ท่านอ๋องน้อยประสงค์จะทรงม้า2.1

1273 Words
สอง ท่านอ๋องน้อยประสงค์จะทรงม้า ดวงสุริยันสาดแสงอบอุ่นยามเช้าตรู่ มาพร้อมกับเสียงร้องขันของไก่นอกกำแพงวัง ปลุกให้ชายหนุ่มร่างกำยำตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล ตงซือลุกขึ้นจากเตียงตามความเคยชิน วักน้ำเย็นจัดที่ตักใส่ถังรอไว้ตั้งแต่เมื่อวานขึ้นล้างหน้า ครั้นรู้สึกสดชื่นก็ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบมุ่งหน้าไปยังคอกม้าซึ่งเป็นกิจวัติประจำวันของตน ตลอดสองข้างทางไม่มีผู้คนสวนผ่าน เนื่องจากเรือนนอนข้างเขาอยู่ทิศใต้สุดของวังพิชิตบูรพา ทว่าหลายปีมานี้มักจะมีนางกำนัลอ้วนกลมคนหนึ่งรอคอยมาพบหน้าเขาทุกเช้าหรือทุกครั้งที่มีโอกาส ...หากนับตั้งแต่เขาสลัดรักพร้อมกับเรียกนางว่า ‘อ้วนอัปลักษณ์’ ไปเมื่อครั้งก่อน ตลอดแปดวันที่ผ่านมานี้ซุนมี่มี่ก็มิได้แวะเวียนมากวนใจเขาอีก มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ในเมื่อเขาเองก็อับอายที่ต้องมาถูกสหายหยอกล้อว่าคบหาดูใจอยู่กับแม่หมู แรกๆ เขาก็ทนได้อยู่หรอก แต่นานๆ เข้าก็ทนไม่ไหว เขาเกิดมาฐานะต่ำต้อย หน้าตาก็ธรรมดา เพียงแค่มีสตรีคนหนึ่งมาชอบพอก็ทำให้เขารู้สึกเป็นคนสำคัญและมีความสุขมาก ซุนมี่มี่เอง... นอกจากตัวอ้วนกลมแล้วก็ค่อนข้างอ่อนโยนและหัวอ่อน มักจะคอยไล่ตามและเอาใจเขาอยู่เสมอ เมื่ออยู่กับคนอื่นเขาอาจไร้ค่า แต่พออยู่กับนางแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าขึ้นมา แต่หลังจากนี้... คงไม่มีอีกแล้วสินะ “ตงซือ” ตงซือได้ยินเสียงสตรีเรียกขานจากด้านหลังก็ดีใจรีบหันกลับไป แต่เมื่อพบว่าผู้มาใหม่คือนางกำนัลนามลี่ฮวา ก็รีบปรับเปลี่ยนสีหน้าให้เรียบเฉยอย่างรวดเร็ว “แม่นางลี่” ลี่ฮวามีอายุพอๆ กับซุนมี่มี่ รูปร่างเล็กและผอมแห้ง อายุน้อยกว่าตงซือสองปี แต่ก็มักจะแสดงสีหน้าไม่ชอบใจเขาอยู่เป็นนิจ “ท่านอ๋องน้อยมีรับสั่ง ต้นยามเซิน[1] มีพระประสงค์จะทรงม้าชมรอบเมือง” “รับทราบแล้ว” แววตาของผู้ฟังวูบไหวเล็กน้อย เดิมทีเขาคิดว่าอีกฝ่ายจะมาต่อว่าเขาเรื่องที่สลัดรักซุนมี่มี่เสียอีก “ขอบคุณแม่นางลี่ที่สละเวลามาบอกข้าด้วยตนเอง” ต่อให้นางกำนัลคือสาวใช้ ทว่าตำแหน่งของนางก็สูงกว่าคนเลี้ยงม้าเยี่ยงเขา การแสดงท่าทีอ่อนน้อมและเกรงใจจึงเป็นเรื่องที่พึงกระทำ ลี่ฮวามองสีหน้าเอื่อยเฉื่อยของเขาก็ยิ่งอารมณ์ไม่ดี นางเป็นสหายคนสนิทของซุนมี่มี่จึงทราบเรื่องราวทั้งหมดมาโดยตลอด บุรุษไร้ค่าเยี่ยงนี้มิคู่ควรกับความรักที่ผ่านมาของซุนมี่มี่แม้แต่น้อย! “อ้อ!” นางส่งเสียงดังแสร้งทำเป็นว่าเพิ่งนึกเรื่องสำคัญบางอย่างขึ้นมาได้ “นอกจากนี้จะมีนางกำนัลผู้ติดตามไปด้วยหนึ่งคน” ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของลี่ฮวาแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังจิกกัดเขาอย่างเต็มที่ ตงซือสังหรณ์ใจแปลกๆ จึงรีบเอ่ยปากถาม “ผู้ใด?” ลี่ฮวายกมือกอดอกพลางเชิดหน้าขึ้น“ก็มี่เอ๋อร์อย่างไรเล่า” ปกติซุนมี่มี่เคยมีโอกาสได้ติดตามเสด็จท่านอ๋องน้อยเสียที่ไหนกัน หรือว่านางจะถูกท่านอ๋องน้อยลงโทษให้วิ่งตามอาชา? “มี่... แม่นางซุนเป็นเช่นไรบ้าง” ผู้เป็นสหายของคนที่เขาถามถึงจิกตามองจนแทบจะใช้สายตาเขาะทะลุเขาเป็นรูอยู่รอมร่อ “ก็สบายดี เจ้าถามถึงนางทำไม เป็นห่วงรึ?” “ข้า...ข้าเปล่า” เขาตอบเสียงแผ่ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความอับอายและสำนึกผิดปะปนกันจนแทบแยกไม่ออก “ดีแล้ว เจ้าไม่ควรเป็นห่วงนาง” ลี่ฮวายกมือขึ้นมาปิดปากพลางหัวเราะรวน “เวลานี้มี่เอ๋อร์กลายเป็นนางกำนัลคนโปรดของท่านอ๋องน้อยไปแล้ว ดังนั้นเจ้าไม่ควรจะหาเรื่องทำให้ตนเองอายุสั้นหรอกจริงไหม” ตงซือนิ่งค้างประหนึ่งเสาหินนผุพังใกล้ล้ม เมื่อครู่นี้เขาฟังผิดไปหรือไม่ “ไม่จริงน่า...” หรือว่าแท้จริงแล้วท่านอ๋องน้อยจะทรงเบื่อหญิงงามมาทอดพระเนตรสตรีตัวอ้วนแทนกันแน่ “จะเชื่อหรือไม่ เจ้าก็รอดูเอาเองก็แล้วกัน” นางกำนัลในชุดสีชมพูอ่อนแขวนป้ายไม้สีเงินคาดด้วยหมึกดำสองขีดแสดงถึงสังกัดตำหนักอิงหย่งก็หมุนกายเดินจากไปอย่างเริงร่า เมื่อครู่นี้สีหน้าตกตะลึงของเจ้าคนเลี้ยงม้ามันทำให้นางสะใจยิ่งนัก เจ้าคนแซ่ตงตาถั่วไม่รู้จักคุณค่าของมี่เอ๋อร์... คอยดูเถิด หากเขาได้เห็นมี่เอ๋อร์ในรูปโฉมที่เปลี่ยนไปคงได้กระอักเลือดตายเพราะความเสียดาย! เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าตำหนักกวงหรงซึ่งเป็นตำหนักของท่านอ๋องเยว่และพระชายาตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ส่วนตำหนักอิงหย่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกห่างไกลจากกันพอสมควรเนื่องจากเจ้าของตำหนักโปรดปรานความเป็นส่วนตัว ตำหนักซึ่งเป็นที่ประทับของท่านอ๋องน้อยแบ่งออกเป็นห้าส่วน ด้านหลังตำหนักเป็นลานฝึกยุทธ์ ส่วนด้านในมีห้องโถงใหญ่สำหรับรับแขก ห้องเสวย ห้องบรรทมและห้องอักษร สถานที่แห่งนี้ซุนมี่มี่เข้านอกออกในตั้งแต่จำความได้ นางรู้ทุกซอกทุกมุมแม้แต่ตำแหน่งรอยข่วนบนเสาทุกต้น แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า... นางจะคุ้นเคยกับผู้เป็นเจ้าของตำหนักแห่งนี้ถึงขั้นแค่มองหน้าก็รู้ใจ หลังจากหญิงสาวฟื้นคืนสติในเรือนของตนเอง ก็เผลอคิดไปว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดอาจเป็นเพียงความฝัน แต่เมื่อถูกลี่ฮวาสวดเข้าหนึ่งชุดเรื่องที่ปล่อยให้คนร้ายบุกเข้ามาในเรือนนอนจนถูกท่านอ๋องน้อยเข้าพระทัยผิดจนจับติดคุกแล้ว นางก็เข้าใจในทันทีว่าเรื่องทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นจริง เมื่อกลับมากินข้าวกินน้ำจนร่างกายกลับมาแข็งแรงดังเดิม นางก็เอื้อมมือขึ้นไปหยิบคันฉ่องส่องใบหน้าที่ผอมซูบของตนเองอย่างตกใจ ร่างกายนี้ราวกับว่ามันไม่ใช่ตัวนางอย่างไรอย่างนั้น ลี่ฮวามุ่งหน้าไปยังตำหนักอิงหย่งตั้งแต่เช้า ต่อมาไม่นานนางเองก็ถูกนางกำนัลคนอื่นมาเรียกโดยอ้างว่าเป็นพระประสงค์ของท่านอ๋องน้อย “ท่านอ๋องน้อย น้ำชาเพคะ” ร่างในชุดสีชมพูอ่อนสาวเท้าเข้ามาภายในห้องอักษรอย่างระมัดระวัง มือที่ผอมเรียวกว่าเดิมประคับประคองถาดน้ำชาอย่างระมัดระวัง ร่างที่ผอมลงส่งผลให้รู้สึกว่าสามารถขยับกายเคลื่อนไหวได้รวดเร็วกว่าเมื่อก่อน แต่ในขณะเดียวกันนางก็ยังรู้สึกแปลกๆ หวิวๆ เป็นบางครั้งกับการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วโดยมิทันได้ตั้งตัว “อืม” เยว่หมิงขานรับสั้นๆ หนหนึ่งโดยไม่แม้แต่จะเปรยสายตามามองนาง ซุนมี่มี่วางถาดน้ำชาบนโต๊ะกลมกลางห้องเสร็จก็ถอยกายเตรียมจะเดินออกจากห้องอักษร “จะไปไหน” เสียงทุ้มเข้มรั้งมาจากด้านหลัง ซุนมี่มี่ที่แทบสะดุดล้มรีบหมุนกายกลับไปพร้อมกับค้อมศีรษะลงต่ำ “ออกไปเฝ้าด้านนอกเพคะ” [1]ยามเซิน คือเวลาประมาณ 15.00 – 16.59 น.
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD