบดนิ้วกับจุดอ่อนไหว เธอสะดุ้งน้อยๆ มือของเธอผวาเกาะหัวไหล่ผม ร่างของเธอเกร็งกระตุก เสียงครางทวีความดังขึ้นจนตฤณฮึกเหิม...
“ดีไหม ชอบหรือเปล่า?”
เสียงแหบพร่าสุดเซ็กซี่กระซิบถามอยู่ข้างใบหู
ฉันขมวดคิ้วควรตอบเขาไหม ฉันกำลังรู้สึกเหมือนคนใกล้ตาย คนใกล้ตายที่กำลังสำลักความสุข ความซ่านเสียวนั่นแผ่กระจายไปตามผิวเนื้อและเลือดทุกหยดของฉัน มือของฉันเกร็ง...หงิกงอถึงปลายนิ้วเท้า
ปากร้อนๆ นั่นเลาะเล็มข้างใบหูจนฉันคิดอะไรไม่ออก เขาสร้างความสยิวซ่านเพิ่มขึ้น ด้วยการสอดนิ้วเข้าไปในทางสวรรค์ของฉันมากขึ้น มันคับแน่น แต่กลับให้ความรู้สึกซ่านเสียวจนแทบทนไม่ไหว “อ๊ะ อ๊า!!” ฉันครางดังขึ้น สะโพกฉันแอ่นลอยแทบไม่ติดพื้น
ลิ้นร้อนๆ ของตฤณไล้เบาๆ ที่ซอกคอ จุดที่เขาสัมผัสร้อนขึ้นเรื่อยๆ
“อื้อ”
ฉันห่อไหล่ มือของตฤณเคล้นเนินทรวงของฉันแรงขึ้นจนเนื้อนุ่มหยุ่นแทบจะปลิ้นออกมาจากช่องว่างระหว่างนิ้วของเขา ปลายหัวแม่มือขยี้ปานนมของฉันแรงๆ ส่วนด้านล่างกำลังถูกปั่นป่วนอย่างหนักด้วยปลายนิ้วแข็งร้อนที่ขยับสอดใส่ลึกๆ และขยับรัวเร็ว
เขาทำแบบนั้นซ้ำไปมา จนฉันคิดอะไรไม่ออก ฉันครางจนเสียงแห้ง ความซ่านสยิวก็ยังไม่หยุดลงสักที