8

1273 Words
“แหม...งานน้อยจังเลยนะคะแต่มิวบ่ยั้นอยู่แล้วค่ะ งานหนักแค่ไหนทำได้เสมอ ว่าแต่ว่าจ้างคนรับใช้ไว้ทำไมล่ะคะ หรือว่าเลี้ยงเอาไว้บูชา เพราะงานแต่ละอย่างที่คุณแม่สามีพูดมา คนรับใช้ไม่ต้องทำอะไรเลยนะคะ อย่างนี้ไล่ออกไปให้หมดเลยค่ะ เพราะมิวจะทำเองคนเดียวหมดตั้งแต่ขัดหลังคายันถางหญ้าเลยค่ะ” สาวใช้ต่างวัยนั่งอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำพูดของประภาพรรณ เช่นเดียวกับปทุมวดีที่หุบยิ้มทันควันหลังจากได้ยินคำย้อนของลูกสะใภ้ มีหรือที่ปทุมวดีจะยอมแพ้ “คนรับใช้พวกนี้ฉันเอาไว้ประดับบารมีย่ะ ไม่ต้องพูดมากไปซักผ้า เสื้อผ้ากะละมัง น้ำยาซักผ้าฉันให้แต้วเตรียมไว้ให้แล้วย่ะ ไปเลยไปซักผ้าที่หลังบ้าน” ปทุมวดีให้แต้วจัดเตรียมทุกอย่างไว้ที่หลังบ้าน รอประภาพรรณทานข้าวเสร็จเท่านั้น นางจึงจะเริ่มแผนการจัดการลูกสะใภ้ “เครื่องซักผ้าไม่มีเหรอคะคุณแม่ ถึงได้ต้องซักมือ” เธอถามเมื่อรู้ว่าต้องซักผ้าด้วยมือ แทนที่จะเป็นเครื่องซักผ้า “เครื่องซักผ้าเสียย่ะ ก็เลยต้องซักมือแทน ทำไม ซักไม่ได้หรือไง?” “ได้ค่ะ ไม่มีปัญหาแค่ซักผ้า เรื่องจิ๊บๆ” ประภาพรรณพูดด้วยรอยยิ้ม หมุนตัวเดินไปยังหลังบ้านจุดที่มีไว้สำหรับซักผ้า “ถ้าแกเห็นเสื้อผ้าจะร้องว่าจิ๊บๆ ไม่ออก” ปทุมวดีพูดเบาๆ ไล่หลังลูกสะใภ้ “คุณหญิงคะ เราไปดูหน้ามันตอนที่ซักผ้ากองโตดีกว่าคะ” แต้วกล่าวชวน “ไปสิ ต้องไปอยู่แล้ว” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืน ก้าวฉับๆ ตามประภาพรรณไป โดยมีสาวใช่ต่างวัยสองคนเดินตามไปติดๆ ตามไปดูผลงานชิ้นแรก “โอ้โห...ขนมาให้ซักทั้งบ้านเลยหรือนี่” ประภาพรรณอุทานเมื่อเห็นเสื้อผ้าที่อัดอยู่ในตะกร้าผ้าใบใหญ่สามใบ เธอรู้ในทันทีว่าปทุมวดีหาเรื่องกลั่นแกล้ง และยิ่งรู้ว่าทั้งสามแอบมองดูอยู่ สาวแสบยิ้มกริ่มงานนี้สนุกแน่ ว่าแล้วก็เปิดน้ำใส่กะละมังใบใหญ่พอน้ำเกือบเต็มเธอก็เทเสื้อผ้าลงไปในน้ำโดยที่ไม่คัดแยกผ้าสีผ้าขาว ทำเอาคนที่แอบมองอยู่ถึงกับแหวออกมา “บ้านหล่อนซักผ้ากันแบบนี้เหรอ ทำไมไม่แยกผ้าสีผ้าขาว” ปทุมวดีเดินแกมวิ่งออกมาจากมุมประตู ใช้พัดชี้ไปยังกะละมังที่มีเสื้อผ้าอยู่เต็ม “บ้านมิวซักแบบนี้ค่ะ” ประภาพรรณตอบอย่างใสซื่อ “ซักแบบนี้” ปทุมวดีขึ้นเสียงสูง “ซักแบบไม่แยกผ้าสีผ้าขาวเนี่ยนะ?” “ใช่ค่ะ ก็บ้านมิวไม่มีใครใส่เสื้อผ้าสีขาว เพราะมันเปรอะง่ายใส่แต่ผ้าสี ซักผ้าแต่ละครั้งจึงไม่ต้องแยกซัก เปิดน้ำใส่กะละมัง ใส่แฟ๊บแล้วก็ตีให้มีฟองเยอะๆ แล้วค่อยใส่ผ้าที่จะซักลงในกะละมัง ขยี้ แปลงผ้า ซักน้ำสองน้ำ บิดแล้วก็ตากง่ายๆ แค่นี้แหละคะคุณแม่ขา” ประภาพรรณตอบสีหน้าร้ายเดียงสา “แต่บ้านนี้ซักผ้าแบบที่หล่อนเคยซักไม่ได้ จะต้องแยกผ้าสีผ้าขาว แล้วบ้านนี้ไม่ใช่ผงซักฟอกย่ะ ใช้น้ำยาซักผ้า ทำได้มั้ย ทำไม่ได้ลาออกไปจากการเป็นสะใภ้บ้านนี้ได้เลย เข้าใจที่ฉันพูดหรือเปล่า” ปทุมวดีชี้หน้าสั่งสอน “เข้าใจค่ะ แต่ทำไม่เป็น คุณแม่ช่วยสาธิตให้มิวดูหน่อยได้มั้ยคะ มิวจะได้รู้ว่าซักผ้าบ้านนี้มันเป็นยังไง?” “หล่อนนี่ไม่ได้เรื่องเลย แค่ซักผ้ายังซักไม่เป็นแล้วจะไปทำอะไรกินยะ” ปทุมวดีบ่นอุบ มองประภาพรรณด้วยความไม่ชอบใจ ไม่มีความเป็นกุลสตรีเอาเสียเลย ซักผ้าเรื่องง่ายๆ แค่นี้ก็ทำไม่เป็น “ซักเป็นค่ะ แต่ซักแบบบ้านนี้ไม่เป็น ก็อย่างที่บอกคุณแม่ไป บ้านมิวไม่ได้ซักอย่างนี้นี่คะ ถ้าอยากให้มิวซักผ้าให้คุณแม่ทุกวัน คุณแม่ก็ต้องสาธิตให้มิวดูก่อน มิวจะได้ทำถูกไม่ทำให้เสื้อผ้าเสียเพราะสีตกใส่” “ก็ได้ย่ะ ฉันจะให้ม้วนกับแต้วสาธิตให้หล่อนดู พรุ่งนี้และวันต่อๆ ไปหล่อนจะได้ซักผ้าเป็นและซักผ้าอย่างถูกวิธี” ปทุมวดีพูดใส่หน้าลูกสะใภ้ ก่อนจะหันไปสั่งงานสาวใช้ต่างวัย “ม้วนกับแต้วไปซักผ้าให้มิวดูสิ” “ไม่ได้นะคะ คุณแม่จะให้ป้าม้วนกับแต้วสาธิตให้มิวดูไม่ได้ ต้องให้คุณแม่สาธิตให้ดูเองค่ะ” ประภาพรรณร้องห้ามทันควัน “ทำไมฉันต้องลงมือสาธิตให้หล่อนดูด้วยตัวเองย่ะ ให้ม้วนกับแต้วทำให้ดูก็ได้” “จริงค่ะให้ป้าม้วนกับแต้วทำก็ได้ เพราะมันเป็นหน้าที่พวกนี้ก็เป็นหน้าที่ของป้าม้วนกับแต้วและคนรับใช้คนอื่นๆ ที่จะต้องทำ ไม่ต้องถึงมือมิวก็ได้เหมือนกันไม่ใช่หรือคะ แต่ที่คุณแม่ให้มิวทำก็เพราะอยากจะแกล้งมิวมากกว่า” ประภาพรรณพูดอย่างรู้เท่าทัน ปทุมวดีหน้าเสียเล็กน้อยแต่ไม่ยอมแพ้ “จริงอยู่ให้คนรับใช้ที่นี่ทำก็ได้ แต่ที่ฉันให้หล่อนทำไม่ใช่เพราะว่าอยากจะแกล้งหล่อนนะยะ ฉันเป็นคนเชื้อสายมอญ แล้วคนมอญตระกูลของฉันสั่งสอนให้ลูกหลานที่เป็นผู้หญิง หัดทำงานบ้านงานเรือนให้คล่องแคล่วไปเป็นลูกสะใภ้บ้านใครเขาจะได้ไม่ต่อว่าเอาได้ว่า เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ฉันเลยให้หล่อนแสดงความเป็นกุลสตรีที่อยู่ในตัวออกมาให้ฉันดูยังไงล่ะยะ” ปทุมวดีพูดจีบปากจีบคอ “อย่างนั้นคุณแม่ก็ต้องยิ่งต้องทำให้มิวดูค่ะ เพราะมิวอยากเห็นความเป็นกุลสตรีของคุณแม่จากการอบรมสั่งสอนมาดีทุกกระเบียดนิ้ว อยากรู้ว่ามันเป็นยังไง เลยอยากเห็นมากๆ เลยค่ะ อีกอย่างถ้าคุณแม่ทำให้มิวดูมิวจะถือว่าคุณแม่ไม่ได้แกล้งมิวจริงๆ” “ก็ได้ ฉันจะเป็นคนซักผ้าให้หล่อนดูเอง เดี๋ยวจะหาว่าฉันแกล้ง” ปทุมวดีหลงกลประภาพรรณจนได้ นางวางพัดลงบนเครื่องซักผ้าที่อ้างว่าเสีย แล้วมาทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็ก จัดการลงมือซักให้ลูกสะใภ้ดู “หล่อนต้องแยกผ้าสีออกก่อน พอแยกเสร็จแล้วค่อยซักผ้าขาวก่อน จากนั้นค่อยซักผ้าสีตามไป เปลี่ยนจากใช้แฟ๊บมาเป็นน้ำยาซักผ้าที่ถนอมผ้าได้มากกว่า ต่อจากนั้นก็นำมาซักน้ำเปล่าสองครั้ง ครั้งที่หนึ่งเป็นน้ำเปล่าธรรมดา ส่วนครั้งที่สองให้เทน้ำยาปรับผ้านุ่มลงไป เสื้อผ้าจะได้ฟูไม่หยาบกระด้าง เวลาใส่ไม่ลีบติดตัวด้วย อีกทั้งยังมีกลิ่นหอม ที่ฉันพูดมาหล่อนเข้าใจหรือเปล่า ถ้าเข้าใจก็จำเอาไว้ด้วยว่าเขาซักกันยังไง?” ปทุมวดีบอกวิธีซักผ้าด้วยมืออย่างถูกต้องให้ลูกสะใภ้ที่ยืนพิงเครื่องซักผ้าได้รับฟัง ประภาพรรณมองดูแม่สามีแยกผ้าสีผ้าขาวออกจากกัน และเริ่มลงมือซักผ้าตามขั้นตอนที่นางบอกเมื่อครู่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD