ตอนที่6 นั่นก็พระเอกนี่ก็พระรอง

3204 Words
“เหอะ นามของอวิ๋นอ๋องดังกระฉ่อนทั่วแคว้นหาน วันนี้ได้เห็นความเก่งกาจของเจ้ากับตาแล้วคงไม่ยอมรับไม่ได้ แต่..ก็หนีองครักษ์ที่เจ้าส่งมาได้ถึงสามวัน แล้วคิดว่าวันนี้จะจับข้าได้จริงหรือ” “....” เฟิ่งเซียนฮวาอดกลั้นจนน้ำตาไหล คิดสงสัยอยู่ในใจว่าจ้าวอวิ๋นหยางคนด้านชา เห็นภาพตรงหน้านี้แล้วยังอดกลั้นหัวเราะได้ นับถือจริงๆ!! ด้านลั่วเสวี่ยนบาดเจ็บภายในระบมเข้ากระดูกพยายามยันตัวลุกขึ้นโดยไม่แสดงถึงความเจ็บปวด ถึงจะยังเจ็บจุดที่ถูกนางถอนขนออกไป เขากัดฟันอดกลั้นระหว่างขวานหาผงพิษมึนเมาในสาปเสื้อ การกระทำที่ลั่วเสวี่ยนคิดว่าแนบเนียนตกอยู่ในสายตาจ้าวอวิ๋นหยางทั้งหมด สิ่งที่เกิดขึ้นในหนึ่งอดใจต่อมา คือการที่ไอพระเอกบ้าไม่เลือกใช้ดาบในมือไปสะกัดแต่กลับสะบัดตัวเฟิ่งเซียนฮวากระแทกบุรุษรูปงามเสียอีกฝ่ายกระเด็นกระดอน พลั่ก!! ลั่วเสวี่ยนตอนนี้ร่างกายอ่อนแอแต่ดันปากแจ๋ว เห็นแล้วว่าใบหน้าประหลาดที่อ้าปากกว้างตาเหลือกจนน่าเกลียดของเฟิ่งเซียนฮวาพุ่งตรงเข้ามา แต่ไม่อาจหลบหลีกได้ทันจึงถูกร่างเล็กชนตัวลอยกระแทกกำแพงจนหมดรูป เป็นเหตุให้ผงพิษกระจายออกมาจากตัว “อ้ากกกก” และเขาต้องร้องลั่นเพราะกระดูกยังไม่กลับเข้าที่ บัดซบ!! “ว้ากกกก!!” ด้านเฟิ่งเซียนฮวากำลังกลั้นขำจนน้ำตาเล็ดต้องสะอึกลมตัวเองร่วมร้องด้วยความตกใจ โดยจ้าวอวิ๋นหยางสะบัดส่งตัวนางไปแทนอาวุธและรั้งกลับมาประหนึ่งใช้นางเป็นหนังยางมีชีวิต ช่วงม้วนตัวกลับมาเป็นลูกข่างหน้าผากงามก็กระแทกอัดกับอกแข็งดังปึก! เสียงนั้นดังพอให้จ้าวอวิ๋นหยางได้ยินแน่ แต่เขาหาได้สนใจไม่กลับกระตุกยิ้มมุมปากชอบใจเสียด้วยซ้ำ เห็นนะย้ะ!! เฟิ่งเซียนฮวากัดฟันคาดโทษในใจ เนื่องด้วยตอนนี้ยังถูกมือแกร่งของชายหนุ่มรัดมือสองข้างไว้จนแน่น “อย่าคิดเล่นไม่ซื่อต่อหน้าข้าจะดีกว่า หากข้ามองวิชาของเจ้าทะลุปรุโปร่ง อาการบาดเจ็บสาหัสของเจ้าข้าย่อมมองออกด้วยเช่นกัน ตอนนี้เจ้าไม่มีทางเลือกแล้ว ฉะนั้นจงบอกมาเจ้าใช้ทางลับใดเข้ามาและผู้ใดร่วมมือกับเจ้าอีก แผนการสกปรกของแคว้นหานคืออะไร หากเจ้าทั้งสองไม่ยากตายก็ให้ความร่วมมือ!” ...ทั้งสอง “อวิ๋นอ๋อง สักครู่หากได้ยินไม่ผิด พระองค์กล่าวว่าทั้งสอง หม่อมฉันคิดว่านั่นไม่ถูกต้องสักเท่าไหร่นะเพคะ..” ครั้นได้ยินคำว่าทั้งสอง ใบหน้าเล็กที่มุดอยู่ก็ช้อนขึ้นมองจ้าวอวิ๋นหยางสีหน้าเหลอหลาพลางส่ายหน้ารัว ๆ แต่กลับได้สายตามีโทสะของเขาส่งตอบ ทำเอาหน้างามเบ้ปากคล้ายจะร้องไห้ “คำพูดจากปากเจ้ามีความน่าเชื่อถือถึงครึ่งหนึ่งหรือไม่ เรื่องนั้นข้าได้รู้แน่” ร่างสูงกว่ากล่าวเสียงเหี้ยม และยังไม่ทันที่เฟิ่งเซียนฮวาจะได้ตอบอะไร จ้าวอวิ๋นหยางก็ได้พูดประโยคที่ทำเอานางต้องอ้าปากค้าง “ลั่วอ๋องที่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับศึกบ้านเมืองเช่นเจ้า วันนี้มีธุระสำคัญอันใดถึงบุกมาหยางโจวตัวคนเดียว และยังเจาะจงต้องเป็นนาง” ความหมายของจ้าวอวิ๋นหยางนั้นคือสงสัยว่าพวกนางลักลอบพบกัน แต่เดี๋ยวก่อน ลั่วอ๋องที่ว่า.. ใช่ลั่วเสวี่ยนหรือไม่ และหากเป็นลั่วเสวี่ยนเดียวกันกับที่นางคิด เขาคือพระรองของเรื่องไม่ใช่หรือไง ยังไม่ถึงบทที่เขาต้องปรากฏตัวทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้ อีกทั้งก่อนหน้านี้ต้องเป็นเขาแน่ที่นางขอให้แบกขึ้นมายังอารามจิ่วผี่.. ด้านลั่วเสวี่ยนที่ถูกแรงกระแทกอัดเข้ากำแพงยังไม่สิ้นฤทธิ์ กัดฟันใช้แรงเฮือกสุดท้ายลุกขึ้นมาได้ ตอบกลับจ้าวอวิ๋นหยางที่ยังคงยกปลายดาบชี้มาทางเขา “นั่นก็แล้วแต่เจ้าจะคิด” “อ้าว!” อ้าว..อิพระรองนี่ เฟิ่งเซียนฮวาหันขวับมองค้อนไปยังบุรุษในคราบชุดกระโปรงสีเขียว ทว่า..ชั่วครู่หนึ่งที่อดสงสัยไม่ได้ว่าชุดกระโปรงตัวนั้นทำมาจากอะไรถึงได้เหนียวยืดติดทนนานไม่ฉีกขาดดีจริง ๆ .. และทันใดนั้นลั่วเสวี่ยนที่ลุกขึ้นมาได้แล้วกล่าวจบประโยคเสร็จสิ้น ก็โยนถุงบางอย่างใส่ทางพวกเขาทั้งสอง “หลบไป!” จ้าวอวิ๋นหยางไหวตัวทันเอี้ยวหลบถุงที่ถูกปามา พร้อมกับเหวี่ยงตัวเฟิ่งเซียนฮวาให้พ้นทาง ทว่าปากถุงถูกเปิดออกแต่แรกแล้วผงด้านในจึงกระจัดกระจายเต็มอากาศ ไม่รู้ว่าใจจริงของพ่อพระเอกหวังดีต่อนางหรือจงใจกันแน่ เพราะแรงเหวี่ยงของจ้าวอวิ๋นหยางคงมากไปหน่อย ร่างบางที่ถูกเหวี่ยงนั้นถึงกับพุ่งไปยังทิศทางที่ลั่วเสวี่ยนอยู่รวดเร็ว ประจวบกับที่อีกฝ่ายเตรียมหันหลังจะเร้นกายหายตัวหนี “กรี๊ดดดด!! ไอบ้าเอ้ย!!” เฟิ่งเซียนฮวาตัวปลิวหลับตาแน่น เช่นเดียวกับลั่วเสวี่ยนกำลังหัวเราะในลำคอเพราะมั่นใจว่าหนีได้แล้ว แต่ก่อนจะตัวงอหัวทิ่มไปด้านหน้า ใบหน้าจูบเข้ากับผนังอีกรอบ “หึ.. ลาก่อ- อั้ก!!” ตึง!! สติสุดท้ายของลั่วเสวี่ยนได้ฝากคำพูดต่อจ้าวอวิ๋นหยางไว้ด้วยว่า ...ฝากไว้ก่อนเถอะ ด้านจ้าวอวิ๋นหยางยกมือขึ้นปิดจมูก ใช้กระบวนท่ากระบี่พัดเอาละอองผงพิษออกจากอากาศจนหมด เมื่อม่านหมอกพิษจางลงแล้วตั้งใจจะวิ่งตามศัตรูไป แต่กลับต้องชะงักเมื่อพบสองร่างนอนแผ่อยู่บนพื้น ภาพนั้นเกือบทำเขาเผลอทำกระบี่หลุดมือ เมื่อพบหนึ่งบุรุษอยู่ในสภาพหน้ากำลังถูไถลลงจากกำแพง และอีกหนึ่งสตรีที่นอนแผ่หลาหมดสภาพข้างกัน ใบหน้าบุรุษมีม่านความกังวล เร่งรีบตรงเข้ามาหาร่างเล็กที่นอนแน่นิ่งและกำลังจะถึงตัวนางอยู่แล้ว จู่ ๆ ร่างบางก็ลุกพรวดขึ้นมาทำเอาวิญญาณผู้เป็นอ๋องแทบหลุดจากร่าง “เฮือกก!!! อะไร เกิดอะไรขึ้น เมื่อกี้ข้ารู้สึกเหมือนบินได้ เห้ย ลั่วเสวี่ยนเจ้าตายหรือยัง!!” เฟิ่งเซียนฮวาสะดุ้งขึ้นมาได้ก็สะบัดศีรษะด้วยความมึนเมา เหมือนกับว่าความทรงจำขาดหายไปชั่วขณะ ก่อนเหลือบไปเห็นลั่วเสวี่ยนที่หน้าแนบไถลกับกำแพงคล้ายคอจะหัก ก็รีบดึงหัวอีกฝ่ายออกมาโดยทันทีเพราะกลัวว่าพระรองที่มีบทสำคัญในการช่วยพระเอกในตอนท้ายจะตายลง ..แต่เพราะลั่วเสวี่ยนสวมเส้นผมปลอมและการสวมต้องติดไว้อย่างแน่นหนา ทำให้จังหวะที่เฟิ่งเซียนฮวาตกใจดึงหัวของเขาออกมาสุดแรงเกิด สิ่งที่ติดมือนางออกมาด้วยจึงเป็นผมปลอมและผมจริงของลั่วเสวี่ยนนิดหน่อย.. “กรี๊ด!!” ด้วยความตกใจบวกขยะแขยงจึงสะบัดหัวลั่วเสวี่ยนทิ้ง ทำให้ลั่วเสวี่ยนลืมตาขึ้นมาร้องและสลบซบกำแพงไปอีกรอบ “อ้ากกก..ครอก!!..” กับความทรงจำสุดท้าย.. ฝากไว้ก่อนทั้งผัวทั้งเมีย!! “ม้ายยย ลั่วเสวี่ยนอย่าตายนะ!” เฟิ่งเซียนฮวาที่เผลอมือทำลงไปก็ตกใจยกใหญ่เขย่าร่างลั่วเสวี่ยนรัว ๆ โดยที่มีจ้าวอวิ่นหยางนั่งยอง ๆ อยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ จวบจนเสียงบุรุษทุ้มต่ำดังขึ้นนางถึงหยุดมือ “เป็นห่วงกันมากหรือ” ได้ยินดังนั้นเฟิ่งเซียนฮวาก็ผลักหน้าลั่วเสวี่ยนทิ้งอย่างไม่ใยดี “ไม่เพคะ ให้เลือกห่วงเขากับห่วงพระองค์ หม่อมฉันห่วงพระองค์ที่สุดเพคะ” “หึ..” สีหน้าบุรุษเรียบนิ่งอยู่เช่นเคยคิดไม่ตกว่าควรจะทำอย่างไรกับเจ้าแมวน้อยกลับกรอกตัวนี้ดี.. เฟิ่งเซียนฮวาปาเส้นผมในมือทิ้งราวกับขยะชิ้นหนึ่ง ไม่หันกลับไปมองว่าลั่วเสวี่ยนจะเป็นตายร้ายดีเช่นไรอีก แท้จริงแล้วนางเป็นห่วงเขาแน่นอนล่ะ เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงพระเอกขาทองคำที่จะพานางรอดพ้นทุกสถานการณ์ ไม่ให้ห่วงเขาที่สุดแล้วจะห่วงใคร! หลังจากสะบัดไล่เศษผมลั่วเสวี่ยนในมือแล้วจึงเห็นบนบ่าแกร่งนั้นมีผงบางอย่างติดอยู่จึงตั้งจะปัดให้แก่เขาเพื่อแสดงออกว่านางเป็นห่วงจากใจจริง.. “เสด็จพี่ มีบางอย่างเปรอะเสื้อของท่าน” นางกำลังจะเอื้อมมือไปถึงอยู่แล้วแต่ถูกเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่บอกบุญไม่รับตอนนี้หยุดไว้พลางส่งสายตาตำหนิ เฟิ่งเซียนฮวาถึงรีบชักมือกลับมาไม่ทันราวกับโดนของร้อน หวงตัวจริง! จ้าวอวิ๋นหยางเห็นว่านางหันหน้าให้แก่เขา แต่ปากขมุบขมิบอะไรบางอย่างทั้งเบะปากพลางอมลมจนแก้มป่อง คงคิดว่าเขาไม่ทันสังเกตแต่ผิดถนัดเห็นเช่นนั้นชายหนุ่มก็ถอนหายใจเหนื่อยหน่ายอย่างหาได้ยาก ทำเป็นไม่ได้ยินว่านางเปลี่ยนสรรพนามเขาเป็นอะไร ขณะสำรวจร่างกายของนางที่ถูกเขาผลักลอยลิ่วจนสุดโถงทางเดิน ถึงไม่อยากใส่ใจสตรีกลับกลอกผู้นี้นักแต่เขาต้องยอมรับว่าในใจรู้สึกผิดไม่น้อยเพราะคาดไม่ถึงว่าเขาจะออกแรงพลาดเหวี่ยงตัวนางไปไกลขนาดนั้น “อยู่นิ่ง ๆ” เขากล่าวกับนาง “...” น้ำเสียงนุ่มนวลกว่าทุกครั้งทำให้เฟิ่งเซียนฮวาเหยียดหลังเผลอกลั้นหายใจอย่างลืมตัว จ้าวอวิ๋นหยางไม่สนใจสายตานางสำรวจร่างกายเล็กตั้งแต่ส่วนบนจรดปลายเท้า ช้อนใบหน้างามที่มีฝุ่นเปื้อนเกือบทั่วหน้าขึ้นมาสำรวจก่อนถอนหายใจเมื่อเห็นว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหน และเห็นว่าเฟิ่งเซียนฮวายังกลั้นหายใจจึงกล่าวเสียงค่อย “อย่ากลั้นหายใจ ข้าไม่ได้ทำร้ายเจ้า” นิ้วหนากดลงบนกลีบปากนุ่มเพื่อให้นางได้เปิดปากหายใจ ดวงตากลมโตสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อได้รับสัมผัสอ่อนโยนจากคนที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ ยิ่งเห็นรูปโฉมงามพร้อมทำดาเมจต่อหัวอกชะนีก็พาให้หัวใจดวงน้อยเต้นระรัว รู้สึกตื้นตันที่ชีวิตหนึ่งได้มีหลัวหล่อเป็นบุณหล่นทับ ครั้นจะเอ่ยปากชมผู้เป็นสวมีให้หนำใจ หัวคิ้วคนตรงหน้ากลับเริ่มขมวดเป็นปมใบหน้าเรียบเฉยค่อย ๆ แสดงความกรุ่นโกรธขึ้นมาให้เห็น เห็นดังนี้เฟิ่งเซียนฮวาจำต้องโยนคำกล่าวชมทิ้งไปให้ไกลหันกลับมาเบะปากจะร้องไห้แทน มีอะไรอีกล่ะ ห้วย!! “มีอะไรอีกหรือเพคะ” คำถามได้รับคำตอบด้วยมือหยาบกร้านของบุรุษคว้าเข้าที่ข้อเท้าของนาง “ว้าย!!” เฟิ่งเซียนฮวาร้องและเกือบหงายหลังดีที่ใช้มือยันไว้ได้ทัน จ้าวอวิ๋นหยางไม่พูดไม่จาดึงข้อเท้านางขึ้นจึงเห็นที่มาของกลิ่นบางอย่าง นับตั้งแต่เยาว์วัยเขาถูกสั่งสอนทุกสิ่งอย่างเข้มงวดเพื่อให้จ้าวกงหยู่หวงตี้พอพระทัย อาวุธทุกชนิดเขาใช้งานได้คล่องแคล่วหรือแม้แต่การทนทานต่อพิษเขาก็ทำได้ในระดับที่ไม่ตาย ขัดเกลาฝีมือตลอดนับยี่สิบปีจ้าวอวิ๋นหยางจึงมีประสาทสัมผัสดีกว่าคนทั่วไปมาก เมื่อเข้าใกล้ตัวของนางในระยะประชิดเขาก็ได้กลิ่นประหลาดฟุ้งกระจาย เมื่อหาที่มาก็พบว่ามีบางอย่างซุกซ่อนอยู่ใต้ฝ่าเท้านาง และก็พบกับเศษผงสีหม่นซึ่งมันไม่ใช่อันเดียวกันกับที่ลั่วเสวี่ยนใช้ เป็นเช่นนั้นเขาจึงเอ่ยถามนางออกไป “เจ้าเองก็เก็บผงพิษเอาไว้งั้นรึ!” “...ไม่ ไม่ใช่เพคะ” ครั้นสบกับดวงตากลมโตของเฟิ่งเซียนฮวา นางกลับหลบหน้าหนี ประกอบกับจังหวะหายใจเริ่มเป็นจังหวะถี่ เรียวคิ้วงามก็ขมวดเล็กน้อยแม้พยายามปิดบังอย่างยิ่งยวดก็มองออกว่านางแสดงสีหน้ากังวลใจ จ้าวอวิ๋นหยางถึงปักใจเชื่อว่านางกำลังมีบางสิ่งปิดบัง “ในเมื่อเจ้ายังคิดปิดบังทั้งที่ถูกจับได้คาหนังคาเขา ก็มาดูกันว่าหากเขาได้รับผงพิษนี้เข้าไปแล้วจะยังมีชีวิตตื่นมาพบหน้าเจ้าอยู่หรือไม่” “!!!” เฟิ่งเซียนฮวาตาเหลือกโตยิ่งกว่าครั้งไหน เมื่อจ้าวอวิ๋นหยางพูดจบก็กำลังเคลื่อนตัวไปทางลั่วเสวี่ยนอย่างรวดเร็ว นางที่ไม่ต้องการให้ใครต้องมาทดลองกินเศษผงกระดูกมนุษย์ก็ลุกพรวดเพื่อห้ามจ้าวอวิ๋นหยาง “จ้าวอวิ๋นหยางหยุดก่อนนั่นมันไม่ใช่ของกินนะเพคะ!!” พลั่ก! ทว่ามันช่างเป็นจังหวะนรกในหนึ่งวันเสียเหลือเกิน ในจังหวะที่นางขยับตัวลุกเพื่อห้ามเขา ขานางดันสะกัดต้นขาของจ้าวอวิ๋นหยางพอดิบพอดีราวกับตั้งใจ ทำให้อีกฝ่ายที่ไม่ทันได้ระวังตัวหน้าคะมำ เศษผงกระดูกจึงลอยโปะเต็มใบหน้าหล่อเหลา ไม่พอเท่านั้นเศษเสี้ยวส่วนหนึ่งดันทะลึ่งสวบเข้าปากจ้าวอวิ๋นหยางไปหน่อยนึงด้วย กรี๊ดดดด!! “อา...” คนตัวเล็กเลิ่กลั่กค่อย ๆ ทรุดตัวนั่งพับเพียบเรียบร้อยอย่าเงียบเชียบ ไม่กล้าสบสายตาอาฆาตที่มองมายังนางด้วยซ้ำ!! มือเล็กขยับกุมเข้าหากันใช้นิ้วเกี่ยวเล่นไปมาเพราะกังวลพลางกล่าวเสียงอ่อน “ขออภัยเพคะอวิ๋นอ๋อง” จ้าวอวิ๋นหยางรีบเช็ดเศษในปากออก มันคล้ายเศษผงขี้เถ้าบางอย่างมีทั้งกลิ่นดินและกลิ่นไหม้รวมถึงรสชาติสากขมที่ปลายลิ้น.. “นี่คืออะไร” “....” “ข้าถามว่ามันคืออะไร!” เขาถามซ้ำเพราะปกติพิษที่มีรสชาติชัดเจนมักเป็นพิษที่ใช้ในส่วนของกองทัพหรือการสอดแนมเท่านั้น อาจมีบางชนิดที่นำไปผสมอาหารได้แต่พิษชนิดเหล่านั้นสะกัดยากกว่ามากทำให้ไม่มีกลิ่นและรส เขาจึงสงสัยนักว่านางไปนำสิ่งนี้มาจากที่ใด.. หรือจากสกุลเฟิ่งของนาง ด้านเฟิ่งเซียนฮวาเหงื่อแตกพลั่ก ๆ ยิ่งเห็นจ้าวอวิ๋นหยางกลั้วปากไปมายิ่งอยากมุดแทรกแผ่นดินหนี จะบอกไม่ได้เด็ดขาดว่านั่นเศษผงหัวพ่อใครก็ไม่รู้!! “พระองค์คิดเยอะไปแล้ว นั่นอาจเป็นเศษผงที่ถูกปาเมื่อสักครู่ก็ได้นี่เพคะ!!” จ้าวอวิ๋นหยางส่ายหน้าทั้งยังเสียงเหี้ยมเกรียมขึ้นเรื่อย ๆ “ไม่ถูกต้อง มันแตกต่างกันอย่างไรข้าดูออก!! ผู้ใดให้สิ่งนี้แก่เจ้า ใต้เท้าเฟิ่งใช่หรือไม่!!” น้ำเสียงเริ่มตะคอกดุดันน่าหวาดกลัวทำเอาไหล่บางสะดุ้งโหย่ง อีกทั้งยังพาดพิงถึงผู้เป็นบิดาสุดท้ายเฟิงเซียนฮวาจึงไม่มีทางเลือก นางแอบช้อนมองตาเขาและยังเห็นว่าดวงตาคู่นั้นจ้องมานางเขม็ง หญิงสาวหลบสายตาชั่งใจครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจพูด “หากหม่อมฉันบอกความจริงแล้ว รับปากนะเพคะว่าจะไม่โกรธ” ฟันขาวกัดลงบนริมฝีปากแน่น “..โทษของเจ้าอาจจะน้อยกว่าบิดาของเจ้าเล็กน้อย แต่อย่างไรผิดย่อมเป็นไปตามผิด ข้าช่วยเหลือเจ้าในเรื่องนี้มากไม่ได้” “....คือว่า” ในขณะที่จ้าวอวิ๋นหยางตั้งใจฟังคำตอบนาง หญิงสาวได้เว้นจังหวะหายใจไว้ครู่หนึ่งก่อนพูดประโยคถัดมาชัดถ้อยชัดคำ และสิ่งนั้นมันเกือบทำให้ผู้เป็นแม่ทัพหงายหลังล้มตึง “ห..หม่อมฉันเผลอเข้าไปในสุสานด้านหลังโดยบังเอิญ ในตอนที่เข้าไปนั้นอยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงหักบางอย่างใต้เท้าเพคะ” “....” เฟิ่งเซียนฮวาเหลือบมองจ้าวอวิ๋นหยางและพบว่าเขานั้นนิ่งไปราวกับไร้วิญญาณไปแล้ว! อ้ากกก! แต่นางก็พูดต่อ “ม..มันคือเศษกระดูกหัวพ่อแม่ใครก็ไม่รู้เพคะ ถ..ถ้าหากพระองค์ยืนยันอย่างมั่นใจว่านั่นไม่ใช่ผงพิษจากลั่วเสวี่ยน นั่นมันก็.. อาจจะเป็นเศษผงกระดูกที่ติดเท้าหม่อมฉันมากระมังเพคะ” “....” ตอนนี้นางเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าพ่อพระเอกตอนนี้ยังหายใจอยู่หรือไม่ ! ใบหน้าบุรุษเหม่อลอยราวกับไร้ซึ่งวิญญาณ เฟิ่งเซียนฮวาร้องไห้ในใจโบกมือเล็กกวาดหน้าจ้าวอวิ๋นหยางไปหนึ่งรอบ แต่อีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบไม่ไหวติง นางจึงรีบกล่าวเสริมเพื่อให้เขาสบายใจ “ท..ที่จริงอาจจะเป็นเศษฝุ่นในอารามก็ได้นะเพคะ หม่อมฉันวิ่งมาตั้งไกลป่านนี้เศษกระดูกพวกนั้นอาจจะหล่นไปตามทางแล้วก็ได้ พระองค์.. เสด็จพี่.. จ้าวอวิ๋นหยาง!!” เหมือนเห็นว่าอีกคนวิญญาณออกจากร่างไปแล้วแน่ อีกทั้งดวงตายังคล้ายจะหลับอีกด้วย ร่างเล็กจึงเขยิบเถิบไปด้านหน้าตะโกนเรียกเขาเสียงดังให้วิญญาณกลับมาก่อน! “จ้าวอวิ๋นหยาง ท่านหลับหรือ!!!” “อึก! จ..เจ้า!!!” เฟิ่งเซียนฮวาเห็นแล้วว่าเขาหลับกลางอากาศไปแล้ว นางกำลังจะกล่าวเรียกเขาอีกรอบ แต่แล้วดวงตาคู่คมกลับลืมตาพรึบขึ้นมาทำเอานางสะดุ้ง!! ร่างสูงมีสีหน้าดำคล้ำไม่พูดไม่จาและเดินออกไป ถึงจะเดินเสซ้ายขวาไปบ้างก็ยังคงเดินไม่ล้ม สลบเมือดไปเลย.. ฉับพลันร่างหนาก็กระตุกผุดลุกขึ้นเรียกเสียงกรี๊ดจากเฟิ่งเซียนฮวา “กรี๊ดดด ตกใจ!!” จ้าวอวิ๋นหยางลืมตาขึ้นมาได้ก็ยืนขึ้นเต็มความสูงพลางสะบัดศีรษะ เมื่อสักครู่เหมือนเขาจะวูบหลับไปครู่หนึ่ง ซึ่งมันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เขาน่าจะมีเรื่องให้ทำเยอะเกินไปจนไม่มีเวลาได้พักผ่อน ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆ.. เมื่อหาคำตอบให้กับตัวเองได้แล้ว ก็รีบเดินหันหลังจากไป โดยไม่ลืมออกคำสั่งกับเยี่ยนจิ้นหวงที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว “พาตัวนางและมันไปขังเอาไว้ ข้าเสร็จธุระเมื่อใดจะกลับมาชำระความกับพวกเจ้า!!” “ด..เดี๋ยวก่อนสิ หม่อมฉันทำอะไรผิดเล่าเพคะ!!” นางตะโกนไล่หลังแต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อร่างสูงสง่าในอาภรณ์สีดำนั้นได้ใช้วิชาตัวเบาเร้นกายหายไปอย่างรวดเร็วไปเป็นที่เรียบร้อย ทำให้ผู้ตกเป็นจำเลยทั้งที่ยังไม่ทำอะไรได้แต่นั่งจ๋อยรอให้เยี่ยนจิ้นหวงและองครักษ์คนอื่น ๆ แบกลั่วเสวี่ยนที่ยังไม่ได้สติออกไป เหล่าองครักษ์ที่เข้ามาต่างพามองไปที่ร่างลั่วเสวี่ยนด้วยความฉงนปนขยะแขยง เมื่อยามนี้ชุดกระโปรงสีเขียวก็ยังคงติดแนบแน่นไปกับร่างกายกำยำหนาปึกของบุรุษ ด้านเฟิ่งเซียนฮวาเมื่อย้อนกลับมาคิดถึงเรื่องราวเมื่อสักครู่ได้ก็หลุดขำออกมาทั้งอย่างนั้น เพราะตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเข้าใจคำนี้ เกือบหลับแต่กลับมาได้... ก็วันนี้นี่เอง..
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD