เรือนใหญ่ที่ติดกับเรือนหลักยามนี้ถูกทำความสะอาดพร้อมจัดระเบียบข้าวของใหม่จนสวยงามน่าอยู่ ร่างอ้อนแอ้นเดินเข้ามาไม่มีทีท่าดีอกดีใจให้เห็น นางเพียงเข้าไปนั่งยังตั่งริมระเบียงซึ่งมีชานไม้ยื่นออกไปชื่นชมบรรยากาศในสวน จากที่เลี่ยงเหลียงสังเกตนายท่านซูดูเหมือนจะรักฮูหยินเอกของตนมาก เรือนหลังนี้ไม่มีส่วนใดสึกหรอทั้งยังรักษาสภาพเดิมไว้เสมอ เช่นนั้นอะไรทำให้เขาเมินบุตรสาวที่เกิดจากนางอันเป็นที่รักกันล่ะ
“อย่าบอกนะว่า….” ในนิยายหลายเรื่องผู้มีอำนาจยุคโบราณชอบทำสิ่งหนึ่งเหมือนๆ กัน นั่นคือการแสร้งเป็นไม่รักเพื่อปกป้องคนสำคัญ
ให้ตายเถอะ! อะไรดลใจให้คิดแบบนั้น นี่คงไม่ได้มีเรื่องลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนเช่นที่จริงแล้วฮูหยินรองคือคนวางแผนสังหารมารดาเจ้าของร่างใช่รึไม่ แบบนั้นก็ออกจะน่าเศร้าใจเกินไปหน่อยกระมัง
“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูทำสำเร็จแล้วเจ้าค่ะ” เสียงสะอื้นดึงความคิดฟุ้งซ่านของหญิงสาวให้กลับมา ใบหน้าลี่ฉงเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความดีใจ เรือนนี้คือที่พำนักสุดท้ายของอดีตเจ้านายไม่คิดฝันว่าจะได้กลับมาอยู่ที่นี่อีกครั้ง
“น้าลี่ฉง ข้ามีเรื่องอยากถาม” ความคลางแคลงใจเสมือนหนามที่ตำให้รู้สึกเจ็บตราบใดที่เรายังไม่บ่งมันออก ดังนั้นเมื่อสงสัยสิ่งใดก็ต้องหาคำตอบ
“คุณหนูมีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ” ร่างบางนั่งลงบนพื้นเพื่อไม่ให้นายหญิงตัวน้อยต้องเงยหน้า
“ท่านแม่….มีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่ท่านแม่จะถูกลอบสังหาร” อีกฝ่ายคือสาวใช้คนสนิทของซูฮูหยิน น่าจะรู้ตื้นลึกหนาบางอะไรมาบ้าง
“คุณหนู!” ลี่ฉงมองซ้ายมองขวาก่อนรีบเดินไปปิดประตูให้สนิท ทั้งยังจับจูงคนถามให้กลับเข้ามาในเรือนแล้วปิดหน้าต่างจนหมด
“อย่าได้เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาสุ่มสี่สุ่มห้าสิเจ้าคะ” ใจสาวใช้ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว
“ข้าแค่สงสัย ท่านพ่อเมินข้าแต่กลับมอบเรือนนี้ให้ จากที่ดูมันถูกรักษาไว้อย่างดีหมายความว่าท่านพ่อคงรักท่านแม่มาก แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะต้องหมางเมินข้าถ้าไม่ใช่ว่าท่านกำลังปกป้องข้าจากบรรดาฮูหยินรอง” คิ้วได้รูปขมวดมุ่น ความสัมพันธ์ของคนวุ่นวายยุ่งเหยิงเกินกว่าจะบรรยายเป็นตัวหนังสือ หรือบางทีอาจมีบางอย่างที่นางไม่รู้
“ท่านหมอบอกว่าฮูหยินร่างกายไม่แข็งแรงทำให้เสี่ยงยามคลอดบุตร ส่วนเรื่องของนายท่านคุณหนูอาจต้องหาคำตอบเองเจ้าค่ะ” นางเป็นเพียงบ่าวมิอาจเอ่ยวาจาไม่ยั้งคิด
“ลับลมคมในเยอะจริงเชียว” ขนาดลี่ฉงยังไม่รู้ แบบนี้จะสืบด้วยตนเองคงจะตึงมือไปหน่อย
“ขออภัยที่บ่าวไม่สามารถตอบคำถามของคุณหนูได้เจ้าค่ะ” ลี่ฉงก้มศีรษะจนแทบติดพื้น
“น้าลี่ฉงอย่าได้ทำแบบนี้ ข้าเพียงนึกสงสัยขึ้นมาจึงลองถามดู” เอาไว้นางค่อยหาโอกาสไปคุยกับบุรุษผู้นั้นให้กระจ่างก็แล้วกัน
“เจ้าค่ะ” ไม่ใช่ว่าลี่ฉงไม่แปลกใจกับการเปลี่ยนไปของสตรีตรงหน้า แต่เพราะไม่มีสิทธิ์ที่จะถาม ไม่สมควรละลาบละล้วง ในเมื่ออีกฝ่ายคือบุตรีที่เกิดจากอดีตผู้เป็นนาย คำสาบานที่เคยให้ไว้ในยามฮูหยินสิ้นใจจะยังฝังลึกอยู่ในความทรงจำไม่จางหาย
‘ลี่ฉง….ข้าวาสนาน้อยนัก ฝากดูแลนางด้วยนะ” น้ำเสียงระโหยโรยแรงเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก
“บ่าวสาบานด้วยชีวิตว่าจะดูแลคุณหนูให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ่าวจะไม่มีวันทอดทิ้งคุณหนูไปไหนเจ้าค่ะ” ลี่ฉงตอบกลับทั้งน้ำตา นั่นคือประโยคสุดท้ายที่นางได้กล่าวกับนายหญิง
“น้าลี่ฉง ข้าอยากอยู่คนเดียวสักพัก” ร่างบางเอ่ยขณะเดินไปเปิดประตูระเบียงอีกหน
“บ่าวจะสั่งไม่ให้ใครเข้ามารบกวนเจ้าค่ะ” นอกจากได้เรือนใหม่แล้วยังมีสาวใช้สี่ห้าคนถูกส่งมาโดยพ่อบ้านประจำตระกูลอีกด้วย
ความเงียบสงบกระจายตัวไปทั่วห้องกว้างเมื่อคุณหนูใหญ่ตระกูลซูได้กลับมาอยู่เพียงลำพัง เลี่ยงเหลียงใคร่ครวญถึงก้าวต่อไปที่ตนควรจะเดิน ตอนนี้ปัญหาความเป็นอยู่คงไม่เดือดร้อนไปอีกสักพัก ถึงอย่างนั้นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิตย่อมเป็นสิ่งใดไปไม่ได้เลยนอกเสียจาก…
“เงิน” ริมฝีปากสีสวยเม้มแน่นยามกล่าวออกมา ความทรงจำเจ้าของร่างระบุไว้ว่าสินเดิมซูฮูหยินถูกภรรยารองแซ่ไป๋เก็บไว้อย่างเงียบเชียบ จะให้ไปทวงคืนตอนนี้คงเป็นไปได้ยาก นางเพิ่งสร้างเรื่องมาหมาดๆ ถ้ารุกคืบจนล้ำเส้นเกรงว่าสุนัขที่ถูกต้อนเข้ามุมมันจะแว้งกัดไม่เลือกนี่สิ
“จะว่าไป…พวกนางแก้ปัญหากันยังไงบ้างนะ”
ในหนังสือหลายร้อยเล่มมีเรื่องราวมากมายให้ติดตาม ส่วนใหญ่แล้วตัวเอกมักพบหนทางเอาตัวรอดด้วยความรู้ที่ติดตัวมาด้วย ยิ่งถ้าเป็นแนวสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะมีกลยุทธมากมายให้เอามาเป็นเยี่ยงอย่าง ถ้าเช่นนั้นลองมาเรียบเรียงข้อมูลที่พอนึกออกดูดีกว่าเผื่อสามารถนำมาปรับใช้กับสถานการณ์ตอนนี้ได้บ้าง
ทำอาหาร….ครั้งล่าสุดที่นางเข้าครัวก็เกือบได้ปฏิบัติหน้าที่นักดับเพลิงในบ้านตนเอง
ปลูกผัก….ขนาดปลูกต้นไม้ที่ไม่ต้องรดน้ำบ่อยมันยังแห้งตายคาระเบียงบ้านเลย จะให้ไปปลูกผักคงไม่รอดแน่
วาดภาพ….เคยวาดกระต่ายส่งอาจารย์แล้วถูกชมว่าเป็นก้อนเมฆที่สวยดี จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่ามันเหมือนก้อนเมฆตรงไหน
ขายสูตรทำขนม….อย่าว่าแต่สูตรเลย เศษเสี้ยวความรู้ในด้านนี้ติดลบจริงๆ
เย็บปักถักร้อย….ชีวิตก่อนไม่เคยได้แตะเข็มกับด้ายเลยด้วยซ้ำ จะให้ฝึกตอนนี้คงสายไปแล้ว
“นี่ข้าไร้ความสามารถขนาดนี้เชียวรึ” คิ้วสวยขมวดเป็นปม ทำไมยิ่งคิดก็เหมือนตนจะทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง
เอาล่ะ ใจเย็นก่อน ในเมื่อสิ่งที่คนอื่นถนัดมันไม่ใช่สิ่งที่ตัวเราเองถนัด งั้นก็มาดูกันว่างานอดิเรกในชีวิตประจำวันที่ทำเป็นประจำมีอะไรบ้าง
“ตื่นเช้ามาออกกำลังกาย กินอาหารจากร้านโปรด ตอนสายอ่านหนังสือ เที่ยงก็สั่งอาหารมากิน ตอนบ่ายอ่านหนังสืออีก ช่วงเย็นออกกำลังกายยาวจนเข้านอน….” เอ่อ ทำไมพูดออกมาแล้วเหมือนพวกเก็บตัวไม่สนโลกแบบนั้นล่ะ
ดวงตาคู่สวยกระพริบปริบๆ เหมือนคนเพิ่งรู้ตัวว่าชีวิตก่อนหน้าตนเองเป็นคนเช่นไร การใช้ชีวิตนอนเปื่อยอยู่บนโซฟาพร้อมหนังสือเป็นสิ่งที่นางชื่นชอบที่สุด ดังนั้นงานอดิเรกจึงเรียกได้ว่าน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย อีกทั้งยุคนี้หากจะประกอบกิจการใดก็ต้องมีเส้นสาย มีคนหนุนหลัง เลี่ยงเหลียงคงไม่สามารถนำวิชาความรู้ด้านดับเพลิงมาเปิดสำนักสุ่มสี่สุ่มห้าได้ นอกจากนั้นระบบน้ำก็ยังไม่แน่นอน การสื่อสารล่าช้าไม่สะดวก จะไปสอนออกกำลังกายให้กับคนทั่วไปอาจถูกมองว่าวิปลาสหรือผีเข้าเอาได้
“จะว่าไป….หาเงินด้วยวิธีนี้ก็ได้นี่นา!” ร่างบางลุกพรวดจากที่นั่งด้วยท่าทางตื่นเต้น เพราะถ้าตัดตัวเลือกทั้งหมดที่มีก็เหลือแค่อย่างเดียวที่นางน่าจะทำได้ดี
กระดาษ พู่กัน หมึก ทุกอย่างวางเรียงกันบนโต๊ะตัวใหญ่ มือขาวผ่องบรรจงจรดปลายขนนุ่มแล้วลากไปตามที่ต้องการ ตัวอักษรมากมายร้อยเรียงยาวเหยียดหลายสิบแผ่น ทุกแผ่นถูกวางผึ่งให้แห้งรอเก็บรวบรวมอีกครั้ง เนิ่นนานจนเย็นย่ำร่างระหงบิดขี้เกียจไปมาหลายครั้งก่อนลงมือทำต่อโดยไม่สนอาหารเย็น คืนนั้นทั้งคืนหญิงสาวยอมอดหลับอดนอนเพื่อทำสิ่งที่ต้องการให้สำเร็จ กระทั่งช่วงรุ่งสางลี่ฉงจึงพบว่านายหญิงของตนกำลังหลับคาโต๊ะหนังสือโดยที่พื้นห้องเต็มไปด้วยกระดาษมากมายเกือบร้อยแผ่น ทุกแผ่นมีตัวหนังสือแน่นขนัดคล้ายกับเนื้อหาในตำรามากกว่าจดหมาย สุดท้ายนางจึงนำผ้ามาห่มแล้วปล่อยให้เจ้านายนอนต่ออีกสักหน่อย
…………………………
………..
............................................................................................