“อึ่งคือสิหลายคักแท้มื้อนี่ ฟังเบิ่งเสียงแล้ว” (อึ่งคงจะเยอะวันนี้ ฟังจากเสียงแล้ว) กล้า หลานชายป้านุ่มเอ่ยขึ้นขณะกำลังปั่นจักรยานไปไปหาอึ่ง โดยมีไฟส่องกบส่องนำทางอยู่บนหน้าผาก
“มึงชวนแต่กูไปหาอึ่ง มึงว่ากูมีสิทธิ์สิพ้อรักแท้ตอนหาอึ่งบ่?” (มึงชวนแต่กูไปหาอึ่ง มึงว่ากูมีจะมีสิทธิ์พบรักแท้ตอนหาอึ่งเหรอ?) ขนม ลูกคุณหนูเมืองกรุงที่ถูกพ่อดัดนิสัยส่งมาอยู่ต่างจังหวัดเพราะเรียนจบมาปีกว่าไม่ยอมทำการทำงาน ไม่ยอมไปฝึกงานรับช่วงต่อที่บริษัท
“คุณหนูบ่ต้องย่านบ่ได้ผัวดอกครับ งามปานนี้” (คุณหนูไม่ต้องกลัวไม่ได้สามีหรอกครับสวยขนาดนี้)
“มึงเซาเอิ้นกูคุณหนูแหน่ กูเป็นหมู่มึงมาเป็นสิบปีจนกูเว้าอีสานชัดกว่าเว้าภาษากลางแล้ว” (มึงเลิกเรียกกูคุณหนูที กูเป็นเพื่อนมึงมาเป็นสิบปีจนกูพูดภาษาอีสานชัดกว่าภาษากลางแล้ว)
“บ่ได้ดอกครับ บ่ชิน” (ไม่ได้หรอกครับ ไม่ชิน)
“เฮ้อ ซ่างมึงเถาะ” (เฮ้อ เรื่องของมึงเถอะ) ขนมตัดพ้อ
เธอเป็นลูกสาวคนเล็กสุดในบรรดาพี่น้องสามคน มีพี่ชายสองคนคอยโอ๋ คอยให้ท้าย จนกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ
เธอถูกพ่อส่งมาดัดนิสัยที่ชัยภูมิแทบทุกปิดเทอมตั้งแต่เด็ก มีเพียงช่วงมัธยมปลายถึงมหาวิทยาลัยที่พ่อไม่ได้ส่งเธอมา
หลังจากเรียนจบก็ไม่มีแพชชั่นในการใช้ชีวิต งานที่บริษัทก็ไม่ชอบ เธอเลยเอาแต่นั่งๆ นอนๆ อ่านหนังสือนิยาย เติมคอยน์จนแทบจะซื้อบ้านหรูได้เป็นหลัง
กระทั่งพ่อทนไม่ไหวส่งมาอยู่ชัยภูมิในรอบ 8 ปี โดยรอบนี้ตัดเงินค่าขนมเธอทุกบาททุกสตางค์ให้เงินมาเพียงหนึ่งหมื่นประทังชีวิต หวังให้เธอร้องไห้กลับบ้านไปหาทำการทำงาน
แต่ขนมหาได้แคร์ไม่…
ก็ออกหาจับอึ่งขายเพื่อหาค่าอยู่ค่ากินไปเลยสิ ระดับนี้แล้ว