ตอนที่ 23
ป่านแก้วอยากจะพิสูจน์ใจชายคนรักว่าอดทนกับหล่อนได้มากมายเพียงพอไหม เมื่อพานั่งที่เบาะ และเขานั้นก็นั่งประจำตัวคนขับ หากเห็นสีหน้าหงิกงอ ที่ยังไม่ยอมขยับสตาร์ทรถในทันที ป่านแก้วจึงเอ่ย “พี่หมอยังโกรธป่านเรื่องที่ปฏิเสธคำขอใช่ไหมคะ”
เขาเงียบอีกเหมือนไม่อยากตอบ แต่ป่านแก้วไม่ชอบพูดกับคนเป็นใบ้เธอจึงเสียงเข้มขึ้นหน่อยที่เห็นเขานั้นบางครั้งเป็นคนเข้าใจอะไรยาก และก็ไม่ยอมตอบคำถามของเธอ
“ตอบมาสิคะพี่หมอทำไมถึงเงียบล่ะคะ”
เสียงเธอดังขึ้นอีก แต่เขากลับตอบเสียงเข้มเหมือนกัน และใบหน้าก็ไม่มองมาทางเธอ
“ก็เป็นคำตอบที่ป่านรู้แล้วนี่ แล้วทำไมจะต้องมาถามพี่อีกล่ะ ตัวเองเป็นคนปฏิเสธพี่ไปหยกๆแล้วจะให้พี่คิดยังไงกันล่ะฮึ”
“พี่หมออย่าคิดมากสิคะ“รู้ว่าเขาคิดเรื่องเดิมแต่หล่อนไม่อยากให้เขาเก็บไปคิดอยากให้ปล่อยผ่านสมองไปเสียบ้างแต่ดูเหมือนจามิกรนั้นจะแสดงความจริงจังออกมาเหลือเกิน
“แล้วจะมาห้ามให้พี่คิด ห้ามไปทำไมเพราะพี่คิดไปแล้วมันคิดก็ตั้งแต่ได้รับรู้คำตอบของเธอ” เลยกลายเป็นว่า หล่อนจะต้องมาเถียงกับเขาด้วยเรื่องเดิมอีก ไม่ยอมจบ ป่านแก้วก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดเพราะอยากจะกลับบ้าน ส่วนจามิกรนั้นเอามือกุมพวงมาลัย และยังไม่สตาร์ทรถออก “ป่านอยากจะกลับบ้าน”
“ใช่พี่กำลังจะพาเธอกลับบ้าน เธอไม่ต้องพูดหรอก พี่จะต้องส่งเธอจนถึงบ้านแน่แล้วต่อไปก็คงไม่คิดนัดเธออกมาทานข้าวด้วยกันอีก”
ในคำต่อมาของเขา ก็ทำให้หล่อนอึ้ง
“อ๋อนี่พี่หมอตัดรอนป่านก็เพราะว่ากำลังจะไปมีคนอื่นใช่ไหมคะ” ป่านแก้วอดคิดกลับไปทางอื่นไม่ได้ชวนระแวง
และจามิกรก็อมยิ้มที่หล่อนพูดแบบแคร์ความรู้สึกห่วงใยเขาบ้าง หากป่านแก้วก็กำลังโกรธเขาเพิ่มขึ้น แต่เขาก็ไม่ตอบจนหล่อนต้องเร่งเสียงถาม “นี่ใช่ไหมคะและเป็นความจริงที่พี่หมอก็อยากจะมีคนอื่น เอ๊ะ หรือว่ามีไปแล้วกันแน่ แต่ยังไม่กล้าบอกป่าน”
นั่นไง เขาแกล้งยิ้มในสีหน้า ที่หล่อนเองก็คิดอย่างนี้
“ไม่บอกหรอก ให้กลับเอาไปคิดเอง” เห็นเขาพูดแบบนี้เหมือนตอกย้ำทำให้ป่านแก้วหน้าเสียและยังไงเสียจามิกรคือชายคนรักที่หล่อนคบหามานานกว่าใคร และหล่อนก็มีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่เคยออกนอกทางและสนใจผู้ชายคนอื่นเลย ที่ผ่านมาก็ยืนยันประจักษ์ชัด แล้วหรือว่าเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อหล่อน
หล่อนหันไปมองเขาและน้ำตาแห่งความอ่อนแอก็พาลไหลซึมออกมาผ่านหัวตาฟูมฟายด้วยคำพูดจนเขาตกใจอย่างมากที่เรื่องลุกลามไปใหญ่เพราะมันทั้งที่ไม่มีอะไรสักนิดเขาเองก็ยังซื่อสัตย์ต่อหล่อนคนเดียว และไม่มีใครอื่นหากแต่นึกหมั่นไส้หล่อนที่ได้ปฏิเสธการขอแต่งงานของเขามาตลอดเลยอ้างเรื่องสาวอื่นมาบังหน้าก็เท่านั้น “สุดท้ายนี่พี่หมอก็คนใจโลเลใช่ไหมคะนี่ไม่รักป่านแล้วใช่ไหมอย่างที่เคยพร่ำบอกเอหรือว่าลิ้นของผู้ชายเป็นอย่างนี้ทุกคนคะพี่หมอ”
“ป่าน” เขาเรียกหล่อนจนรู้สึกสะเทือนใจนิด ที่หล่อนกล่าวหา ว่าเขา หันมาบอกพร้อมยื่นมือเข้าลูบคลำที่ใบหน้าพร้อมกับดวงตาที่อาบเอ่อจากหยาดอุ่นรินไหล
“อ้าวอย่าร้องไห้สิ ไปกันใหญ่แล้ว นี่พี่ไม่ได้หมายว่าอย่างนั้นสักหน่อย พี่เองรักและมีป่านคนเดียวเสมอมาเหมือนกัน”
ครั้นพอได้ยินคำตอบของเขา หล่อนก็เงยใบหน้าเพื่อมองจ้อง
“จริงนะคะพี่หมอ” เขาหันไปมองหน้าคนขี้แย พร้อมกับยืนยัน
“จริงสิแล้วพี่จะโกหกเราไปทำไมเฮอะทางเราเถอะน่ะนี่ถ้าขืนทำเล่นตัวมากนัก พี่มีคนใหม่จริงนะ”
หากเขาอดไม่ได้ที่จะออกเสียงขู่หล่อน จนหล่อนต้องเผลอร้องออกมาประกาศด้วยความหวงแหนในตัวเขา
“ไม่นะคะ ไม่เอา แน่ และป่านไม่ยอมให้พี่หมอไปมีใคร ขืนมีสิ คะป่านเอาตายแน่” และเขายิ้มอีกครั้งอย่างขบขัน ทำให้บรรยากาศเริ่มดีขึ้น เมื่อรู้ว่าหล่อนก็บ้าดีเดือดเป็นเหมือนกัน
“จ้าพี่กลัวแล้วเอแต่ถ้ารักพี่หมอ นี่ก็ต้องตามใจรีบตกปากรับคำของพี่ไว้สิจ้ะป่าน” และป่านแก้วเงยหน้ามองเขาหลังจากที่เช็ดน้ำตาจนแห้งสนิท
“งั้นตกลงก็ได้ค่ะป่านจะขอจองตัวพี่หมอเอาไว้ก่อนและห้ามสนใจคนอื่น” คราวนี้จามิกรจึงยิ้มออกมาอย่างสบายใจและโล่งอก ที่สามารถกล่อมเกลาแฟนสาวให้ยินยอมตกลงจนได้นึกขำที่ต้องงัดเล่ห์เหลี่ยมมาใช้กับหล่อน
“ต้องอย่างนี้สิจ้ะ ถึงจะได้รู้ว่า คนเราเกิดมาเพื่อกันและกัน”
“ค่ะพี่หมอ”จามิกรหันไปคว้าแขนและกอดคนรักสาวเอาไว้ และป่านแก้วก็ยินยอมที่จะอิงไออกอุ่นจากเขาที่เขานั้นรั้งตัวหล่อนมาหาอกเขาชั่วครู่ด้วยความสุขจากนั้นเขาก็ปล่อยให้เป็นอิสระและก็พร้อมที่จะออกรถ เพื่อกลับในทันทีจนกระทั่งได้ส่งคนรักสาวจนถึงบ้านอย่างปลอดภัย จากนั้นเขาถึงได้กลับบ้านของตัวเองลำดับต่อไป
ในเวลาเช้าตรู่อย่างนี้หลังจากตื่นนอนแล้วกัลย์กฤษณ์นั้นยังมีคอกเลี้ยงม้าที่เลี้ยงม้าของเขาไว้อยู่ถึงสามสี่ตัวและไม่ค่อยได้หัดขี่สักเท่าใด เพราะทิ้งห่างหายไปนาน เมื่อก่อนเขามีความชำนาญอย่างมากฝึกขี่บ่อยครั้งหากตั้งแต่ไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพนั่นทำให้ลืมเลือน และบริเวณคอกม้าอยู่ที่ไร่ถัดไปอีกมีนายแจ้งคนงานเก่าแก่ที่รับใช้ครอบครัวมานานซึ่งคุณมณีพิณให้ความไว้ใจเช่นกันที่ให้นายแจ้งเป็นคนดูแลอยู่ และตรงนั้นเป็นสวนกล้วยกับทับทิม และปลูกแซมข้าวโพด
หากแต่ว่าใบหน้าของชายหนุ่มไม่สู้แจ่มใสสักเท่าใดเรื่องเก่าที่ค้างคา มารดาทราบแล้วว่าหญิงสาวที่เขากำลังคิดคบหาด้วยเป็นคนที่ฝ่ายศัตรูส่งมาเพื่อเล่นงานเขา
ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วยนะชายหนุ่มนั้นบ่นตีโพยตีพายในใจระบายออกมาที่คอกม้า ซึ่งนานๆเขาจะแวะเข้ามาในเขตไร่ตรงนี้ ที่อยู่เกือบท้ายไร่ เวลามีเรื่องไม่สบายใจ แต่คุณมณีพิณไม่เคยรู้ เพราะเขานั้นได้ลุกตื่นมาตั้งแต่เช้ามืด