จับรักพยัคฆา ๑

1616 Words
“ลงทะแมะคุณหนู รอหยัง” (ลงสิคุณหนู รออะไร) กล้าเอ่ยปากเมื่อเห็นว่าเขาจอดจักรยานนานแล้วแต่ขนมไม่ยอมลงรถเสียที “ฮอดแล้วบ่ คือจั่งใกล้แท้ล่ะมื้อนี่ สิบ่ทับเส้นบักปาล์มอีกบ่?” (ถึงแล้วเหรอ ทำไมใกล้จังล่ะวันนี้ จะไม่ทับเส้นไอ้ปาล์มเหรอ) ขนมถามเมื่อเห็นว่าวันนี้กล้าพามาหาอึ่งใกล้กว่าทุกวัน ปกติในหมู่บ้านจะมีขาโจ๋ชื่อ ปาล์ม ที่ชอบคอยหาเรื่องหากมีใครหากินในอาณาเขตที่มันชอบหาแม้จะไม่ใช่ที่ดินตัวเองก็ตาม “บ่ทับดอก แม่มันบ่สบาย นอนโรง’บาลได้สามวันแล้ว” (ไม่ทับหรอก แม่มันไม่สบาย นอนโรง’บาลได้สามวันแล้ว) “ออ” ขนมพยักหน้าตอบ แล้วก้าวขาลงจากจักรยาน ในมือถือข้องใส่อึ่ง สวิงตักปลา พร้อมทั้งไฟส่องกบบนหน้าผาก “ไปห้วยแถวไร่ข้าวโพดดีกว่าวันนี้” “มันหลายติ” “กะสิหลายดั้วะ บักปาล์มมันไปหาแต่นั่นทุกเที่ย” (ก็จะมากแหละ ไอ้ปาล์มมันไปหาที่นั่นทุกครั้ง) พูดจบก็เดินนำหน้า ขนมเดินตามไปติดๆ ทางไปลำห้วยค่อนข้างลื่นแฉะเต็มไปด้วยแอ่งน้ำน้อยใหญ่ขนมใส่รองเท้าบูทป้องกันอย่างดี ฝนยังคงตกปรอยๆ ท้องฟ้ามืดครึ้มเพราะเป็นเวลาราวๆ สองทุ่มแล้ว “ถึงแล้ว ลุยโลดบาดหนิ” (ถึงแล้วลุยเลยทีนี้) กล้าหยุดเดินส่องไฟส่งสัญญาณให้ขนมที่กำลังเดินตามดูอึ่งที่กำลังร้องระงมในลำห้วย “ป้าดดดด หลายคั้ก สมพอบักปาล์มมันขี้หวงบ่ให้ไผมาหากินทับเส้นมันละแม้” (โห เยอะมาก ถึงว่าไอ้ปาล์มมันหวงไม่ให้ใครหากินทับเส้นมัน) ขนมมองลงไปยังลำห้วยสายเล็กๆ เริ่มทำการเอาสวิงขึ้นมาตักด้วยตาลุกวาว วันนี้รวยแล้ว หลังจากหาอึ่งไปเกือบชั่วโมง ได้จนเกือบเต็มข้องใหญ่ ขนมก็วางมือจากการหา เธอรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวบางอย่าง มือที่ถือไฟส่องไปมองไปข้างๆ ที่มืดสนิทนั่นคือป่าข้าวโพดของคนในหมู่บ้าน “ชะ.ช่วยหน่อย” เสียงเบาหวิวเอ่ยพาดผ่านสายลม ขนมได้ยินแต่ไม่แน่ใจนักพยายามตั้งใจเงี่ยหูฟังอีกครั้งแต่กลับว่างเปล่า “กล้าๆ มึงได้ยินคือกูบ่?” (กล้าๆ มึงได้ยินเหมือนกูไหม?) “เสียงอึ่งติ?” (เสียงอึ่งเหรอ?) “บ่ เสียงคน” (ไม่ เสียงคน) “ห่วย คือว่าจั่งซั่นล่ะคุณหนู เสียงคนหยังสิอยู่นี่” (เอ้ะ ทำไมพูดแบบนั้นเสียงล่ะคุณหนู เสียงคนอะไรจะอยู่นี่) กล้าเดินเข้ามาใกล้ๆ ขนม มองซ้ายมองขวาขนลุกซู่ “เอ้า กูได้ยินอีหลี” (เอ้า กูได้ยินจริงๆ) “ชะ.ช่วยที ใครอยู่ตรงนั้น”เสียงทุ้มหนักขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ราวกับกำลังหมดเรี่ยวแรงซึ่งพยายามอย่างมากในการเค้นเสียงสู้กับเสียงสัตว์นานาชนิดที่ร้องระงม “เฮ้ยยย!” ทั้งสองได้ยินเบิกตากว้างมองหน้ากัน “มึงว่าแม่นคนบ่?” (มึงว่าใช่คนไหม?) “คือสิแม่นดอกเสียงชัดปานนี้” (คงจะใช่หรอก เสียงชัดขนาดนี้) “แล้วเฮาสิเฮ็ดจั่งใด๋?” (แล้วเราจะทำยังไง?) “คุณหนูย่างนำหน้าเลยครับ” (คุณหนูเดินนำทางเลยครับ) “เอ้า บักนี่แม้ะ” (เอ้า ไอ้นี่หนิ) ขนมมองกล้าที่เดินไปหลบข้างหลังอย่างขี้ขลาดตาขาว เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อทำใจสู้ แม้ไม่รู้ว่าคนหรือผี แต่ก็ควรจะไปดูเสียหน่อย เกิดเป็นคนหาอึ่งบาดเจ็บจะได้ช่วยไว้ทัน หากเป็นผีเธอวิ่งเก่งอยู่แล้วจะกลัวอะไร ว่าแล้วก็เดินตามทิศของเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่ ทั้งสองหยุดอยู่หน้าไร่ข้าวโพดที่ต้นสูงท่วมหัวเล็กน้อย พยายามส่องไฟเพื่อหาต้นตอ แต่หายังไงก็หาไม่เจอ “อยู่นี่” เสียงเบาหวิวเอ่ยครั้ง ครานี้ทั้งสองส่องไฟไปยังทิศทางเดียวกัน “ผะ...ผี” กล้าร้องเสียงดังกำลังจะวิ่งแต่ขนมดึงแขนไว้ทัน “กล้า มึงตั้งสติดุ้” (กล้า มึงตั้งสติหน่อย) “คะ...คุณหนูเห็นคือผมบ่?” (คุณหนูเห็นเหมือนผมไหม?) “เห็น แต่นั่นมันคน” ขนมตัดสินใจเดินเข้าไปไม่รอช้า ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะบาดเจ็บสาหัส กล้าที่เห็นว่าขนมเดินไปจึงเดินตามไปด้วยอย่างกล้าๆ กลัวๆ “ป้าดดดด สภาพตาย่านคั้ก” (โหวว สภาพน่ากลัวมาก) ทันทีที่เห็นชัดๆ ขนมก็อ้าปากเหวอทันที คนตรงหน้าไม่รู้อายุอานาม สวมใส่ชุดดำล้วนพร้อมแจ็คเกตหนังสีดำสภาพสะบักสะบอมไปทั้งตัว คราบเลือด คราบโคลนเปรอะเปื้อนไปทั้งใบหน้า ปากขาวซีดคงเพราะตัวเปียกจากฝนตกทั้งตัวเขาเลยดูซีดเซียวจนน่ากลัว “แม่นเราไปเฮ็ดหยังมาคือเป็นสภาพนี้ได้ สิบ่แม่นโจร แม่นพวกคนบ่ดีบ่คุณหนูคือจั่งได้เป็นแบบนี้” (เขาไปทำอะไรมาถึงได้เป็นสภาพนี้ จะไม่ใช่โจร ใช่พวกคนไม่ดีเหรอคุณหนูถึงได้เป็นแบบนี้) “โจรน่ะบ่แม่นแท้ๆ เบิ่งจากสภาพการใส่แบรนด์เสื้อผ้า นาฬิกา แต่คนดีหรือคนเลวกะบ่ฮู้” (โจรน่ะไม่ใช่แน่ๆ ดูจากการใส่แบรนด์เสื้อผ้า นาฬิกา ส่วนคนดีหรือคนเลวก็ไม่รู้) ขนมถอนหายใจ คิ้วสวยขมวดครุ่นคิดชั่งน้ำหนัก ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนดีหรือเลว หากเป็นคนเลวเราช่วยเขาไว้เขาคงไม่ทำอะไรเราหรอก หากเป็นคนดีแล้วไม่ช่วยเกิดตายขึ้นมาคงรู้สึกผิดไปทั้งชีวิต เมื่อพิจารณาแล้วก็หันไปสั่งกล้า... “กล้า มึงฟ้าวปั่นจักรยานไปเอารถพ่วงข้างมาไป๊” (กล้า มึงรีบปั่นจักรยานไปเอารถพ่วงข้างมา) “...” กล้าพยักหน้าตอบรับกำลังจะรีบวิ่งกลับไปยังถนนใหญ่ที่จอดจักรยานไว้แต่ขนมเอื้อมแขนไปดึงเขาไว้ก่อน “อย่าพึ่ง มึงดูแลอึ่งดีๆ นำ ไปฮอดบ้านเอาขังใส่โอ่งไว้ก่อน อย่าให้เสียหายเด็ดขาด” (เดี๋ยว มึงดูแลอึ่งดีๆ ด้วย ไปถึงบ้านเอาขังใส่โอ่งไว้ก่อน อย่าให้เสียหายเด็ดขาด) “โอเค” กล้ารับคำสั่งแล้วก็รีบไปทันที “เป็นหยังหลายบ่น้อ” (เป็นอะไรมากไหมคะ) เมื่อสั่งการเสร็จสรรพขนมจึงเดินเข้าไปพยุงเขาขึ้น ดวงตาคมเข้มน่าเกรงขามสบตาเธออย่างโกรธเคืองก่อนจะปิดลงเพราะไร้เรี่ยวแรง “เอ้า สลบไปเสย จิตายบ่น้อแบบหนิ” (อ้าว สลบเฉยเลย จะตายไหมนะแบบนี้) มือเล็กตบแก้มเขาเบาๆ รัวๆ เมื่อเห็นไม่ตื่นเธอจึงเอานิ้วชี้ตรวจลมหายใจที่จมูก “นึกว่าตายแล้ว” เธอพ่นลมหายใจด้วยความโล่ง รอสักพักกล้าก็มาพร้อมกับมอเตอร์ไซต์พ่วงข้างสีน้ำเงิน ก่อนจะขับเลยไปตีโค้งแล้วจอดรับ กล้าลงมาช่วยขนมหอบร่างสูงใหญ่ขึ้นรถด้วยความทุลักทุเล จนแล้วจนรอดในที่สุดก็สามารถดันร่างสูงขึ้นมาบนรถได้เรียบร้อย “โอ้ย โตหนักอีหลีว้ะ ว่าแม่นแบกซ้าง” (โอ้ย ตัวหนักจริง นึกว่าแบกช้าง) “จ่มหลายคุณหนู ไปเถาะหนาว” (บ่นมากคุณหนู ไปเถอะหนาว) กล้าหันมาบ่น ขนมเดินอ้อมไปซ้อนท้ายกล้าโดยปล่อยให้ชายแปลกหน้านอนในส่วนของพ่วงข้าง หลังจากถึงบ้านก็แบกเขาลงไปยังห้องนอนของกล้า บ้านที่เธออยู่เป็นแบบบ้านสวนล้อมรอบด้วยทุ่งนา และติดสระน้ำ โดยมีบ้านน็อคดาวน์เล็กสองหลังติดกัน เธอและกล้านอนคนละหลัง “มึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เซ็ดโตให้เพิ่นก่อนเดี๋ยวกูสิไปเอายามาทำแผล” (มึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เช็ดตัวให้เขาก่อนเดี๋ยวกูจะไปเอายามาทำแผล) “ครับคุณหนู” ขนมขึ้นไปบนบ้านอาบน้ำอาบท่าแล้วรีบถือกล่องปฐมพยาบาลติดมือไปยังห้องกล้าทันที เมื่อไปถึงเห็นกล้าจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า เช็ดตัวเช็ดหน้าชายแปลกหน้าจนสะอาดหมดแล้ว พร้อมทั้งใส่ชุดนอนของกล้าที่ดูสั้นขึ้นมาประมาณหนึ่งเมื่อเขาใส่ และตอนนี้กล้ากำลังอาบน้ำอยู่ ขนมก้มลงพิจารณาคนตรงหน้าที่นอนบนเตียงอย่างไร้สติ คิ้วหนาเข้มแพขนตาตรงยาว จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปาก ใบหน้าได้รูปหล่อเหลาราวกับรูปปั้น แม้ใบหน้าจะมีแผลเล็กแผลน้อยแต่กลับดูคมเข้มน่าเกรงขาม “ป้าดดด ว่าแม่นดารา” (โหวว นึกว่าดารา) “แหนะ บ้าผู้ชายอีกแล้ว” กล้าเดินออกมาจากห้องน้ำพอดีกับที่ขนมกำลังเอ่ยชมชายตรงหน้า “มึงกะคิดคือกูแม่นบ่?” (มึงก็คิดเหมือนกูใช่ไหม) “หล่ออิหลีล่ะ” (หล่อจริงๆ แหละ) กล้าพยักหน้า “วาสนาไผน้อ?” (วาสนาใครนะ?) “คุณหนูกะลองเบิ่งติ้ล่ะครับ เพิ่นเป็นฮอดสารวัตรพู้นเดะ” (คุณหนูก็ลองดูสิครับ เขาเป็นถึงสารวัตรเลยนะ) ตอนนี้เขาวางใจเรื่องชายแปลกหน้าไปกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้วเพราะค้นเจอกระเป๋าเงินของเขาและในกระเป๋าเงินมีบัตรตำรวจอยู่ “อีหลีติ” (จริงเหรอ) ขนมตาลุกวาว ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ช่วยมาคือตำรวจ... ดีเลย ตอนเช้าตื่นมาจะขายอึ่งที่ขังไว้ให้ โก่งราคาเสียหน่อยคงได้ค่าไฟเดือนนี้...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD