เสื้อผ้าของเธอถูกกระชากอย่างแรงด้วยมือหนาของสามีที่ถูกความหึงหวงเข้าครอบงำ ประภาพรรณไม่ยอมให้เขาทำร้ายเธอง่ายๆ ทั้งทุบทั้งตีและหยิกไปตามร่างกายของเขาไม่ยั้ง แต่ความเจ็บกายที่เขาได้รับ มันน้อยกว่าเจ็บที่หัวใจ
“ปล่อยมิวนะนายพัน ปล่อยมิว นายพันกำลังเข้าใจมิวผิดนะ นายพันฟังมิวก่อน”
เธอพยายามร้องบอกเขา ทว่าพันกรหน้ามืดตาลายจนไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งสิ้น เมื่อกระชากเสื้อผ้าท่อนบนของเธอหมดทุกชิ้นแล้ว เขาจึงใช้มือใหญ่รวบข้อมือเล็กเอาไว้ ใช้มืออีกข้างหยิบกุญแจมือขึ้นมาหนึ่งอัน แล้วคล้องติดกับข้อมือทางด้านซ้ายของประภาพรรณอีกด้านคล้องติดกับเสาเตียงอัลลอยด์ ใช้กุญแจมืออีกอันหนึ่งคล้องข้อมือเล็กทางด้านขวาทำลักษณะเดียวกันกับข้างซ้าย นั่นเท่ากับว่าตอนนี้ประภาพรรณอยู่ในท่าถูกขึงพืด
“คราวนี้เธอได้สำลักความสุขแน่ๆ ฉันจะทำให้เธอลืมชู้ของเธอเลย”
น้ำเสียงเข้มเอ่ยขึ้นอีกครั้ง แล้วลงมือจัดการกับกางเกงของเธอเป็นลำดับต่อไป ด้วยการยกตัวขึ้นมาเล็กน้อย ปลดตะขอกางเกงของเธอ รูดซิปลงจนสุด เลื่อนตัวลงมาด้านข้างเพื่อจัดการถอดมันออก ทว่าสาวแสบอย่างประภาพรรณไม่ยอมง่ายๆ ตวัดปลายขาแตะไปยังร่างของสามีเต็มรัก กระทบกับอกกว้างของเขาดังผลัก พันกรจึงใช้ขาข้างหนึ่งกดเรียวขาสวยเอาไว้ แล้วจัดการถอดกางเกงยีนส์พร้อมชั้นในสาวให้หลุดออกจากร่างอย่างทุลักทุเล
“นายพันอย่าทำมิวแบบนี้นะ ปล่อยมิวเดี๋ยวนี้ ฟังมิวอธิบายก่อน เรื่องมันเป็นแบ...”
น้ำเสียงของเธอขาดหายทันทีที่เขาใช้ผ้าพันคอลายสวยที่ตั้งใจซื้อมาฝากเธอ ปิดทับปากสวยแล้วผูกปลายไว้ด้านหลังศีรษะของภรรยา ปิดเสียงร้องเสียงค้าน เสียงอธิบายลงโดยพลัน
“ต่อไปนี้อย่าหวังว่าจะได้เจอกับมัน เธอจะต้องถูกขังลืมไว้ที่นี่ ฉันจะไม่ให้เธอออกไปจากห้องนี้ ถ้าฉันฆ่าชู้ของเธอได้เมื่อไหร่ ฉันจะถ่ายรูปศพมันให้ดูต่างหน้า”
พันกรพูดเสียงจริงจัง ขยับตัวลุกขึ้นไปยืนอยู่ริมเตียง จัดการถอดเสื้อผ้าของตนเองอย่างไม่รีบร้อน มองดูรอยจ้ำตรงคอตาไม่กระพริบ ยิ่งมองแรงโทสะและความหึงยิ่งโหมกระหน่ำ