ปัญหาที่เกิดขึ้นยิ่งกว่าเชือกพันกัน
เปลือกตากะพริบถี่ๆ ตอนที่ฉันตื่น ความรู้สึกหลากหลายวิ่งเข้ามาในหัว ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ คงเพราะเมื่อคืนฉันเผลอดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์เข้าไปล่ะมั้ง เวลานี้ฉันถึงรู้สึกพะอืดพะอม และปวดร้าวไปทั้งตัวแบบนี้ เอะ! ทำไมเนื้อตัวฉันถึงได้รู้สึกขัดยอกเช่นนี้ล่ะ เมื่อคืนฉันแค่น็อกและสติดับวูบ ไม่มีอะไรมากกว่านั้นใช่ไหม
บรูโน่เป็นเจ้าของบ้านที่นิสัยดีคนหนึ่ง ฉันไม่ค่อยมีเวลาสุงสิงกับเขาหรอก แต่ก็พอเดานิสัยของเขาได้
ฉันทรงตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วก็ต้องตัวเย็นวาบ! รีบก้มสำรวจตัวเองอย่างละเอียด ฉันไม่เคยนอนโดยไม่สวมเสื้อผ้าสักชิ้น แม้จะหมดแรงแค่ไหนก็ตาม สิ่งแรกที่ฉันทำทันทีที่คลานกลับถึงห้องได้ คือ...อาบน้ำ
ในหนึ่งวันฉันใช้เวลาเกือบห้าชั่วโมงอยู่ด้านหลังร้านอาหาร มีหน้าที่ทำความสะอาดจาน ชามใช้แล้ว ไม่แปลกหรอกหากกลิ่นอาหารสารพัดอย่างจะติดอยู่ตามผม เสื้อผ้าของฉัน จนสร้างความรังเกียจให้กับทุกคนรอบตัว ช่วยไม่ได้นี่นะ ฉันต้องหาเงินสำรองไว้จ่ายค่าเช่า และค่าอาหารนี่
ฉันพยายามคิดในแง่ดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ฉันคงวิตกไปเอง
นั่นคือสิ่งที่ฉันใช้ปลอบใจตัวเอง แต่หลังสำรวจร่างกายอย่างถี่ถ้วน ความรู้สึกของฉันก็ยิ่งดิ่งลงก้นเหว อะไรหลายๆ อย่างที่คนคนนั้นทิ้งร่องรอยไว้ ทำให้ฉันคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย ฉันยกมือกุมศีรษะทิ้งตัวนอนขดเป็นก้อนกลมๆ นึกอยากร้องไห้แต่กระบอกตากลับแห้งผาก ฉันจะโทษใครได้ล่ะ ฉันประมาทและเลินเล่อเอง ความจริงฉันควรระวังตัวให้มากกว่านี้ รู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายนั้นอันตราย
ฉันเผลอกัดอุ้งปากจนสะดุ้ง รับรู้รสเลือดของตัวเองครั้งแรก
กลิ่นคาวคละคลุ้งอยู่ในช่องปาก รสเฝื่อนๆ ผสมรสเค็มปะแล่มๆ
มือฉันรั้งผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายสอดมือกอดหัวเข่าและถอนใจแรงๆ
ความฝันที่ฉันหลงพร่ำเพ้อคือความจริงที่แสนโหดร้าย
ถึงแม้ว่าสิ่งที่ฉันสูญเสียไปนั้น คนที่ได้รับไปคือคนที่ฉันแอบฝันถึงบ่อยๆ แต่มันคงไม่ใช่เรื่องดีเมื่อคนคนนั้นเกลียดขี้หน้าฉันเป็นทุนเดิม ผู้ชายจอมวายร้ายนั่นคงไม่เอาเรื่องของฉันไปโพนทะนาหรอก เรื่องนี้ฉันแน่ใจเขามีศักดิ์ศรีพอ เท่าที่ฉันเฝ้ามองเขามาตลอดหลายปี ไม่เคยได้ยินสักครั้งที่ชายผู้นั้นพูดลับหลังเรื่องผู้หญิงที่เขาเคยมีความสัมพันธ์ด้วย
แต่นั่นคือความพึงพอใจของเขา
กับฉันน่ะ มันคนล่ะส่วน...
ป่วยการไว้อาลัยให้กับตัวเอง ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยหากฉันยังจมอยู่ในความทุกข์ สิ่งที่เสียไปก็เรียกคืนไม่ได้
ฉันทรงตัวนั่ง โผเผไปที่ห้องอาบน้ำ ลงมือล้างตัวทุกซอกทุกมุม พยายามไม่มองเงาสะท้อนในกระจก ฉันไม่อยากสมเพชตัวเองมากไปกว่านี้
ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็มในการอาบน้ำครั้งนี้ และความจริงที่น่ากลัวอีกอย่างก็กระแทกใส่ฉันจนเซ เมื่อฉันทบทวนซ้ำไปซ้ำมา หลังล้างคราบสกปรกที่คนคนนั้นทิ้งไว้ให้
คราบต่างๆ ที่หลงเหลืออยู่ ยืนยันความจริงให้ฉันผวา
ฉันโตเกินกว่าจะปฏิเสธความจริงที่รู้อยู่แก่ใจ ต่อให้ฉันไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้กับเพศตรงข้ามเลย แต่ฉันก็ผ่านการเรียนในวิชาเรียน และประสบการณ์ทางโลกผ่านการฟัง...ฉันพยายามคิดหาวิธีป้องกันอย่างละเอียด หลังนับนิ้วและคำนวณเวลาในสมอง ช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับอันตรายที่เกิดขึ้นหลังมีเพศสัมพันธ์เหลือเกิน
ในที่สุดฉันก็รอช้าไม่ได้
ฉันควรทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้... ฉันบากหน้าเข้าไปในร้านขายยา และรีบถามหาตัวช่วยที่ฉันควรใช้ตั้งแต่สามชั่วโมงก่อน คนขายส่งยาบางอย่างให้ฉันโดยไม่คิดจะถาม คงเพราะสภาพของฉันชวนให้สังเวชด้วยมั้ง เขาเลยไม่อยากซ้ำเติม ฉันอ่านฉลากข้างกล่องอย่างละเอียด และจัดการกินยาเม็ดแรกทันที
ถึงจะเลยระยะเวลาอันตรายมาแล้ว ฉันก็ควรทำอะไรสักอย่าง แทนการนิ่งเฉย
ฉันลากขาเดินกลับห้อง ขังตัวเองอยู่ด้านในตั้งแต่ช่วงสายจนค่ำโดยไม่แตะต้องอาหารหรือน้ำสักหยด
“อารมณ์ดีอะไรวะคุณตฤณ” น้อยคนที่จะทักทายผมด้วยชื่อจริง ยกเว้นคนที่มาจากประเทศเดียวกัน ผมยิ้มให้ ยกแก้วบรั่นดีขึ้นจิบ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ หลุบเปลือกตาลง แต่ไม่ตอบคำถามนั่น
“อ้าวไอ้นี่ ถามไม่ตอบ เสือกจะหลับเสียอีก เมื่อคืนคงหนักสิท่า อาการแบบนี้กกหญิงจนสว่างคาตาแหงๆ” คนกระเซ้าพูดเหมือนนอนอยู่ใต้เตียงผม มันเดาถูกเผงเสียด้วย ผมจัดชุดใหญ่ไฟกะพริบให้กับแม่สาวอึ๋มที่เพิ่งรู้ว่าหล่อนมีดี หากผมไม่มีธุระ จ้างให้ก็ไม่มีวันลุกออกมาจากเตียงนอนนั่น แม้รอบตัวผมจะมีแต่กลิ่นที่ไม่โสภาเท่าไหร่
“บ้าสิ ฉันอ่านหนังสือดึกเฟ้ย” ผมแก้ตัวไปงั้นเอง หลังตรึกตรองแล้ว ไม่ใช่เรื่องดีนักที่ผมจะโพนทะนาเรื่องค่ำคืนสุดติ่งกับผู้หญิงที่ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับผมมาตลอด
“อ้อ...เมื่อเช้ามีสอบ คิดว่าทำได้มั้ยวะ”
ผมลืมตาทรงตัวลุกขึ้นนั่งตรงๆ พลางหลิ่วตาให้คนถาม “ระดับนายตฤณมีเหรอจะทำไม่ได้ ยังไงปีนี้ฉันก็เรียนจบอยู่แล้ว” ผมรั้งเวลาเกินกำหนดที่ทางบ้านกะระยะไวให้นานถึงสองปีแล้ว ครั้งนี้ผมเลยดึงเกมไว้ไม่ได้อีก
ไม่อย่างนั้นคนทั้งนิธิกิจไพศาลคงแห่มาตามผมถึงอิตาลี
“ไม่ต้องมาโม้ แค่นายตฤณ จะสู้คู่ปรับอย่างยัยธารได้เหรอวะ ยัยนั่นทำเรื่องจบตั้งแต่กลางปีแล้ว แต่ทำไมยังไม่กลับก็ไม่รู้ว่ะ”
“เกี่ยวอะไรกับยัยนั่นด้วยล่ะ หล่อนจะอยู่ หรือจะกลับ ทำไมฉันต้องสนด้วย”
ผมเม้มปากหลังพูดจบ เมื่อก่อนคงเป็นแบบนั้นแหละ ผมไม่เคยใส่ใจผู้หญิงคนนั้น แค่หล่อนไม่มาขวางหู ขวางตาให้รำคาญก็ดีถมเถ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ไง ผมนึกถึงรสสัมผัสที่เกิดขึ้นและตัดใจไม่ลงเสียด้วย จะพูดตรงๆ เลยก็ได้ ผมลุ่มหลงผู้หญิงคนนั้นอย่างหนัก กะจะหาเวลาว่างๆ ย้อนกลับไปทบทวนความหลังอีกหลายๆ ครั้ง
แต่...ต้องเป็นความลับนะ
ผมไม่ชอบตกเป็นจำเลยของผู้คน ไม่ชอบให้ตัวเองเป็นหัวข้อสนทนา ในเรื่องที่น่าละอาย
“เกลียดอะไรยัยธารนักวะตฤณ” พอถูกถาม ผมก็จนคำตอบ
เลยแสร้งพูดแก้หน้าตัวเองไปงั้นเอง “หล่อนสกปรก ตัวเหม็นสาบด้วย” ผมเถียงตัวเองอยู่ในใจ เรื่องกลิ่นตัวถูกปัดทิ้งตั้งแต่ผมนอนกกหล่อนไว้ทั้งคืนแล้ว ธาริกาไม่ได้มีกลิ่นน่ารังเกียจ คงเพราะงานต่ำๆ ที่หล่อนทำเลยพลอยทำให้กลิ่นไม่พึงประสงค์นั่นติดตัวหล่อนมาด้วย แค่อาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกายจนหมดจด เนื้อแท้ของหล่อนหอมจนอยากนอนดมสักสองอาทิตย์
“ฮ่าๆ ...นาทีนี้ผู้หญิงที่ถูกใจคุณตฤณคงไม่พ้นน้องปุณิกาคนสวยเสียแล้วสิ”
ผมเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง ผมลืมผู้หญิงอีกคนไปเสียสนิท
“ไม่หรอก เลิกกันแล้ว” ผมแก้ความเข้าใจผิด ด้วยการบอกความจริง ข้อตกลงที่ปุณิกาไม่เห็นด้วย หล่อนไม่ได้ต้องการเป็นแค่คู่ควงชั่วคราว ผู้หญิงคนนั้นหวังครอบครองผม ทั้งกายและใจ แต่สำหรับผมแล้ว...คงเป็นไปไม่ได้
ผมไม่ได้มีอิสระที่จะทำตามใจตัวเองได้แบบนั้นสักหน่อย
รู้ทั้งรู้ว่าผมเป็นใคร ปุณิกาก็ยังไม่ยอม
ผมเลยตัดสินใจตัดความสัมพันธ์ ป่วยการสานต่อให้อนาคตวุ่นวาย
ทางเดินที่ฉันขอกำหนดเอง
“ธารเป็นอะไรไหม” ด้วยคำถามรัวๆ มิตรภาพแสนดีที่เพื่อนร่วมโลกคนหนึ่งมอบให้ ทำให้ฉันสะดุด
ฉันไว้อาลัยให้ตัวเองนานเกินไปแล้วสินะ
“ขอบคุณนะคะบูรโน่ ธารไม่เป็นอะไรหรอก แค่ระบบในร่างกายคงจะรวน ธารไม่เคยป่วยมาก่อนนี่คะ”
ความทุกข์ในใจถูกจับยัดไว้ในอก ฉันฝืนยิ้ม และแสร้งทำเป็นร่าเริง ทั้งที่ในอกท่วมไปด้วยน้ำตา
“คงจะจริง แต่พูดจ้อยๆ ได้ คงดีขึ้นแล้วสิ”
“หมดเวลานอนเอ้อระเหยแล้วค่ะ หากธารยังไม่แข็งแรง สิ้นเดือนคงไม่มีค่าเช่าห้องให้คุณแน่เลย”
พอตั้งสติได้ ภาระที่รุมเร้าก็ยิ่งทำให้ฉันต้องเข้มแข็ง
“ไม่มีจริงๆ ก็บอกนะธาร ผมไม่ใช่คนใจดำอะไรหรอก”
“ล้อเล่นค่ะ ธารไม่กล้าเบี้ยวหรอก ยิ่งคุณใจดีแบบนี้ธารก็ยิ่งเกรงใจ”