“คุณเสือ! หน้าอกดิฉันจะไซส์อะไรมันเรื่องของฉัน ไว้รอให้มันไปเกยทับหัวคุณเมื่อไหร่ถึงค่อยมาพูด จำไว้ว่าคุณไม่มีสิทธิ์มาพูดจาลามกแบบนี้ใส่ดิฉัน” หล่อนอยากจะตบหน้าเขานักแต่ต้องอดใจไว้ไม่อยากโดนนายจ้างไล่ออกตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเหยียบบ้านหลังนี้ ไม่คิดเลยว่าคนเป็นแม่ออกจะใจดีแต่คนเป็นลูกทำไมถึงได้มีนิสัยลามกจกเปรต ไม่มีวินัย ผิดคำพูด แย่ที่สุด!
ยิ่งหล่อนตอบกลับชาติพยัคฆ์ก็ยิ่งได้ใจ เขารู้สึกเร้าใจแปลกๆ อดจินตนาการตามไม่ได้ว่าถ้าหากหน้าอกหล่อนมาเกยอยู่บนศีรษะ
ไม่สิ... เกยบนหน้าท่าทางจะเข้าท่ากว่า
“อย่าเสียงดังสิเดี๋ยวคนได้แห่มาดูหมดบ้านหรอก” เขาสัพยอก ในบ้านไม่มีใครได้ยินหรอกเพราะเสียงสายฝนช่วยกลบทุกอย่างไว้ได้ขนาดว่าหากเขาจับหล่อนพาไปสักมุมแล้วจับหล่อนเปลื้องผ้าออกยังไม่มีใครได้ยินเสียงเลย
พับผ่าเถอะ! ทำไมในหัวเขาถึงมีแต่เรื่องใต้สะดือนักนะ!
“ไม่กลัวค่ะเพราะดิฉันมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด คุณเสือปล่อยแขนสักทีเถอะค่ะเดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเข้าจะดูไม่ดีหาว่าคุณหาเศษหาเลยกับเด็กกะโปโลอย่างดิฉัน”
“รู้ตัวด้วยเหรอว่าตัวเองเป็นเด็กกะโปโล”
ชาติพยัคฆ์ยัวะให้หล่อนโกรธ
“คนบ้า!” นัยน์ตาคู่สวยถลึงตาใส่ก่อนบิดแขนออกจากการจับกุมของคนตัวโต เขาไม่ยอมปล่อยจนหล่อนต้องกระทืบส้นเท้าลงบนเท้าหนาเข้าให้มือนั้นถึงหลุดออกได้ เพลินพิศยิ้มสะใจก่อนหมุนกายเดินหนีแต่ในจังหวะนั้นป้าแต้วเดินมาทางนี้พอดีหล่อนตกใจรีบฝืนยิ้มหวานกลบเกลื่อนแต่ดูเหมือนจะไม่ทัน
“คุณนายให้ป้ามาตามคุณเพลินกับคุณเสือไปที่ห้องอาหารค่ะ” ป้าแต้วอมยิ้มที่เห็นทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน อย่างนี้กองเชียร์คงใจชื้นขึ้นมาว่าคุณเสือของพวกตนคงจะมีแววได้ลงจากคานเร็วๆ นี้ ไม่อยู่รอจนถึงสี่สิบตามที่เคยเปรยๆ ประชดคุณมุกมณี ถือเป็นเรื่องดีที่บ้านหลังนี้จะได้มีเด็กมาวิ่งเล่นสักสองสามคนสักที เสียแต่อายุสองคนห่างกันไปเยอะเลย หนูเพลินพิศเพิ่งเต็มยี่สิบสองส่วนคุณเสือปาไปสามสิบห้า ถ้าลงเลยกันจริงๆ คุณเสือของตนคงเป็นอมตะแน่เพราะเผลอไปกินเด็กอายุอ่อนกว่าตนเองเกือบรอบ