ก้าวแรกของชีวิตอิสระ

2444 Words
เดินทางจากตัวเมืองตากต่อไปอีก 3 ชั่วโมงโดยประมาณ ก็ถึงบ้านของตากับยายของเฟิร์สที่อยู่บนดอยตาของเฟิร์สเป็นอดีตเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ที่มาพบรักกับยายที่เป็นชนเผ่าและตัดสินใจใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยกันที่นี่ ส่วนแม่นั้นหลังจากลงไปหางานทำในกรุงเทพพอได้เจอกับพ่อ ก็ไม่ค่อยได้กลับมาหาตากับยายเท่าไหร่นัก ส่วนเฟิร์สนั้นเป็นคนชอบธรรมชาติ เขามาเยี่ยมตากับยายทุกปิดเทอมเป็นปกติอยู่แล้ว “ตาหวัดดีครับ ยายหวัดดีครับ” ยายของเฟิร์สพูดภาษาไทยไม่ค่อยได้ แต่ฟังออกการสื่อสารจึงต้องคอยมีตาแปลให้ เมื่อตามองเห็นหลานชาติจอดรถมอเตอร์ไซค์เดินตรงเข้ามาหาก็นึกดีใจ คนแก่สองคนอยู่กันลำพังก็เหงากว่าหลานจะมาหาที่ก็ต้องรอจนปิดเทอม แต่เหมือนว่าปีนี้เฟิร์ส จะมาเร็วกว่ากำหนดจนน่าแปลกใจ “ปิดเทอมเร็วเหหรอปีนี้” คำถามที่ตาเอ่ยถาม ทำหลานชายสะอึกจนพูดไม่ออก เขาไม่รู้ว่าควรตอบไปดีหรือไม่ว่าตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่อแล้ว “พอดีมีเรื่องนิดหน่อยน่ะครับ”เฟิร์สเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถาม ดวงตาพร่ามัวมองไปยังร่างของเด็กสาวที่ยืนมองซ้ายมองขวา ไม่พูดไม่จาอะไร แน่นอนว่าเธอมากับหลานชายเขาแน่ จริง ๆ ก็พอจะเดาออกอยู่บ้าง แต่ก็อยากฟังจากปากของหลานเอง “นั่นใครเหรอ” ตาเอ่ยถาม “แฟนผมครับ” เฟิร์สตอบอย่างไม่ลังเล ก่อนจะหันไปส่งสัญญาณให้สตาร์ยหมือไหว้ทักทายผู้ใหญ่ แต่ดูเธอจะไม่เข้าใจได้แต่ขมวดคิ้วสงสัยในท่าทางแปลกประหลาดของเฟิร์ส “เข้าบ้านกันก่อนเถอะ เดินทางมาเหนื่อย ๆ ไปคุยกันในบ้านดีกว่า”เมื่อรู้อย่างนั้นตาจึงได้รีบชวนกันเข้าไปคุยต่อในบ้าน “นี่ตากับยายกู มึงยกมือไหว้เขานิดนึงก็ได้” เฟิร์สกระซิบบอกระหว่างทางเดินเข้าบ้าน สตาร์นั้นมีใบประกาศนียบัตรจากการเข้าร่วมการประกวดมารยาทมากมายจนเต็มแฟ้ม แต่ด้วยทั้งหมดล้วนเป็นการแสดงที่ถูกควบคุมโดยสิรินแม่ของเธอ “แล้วนี่...แม่หนูนี่ชื่ออะไร” ตาเอ่ยถามหลังจากที่ทุกคนนั่งลงที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว สตาร์อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่พูดไม่จาจนเฟิร์สต้องใช้ศอกกระทุ้งบอก “สตาร์ค่ะ” คนถูกถามเอ่ยชื่อตัวเองอย่างไม่เต็มใจนัก เธอเหนื่อยล้าจากการนั่งมอเตอร์ไซค์มาตั้งแต่เมื่อวานจนมาวันนี้ขับรถขึ้นเขา ทั้งเวียนหัว ทั้งเหนื่อย จนอยากจะนอนแต่ต้องมานั่งตอบคำถามจากเจ้าของบ้าน “แล้วแม่รู้หรือเปล่า ที่ไปพาลูกสาวเขาหนีแบบนี้” ตาหันไปถามหลานชาย “ผมบอกแม่แล้วเมื่อคืน แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร” “แล้วหนูล่ะ แม่ไม่ว่าเหรอ ที่มากับผู้ชายแบบนี้” คำถามจากความห่วงใย แต่ถามให้คิดได้หลายทางก็ทำให้คนถูกถามตกใจเล็กน้อย “เอ่อ...คือจริง ๆ แล้วที่บอกว่ามีเรื่องก็เรื่องนี้อหละครับ” เฟิร์สแทรกขึ้น “อืม งั้นเราต้องคุยกันหน่อยแล้ว พาแม่หนูนี่เอาของไปเก็บแล้วก็ให้พักผ่อนซะนั่งรถมาไกลคงเหนื่อย ส่วนเราออกมาคุยกับตาด้วย” “ครับ” เฟิร์สรับคำสั่งก่อนจะลุกขึ้นพาสตาร์ไปที่ห้องของตัวเองเพราะเขามาที่นี่ค่อนข้างบ่อยทำให้ตาตัดสินใจทำห้องให้เขาพักส่วนตัว “ทำไมมึงไม่ไหว้ตากับยายกู” เมื่อเข้ามาถึงในห้อง เฟิร์สหันไปถาม หลังจากวางกระเป๋าลงที่เตียงแล้ว “ก็กูไม่มีจังหวะ”สตาร์ตอบก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียง “ดีจังอย่างน้อยเตียงห้องมึงก็นุ่มกว่าที่รีสอร์ตเมื่อคืน เนี่ยตอนเข้ามาเจอหมู่บ้านนะ กูทำใจไว้แล้วว่ากูต้องอยู่กระท่อมแน่ ๆ ดีนะที่บ้านตามึงไฮโซ” คนพูดพูดโดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังถูกจับตามองอยู่ “มาอยู่ที่นี่ มึงต้องทำงานนะ” เฟิร์สบอกกับสตาร์ที่กำลังเพลินอยู่กับเตียงนุ่ม ๆ “ทำงาน ทำงานอะไร” “ก็ทำงานบ้านไง ตากับยายต้องออกไปดูคนงานในไร่ ตาจะออกไปก่อน รอยายทำงานบ้านจนเสร็จถึงจะกลับมารับไปไร่ด้วยกัน มึงมาอยู่เขาก็ไม่ต้องทำ ให้มึงทำไป” “อะไรอะทำไมไม่ให้กูไปเฝ้าคนงาน” มึงเชื่อเถอะว่าทำงานบ้านง่ายกว่าเฝ้าคนงานเยอะ” เฟิร์สตอบจากประสบการณ์ ทุกครั้งที่มาที่นี่เขาไม่เคยนอนอยู่เฉย ๆ ให้เปล่าประโยชน์เลย ทั้งช่วยยายทำงานบ้านในตอนเช้า เสร็จก็ขับรถพายายไปดูงานในไร่ ช่วงเย็นก็ยังช่วยคนงานยกของ “แล้วไอ้งานบ้านที่ว่านี่ทำอะไรบ้างอะ ทำกับข้าวกุไม่ทำนะกูทำไม่เป็น” สตาร์รีบออกตัว “ก็กวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างจาน รดน้ำผักหลังบ้าน แล้วก็ให้หญ้าวัวคอยดุน้ำวัวแต่เดี๋ยวอันนี้กุสอน แล้วก็เทข้าวให้หมา ส่วนหมูนี่เดี๋ยวกุจัดการเองมันเหม็นมึงคงไม่ชอบ” “กูไม่ชอบสัตว์ ทั้งวัวทั้งหมูทั้งหมา มึงเอาไปจัดการเองแล้วกูก็ไม่ชอบล้างจานด้วย” “แต่มึงมาอยู่มากินบ้านเขา มึงก็ต้องทำงาน” “ก็บ้านตามึงไม่ใช่หรือไง” “ก็ใช่ แต่มึงจะมาอยู่เฉย ๆ มันไม่เหมาะ” “ทำไมวะ กูอยู่บ้านกูยังอยู่เฉย ๆ เลย” “กูบอกมึงตั้งแต่ก่อนจะมาแล้วใช่ไหมว่าให้คิดดีดีแล้วก็ต้องทำงานมึงยืนยันเองว่าจะมา” “ก็...” สตาร์ปฏิเสธไม่ได้กับคำพูดของเฟิร์สเพราะเธอตกปากรับคำไปจริง ๆ “ถ้ามึงไม่อยากทำเปลี่ยนใจตอนนี้ก็น่าจะทัน โทรหาแม่มึงให้มารับแล้วก็ขอโทษเขาซะกับเรื่องทั้งหมด กูเองก็ขับรถไปส่งมึงได้” “ไม่!!! ให้ทำอะไรกูยอมทำทั้งนั้น แค่กูไม่กลับไปอีกก็พอ” “งั้นก็ดี เดี๋ยวมึงนอนพักไปก่อน กูจะออกไปคุยกับตา” สตาร์ไม่มีทางเลือกอื่นเธอไม่มีที่อื่นจะไป และไม่มีใครอีกแล้วนอกจากเฟิร์ส หากเธออยากจะอยู่ที่นี่ก็ต้องยอมทำตามที่เฟิร์สบอก นับตั้งแต่หนีมาจากบ้านสตารืต้องตื่นแต่เช้าทุกวัน ตั้งแต่ที่รีสอร์ตเพื่อจะออกเดินทาง ยิ่งมาวันนี้ต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 เพราะทุกคนในบ้านตื่นเวลานี้กันหมด เพื่อที่จะทำธุระทุกอย่างให้เสร็จก่อนจะออกไปไร่ให้ทันแดด “สตาร์ ตื่นได้แล้ว” เสียงเฟิร์สร้องเรยกอยู่ข้างหูกับความรู้สึกที่ร่างกายถูกเขย่ารบกวนอารมณ์คนหลับสบายจนเธอรู้สึกรำคาญ “โอ๊ย!! อะไรเนี่ยกี่โมงกี่ยามทำไมรีบตื่นจัง” คนเพิ่งตื่นงัวเงียลุกขึ้นโวย “ตากับยายตื่นกันหมดแล้ว มึงจะนอนอยู่ได้ยังไง” เฟิร์สที่จัดการล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยแล้วบอกกับคนบนเตียง “ก็เรื่องของเขาสิ” “เรื่องของเขาไม่ได้ เขาตื่นมึงก็ต้องตื่น เขาเป็นเจ้าของบ้านนะ” เฟิร์สไม่พอใจกับสิ่งที่ได้ยินจากสตาร์เท่าไหร่นัก แม้ว่าจะพยายามเข้าใจที่สตาร์ไม่เคยต้องลำบากมาก่อนไอ้เรื่องที่เธอเฝ้าบอกว่าเหนื่อยก็แค่เรื่องเรียนเท่านั้นตัวเขาผ่านเรื่องที่เหนื่อยกว่านั้นมาตั้งเยอะแยะมากมาย แต่เพียงไม่เคยได้เล่าให้ฟัง สตาร์ก็รู้เพียงว่าเขาเป็นเด็กติดเกมคนหนึ่งเท่านั้นเอง “แล้วจะให้กูตื่นไปทำอะไร กูทำกับข้าวก็ไม่เป็นจะให้กูล้างจานก็ต้องรอเขาทำกับข้าวให้เสร็จก่อนป่ะ หรือถ้าจะให้กวาดบ้านถูบ้านมันก็ต้องรอให้คนออกไปทำงานก่อนมั้ย” “ก็ไปนั่งอยู่ในครัว คอยช่วยยายหยิบจับอะไรก็ได้ หั่นผัก ล้างผัก ดีกว่ามาอยู่เฉย ๆ ไม่คิดจะอยากช่วยอะไร” “โอ๊ย!!! กูเพิ่งจะมาถึงเมื่อวานเองนะจะไม่ให้พักเลยเหรอ พรุ่งนี้ค่อยทำไม่ได้หรือไง มันเหนื่อย” “กูขับรถ กูยังไม่บ่นเหนื่อยเลยกูจะไปทำงานในไร่ด้วยซ้ำ” “กูไม่ได้อยากมาใช้ชีวิตแบบนี้นะเฟิร์ส” สตาร์หมดความอดทนที่จะต้องมาเป็นสาวชาวไร่เต็มที ลำพังแค่เธอไม่ได้เล่นโซเชียลออนไลน์มันก็อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว “แล้วมึงจะทำไง จะกลับบ้านมั้ย” “เอะอะก็จะไล่กลับ มึงเอากูมากดดันให้กลับบ้านใช่ป่ะ” “กูไม่มีที่ไปเฉย ๆ นะเฟิร์ส แต่มึงก็อย่าลืมว่ากูมีเงินติดตัวห้าหมื่นห้าหมื่นกูไปหาเช่าห้องดีดีอยู่นอนสบาย ๆได้เลยนะ”เฟิร์สได้แต่ส่ายหัวไปมาอยากจะหัวเราะเยาะความคิดเด็กน้อยนี้เสียจริง “มึงคิดว่าเงินห้าหมื่นมันจะอยู่ได้นานแค่ไหนวะ เช้าห้องอย่างน้อย ๆ คนแบบมึงก็คงจะหาห้องแพง ๆ ดีดีราคาครึ่งหมื่น กินไปแต่ละมื้อมึงก็ต้องซื้อกินทุกมื้อเงินก็หาไม่ได้มีแต่จะใช้ สุดท้ายก็หมด เงินหมดแล้วมึงจะทำไงต่อ ไหนมึงบอกกูมาซิ” ถือว่าสตาร์โชคดีที่หนีมากับเฟิร์ส ควมคิดของเฟิร์สมีระเบียบมีแบบแผน เขาคำนวณและคาดการณ์ทุกอย่างไว้จนหมดแล้วก่อนจะตัดสินใจมาที่นี่ การมาขออาศัยอยู่ที่บ้านตาซึ่งเป็นชนบทแบบนี้ค่าใช้จ่ายไม่สูงเพราะไม่ต้องเช่าบ้านไม่ต้องซื้อข้าวกิน ห่างไกลความเจริญ สิรินจะตามหาก็ยาก บ้านของตากับยายอยู่ห่างจากผู้คนแถมยังมีรั้วล้อมกั้นหมาออกไปนอกบ้าน กว่าจะเข้ามาถึงตัวบ้านก็ไกลจากถนน อย่างเดียวที่เป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ก็คือสตาร์ที่ไม่ยอมปรับตัว “ก็กูไม่อยากทำกูไม่ชอบล้างจานมันหยีมือ” “ไม่ชอบก็ต้องทำมึงไม่อยากเรียน ไม่อยากเป็นนางแบบไม่ใช่เหรออยากให้พาหนีกุก็พามาแล้วนี่ไง กูถามว่าจะกลับไหม มึงก็ไม่กลับ มึงจะเอายังไง” “เฟิร์ส....” คนถูกดุเริ่มน้ำตาคลอเฟิร์สพยายามเลี่ยงไม่สบตาเพราะรู้ตัวว่าหากเห็นเธอร้องไห้ก็ต้องยอมใจอ่อนแน่ “กูแค่อยากหนีมาอยู่กับมึง แค่อยากอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ไม่อยากต้องรอให้ดึกแล้วถึงจะได้โทรคุยกัน” “กูรู้ แต่นี่เราก็อยู่ด้วยกันตลอดกลางวันกูก็แค่ไปทำงานเที่ยงเดี๋ยวกูก็กลับมากินข้าวกับมึง กูทำเพื่อเราที่สุดแล้วนะสตาร์ กูทิ้งอนาคตตัวเองทิ้งทุกอย่าเพื่อพามึงหนีมาตามที่มึงอยากหนี กูแค่ขอให้มึงช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างเขาจะได้เอ็นดูมึงแค่นั้นเอง” เฟิร์สยกแขนขึ้นโอบกอดร่างบางที่โอบรัดตัวเขาอยู่ สุดท้ายสตาร์ก็ยอมทำตามคำขอ เฟิร์สเอาเสื้อผ้าที่สั่งเด็กแถวบ้านไปซื้อมาให้กับสตาร์ก่อนจะออกไปช่วยงานยายในครัวสตาร์เองเมื่ออาบน้ำล้างหน้าเสร็จก็ตรงเข้าไปในครัวด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ทำอะไรไม่ถูก “ยายมีอะไรใหห้สตาร์ช่วยไหมครับ” เฟิร์สเอ่ยถามหญิงชราที่กำลังยืนคนหม้อแกงอยู่ ยายหันมายิ้มก่อนจะโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “ยายมึง...” สตาร์ไม่กล้าถามว่ายายพูดไม่ได้หรือ เธอเพียงกระซิบแล้วมองไปที่หญิงชราด้วยสีหน้าสงสัย “ยายพูดภาษาไทยไม่ได้ แต่ฟังออก” เฟิร์สตอบกลับก่อนจะเดินไปหยิบถ้วยมายื่นให้กับแม่ครัว มือเหี่ยวของหญิงชราตักน้ำแกงและชิ้นแกง 2-3ชิ้นใส่ในถ้วยแล้วส่งคืนให้กับหลานชาย “ลองชิมไหม” เฟิร์สหันไปถามคนที่ยืนอยู่ข้างกาย “อะไรอะ” “แกงเรียง” “ไม่เอาอะกลัวเผ็ด” สตาร์มองดูสีของแกงในหม้อก่อนจะตอบกลับ “อร่อยนะไม่กินเหรอ” เฟิร์สที่เพิ่งตักชิมถามอีกครั้ง “ไม่” “งั้นลองอันนี้ไหม” เขาเปิดสำรับข้าวแล้วเอ่ยถาม “อะไรอะ หอมอยู่นะ”กกลิ่นเครื่องแกงลอยอบอวนขึ้นมาแตะจมูกเนื้อสับผัดใส่ผักกลิ่นฉุนร้อน ๆ มันหอมจนอยากได้ข้าวสักจาน “ผัดเผ็ดกระรอกป่า” เฟิร์สตอบก่อนจะตักชิม “กระรอก!!!” สตาร์ร้องลั่น “มึงจะเสียงดังทำไมก็กระรอกไง” “กินกระรอกเนี่ยนะ น่ารักแบบนั้นกินได้ไง”นึกถึงภาพเจ้ากระรอกหางฟูในการ์ตูน สตาร์ก้รู้สึกขนหัวลุกขึ้นมาทันที “ก็มันเป็นอาหารเรื่องมากจังนะมึงเนี่ยอันนี้ก็ไม่เอาอันนั้นก็ไม่กิน มึงจะกินอะไร” “ไข่เจียว” ให้กินกระรอกหรือขอกินไข่เสียดีว่าสตาร์คิดในใจ “งั้นมานี่” เฟิร์สลุกจากเก้าอี้ก่อนจะจูงมือสตาร์ออกมาที่หลังบ้านแล้วเดินตรงไปที่เล้าไก่ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ตาเพิ่งจะถือตะกร้าไข่ออกมาพอดี “อะไรอีก” สตาร์เอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์เธอยังขจัดภาพกระรอกออกจากหัวไม่ได้เลย “จะมาเก็บไข่เหรอ ตาเก็บหมดแล้วล่ะ ฝากเอาไปไว้ในครัวหน่อย เดี๋ยวตาจะไปดูหญ้าวัว” เฟิร์สรับตะกร้าไข่มาก่อนจะส่งให้กับสตาร์อีกต่อ “อะไร” “เอาไปล้าง แล้วอย่าให้แตกนะ” “ล้างอะไร ล้างตรงไหน” “ตรงก๊อกน้ำที่เราเดินผ่านมาไงตรงนั้นมีตะกร้าอยู่กูจะไปช่วยตาเอาหญ้าให้วัว” สตาร์ได้แต่รับคำสั่งอย่างจำใจ ‘จะอยู่ได้สักกี่วันวะแบบนี้’ สตาร์คิดในใจ ไหนจะเลี้ยงสัตว์ ไหนจะงานบ้าน ยังต้องมากินอาหารแปลก ๆ อีก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD