หนึ่งอาทิตย์ของการย้ายชีวิตจากเมืองกรุงมาอยู่ในชนบทที่ห่างไกลของสตาร์เป็นไปอย่างทุลักทุเล เฟิร์สยังคงต้องปลุกเธอในทุก ๆ เช้าและยังต้องบังคับให้ทำงานบ้าน ทุกเที่ยงเฟิร์สต้องกลับมาพร้อมก๋วยเตี๋ยวหรือข้าวจากร้านตามสั่งเพื่อให้สตาร์กินเธอไม่ชินอาหารป่าของที่บ้าน มื้อเช้าก็กินไข่เจียว ไข่ตุ๋นผัดผักที่เฟิร์สทำให้ แต่มื้อเที่ยงก็จะขอร้องให้เฟิร์สซื้อของจากร้านอาหารตามสั่งมาให้กินซึ่งเฟิร์สก็ใจอ่อนให้ทุกที งานบ้านทุกอย่างสตาร์รับผิดชอบทำได้แม้จะไม่ได้เต็มใจทำ แต่เพราะไม่มีที่ไปจึงต้องจำนนต่อข้อตกลงนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้
“เฟิร์ส กูเห็นน้องที่มาช่วยเลี้ยงไก่บอกว่ามีตลาดในเมือง ขับรถไปสิบกว่ากิโล กูอยากไปอะ พาไปหน่อย” ระหว่างที่กำลังนั่งกินมื้อเที่ยงด้วยกัน สตาร์ก็พูดขึ้น เฟิร์สไปชักชวนเด็ก ๆ บ้านใกล้ ๆ ให้มาอยู่บ้านเป็นเพื่อนสตาร์เพื่อให้เธอไม่ต้องเหงา เนื่องจากตอนนี้โทรศัพท์ของเธอไม่มีอินเตอร์เน็ต มีแต่ทีวีติดดาวเทียมให้ดุ แต่ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจสักนิด การเล่นกับเด็ก ๆ จึงเป็นทางเดียวที่สตาร์จะไม่รู้สึกเหงา ซึ่งมันก็ได้ผลประมาณหนึ่ง เด็ก ๆ 2-3คนชอบขี่จักรยานมาเล่นกับพี่สาวคนสวย สตาร์เองพอไม่มีอะไรทำก็พาเด็ก ๆ เล่นแต่งตัวเอาดอกไม้ใบหญ้ามาติดผม ติดเสื้อผ้า หรือไม่ก็ไปเอากะโหลกกะลามาทำเป็นถ้วยจานทำอาหารเปิดร้านเล่นกันตามประสา
“ข่าวมึงหนีออกจากบ้านเพิ่งออกโทรทัศน์ไปเองนะ ตากับยายกูยังตกใจกันอยู่เลย กูก็เพิ่งเคลียร์ไปเอง ถ้ามึงไปตลาดคนก็จะเห็นมึง เขาก็จะแจ้งเบาะแสให้แม่มึงเดี๋ยวเขาก็จะมาที่นี่ มึงจะเอาแบบนั้นเหรอ”
“แต่กูเบื่อนี่เสื้อในก็คับ เสื้อผ้าก็มีแต่ชุดมึง กูก็อยากใส่เสื้อผ้าสวย ๆ บ้าง” เฟิร์สไม่ได้ตอบอะไร เขากำลังใช้ความคิดไปพร้อมกับซดน้ำก๋วยเตี๋ยวฝั่งสตาร์ก็กำลังจ้องรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“อืม ถ้าจะไปก็ต้องใส่แมสปิดหน้าได้ไหมล่ะ”
“ได้” สตาร์รีบตอบด้วยน้ำเสียงสั่น เธออยากจะออกไปดูโลกภายนอกใจจะขาด อยู่ที่นี่มีแต่หมูเห็ดเป็ดไก่ ต้นไม้แล้วก็ภูเขา
“งั้นเดี๋ยวกูกลับจากไร่จะพาไป มึงก็เตรียมตัวรอเลยแล้วกันนะ”
“เฟิร์สใจดีที่สุด” สตาร์ลุกจากที่ตัวเองไปนั่งซบแขนคนรับปาก เฟิร์สได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหัวไปมา
“ไม่ต้องมาประจบเลย ถ้ามึงไม่ดื้ออยากทำอะไรกูก็จะพยายามทำให้ทั้งนั้นแหละ” เฟิร์สพยายามอธิบายกับตาและยายว่าสตาร์เป็นลูกคนเดียวและเธอไม่เคยต้องใช้ชีวิตที่ลำบากมาก่อน ปกติแล้วเรื่องงานบ้านแม่จะจ้างแม่บ้านมาทำ หรือบางอย่างแม่ก็จะทำเอง ชีวิตสตาร์เหนื่อยที่สุดแค่ต้องเรียนอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งตรงนี้ตากับยายก็เข้าใจดีแต่ถึงอย่างนั้นเฟิร์สก็รับปากว่าจะพยายามสอนงานทุกอย่างให้กับสตาร์
“แล้วเรื่องแม่ตากับยายมึงเขาว่าไง”
“จริง ๆ เขาก้อยากให้โทรไปบอกความจริงอะนะ แต่กูก็พยายามอธิบายไปแล้วว่าขอเวลาก่อน ถ้าพร้อมคงจะบอก...”
“ไม่กูจะไม่บอก ถ้าบอกแม่ต้องตามมาแน่” สตาร์รีบห้าม
“กูรู้ที่กูบอกตากับยายก็แค่ให้ท่านสบายใจ แต่ใจกูก็อยากให้ติดต่อเขาไปนะอย่างน้อยก็บอกว่าไม่ต้องห่วงอยู่สบายดี”
“ถ้าพร้อมจะบอกก็แล้วกัน” เฟิร์สรู้อยู่แล้วว่าคำตอบนี้ มีความหมายแฝงว่าอย่างไร เพราะเขาก็เพิ่งใช้มันไปกับตายายของตัวเอง
“อยู่บ้านกับเด็กเป็นไงบ้างล่ะ” เฟิร์สเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง เพราะรู้ว่าพอพูดเรื่องแม่แล้วสตาร์ก็จะเริ่มหงุดหงิดไม่พอใจขึ้นมาทันทีแล้วจะคุยอะไรกันทีก็จะเริ่มมีแต่ปัญหาให้ต้องเถียงกัน
“ก็ดี น้อง ๆ มันก็น่ารักกันดี พูดเก่ง ชวนคุยเก่ง สงสัยเก่ง พาเล่นนั่นเล่นนี่ ชีวิตที่บ้านนอกมันก็สนุกไปอีกแบบ ไม่ต้องคิดมากอะไรดี มีแค่ดิน ดอกหญ้าใบไม้ ก็สนุกได้แล้ว” ชีวิตในวัยเด็กของสตาร์ เติบโตมากับของเล่นเสริมพัฒนาการ ในห้องแอร์เย็น ๆ เธอแทบไม่รู้จักดิน ทราย ใบไม้ หรือธรรมชาติ เพราะแม่กลัวที่จะปล่อยให้เธอได้ออกสู่พื้นดิน กลัวเชื้อโรค กลัวอันตราย ด้วยความที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมีลูกคนเดียว
“คงอยู่ได้สักพักมั้ง”
“คือกูบอกว่าอยู่ได้ไง ทำไมไม่เชื่อบ้างวะ” สตาร์โวยทันที
“กูหมายถึงว่าเด็ก ๆ คงช่วยให้มึงไม่เหงาได้สักพักมั้ง” เฟิร์สรู้จักสตาร์ดี อย่างเธอจะสนุกกับชีวิตที่นี่ได้สักเท่าไหร่ ขนาดให้ล้างจานก็ยังหน้าหงิกหน้างออยู่ทุกวัน แถมยังอ้อนจะกินแต่ข้าวตามสั่งทุกวันอีก
“อยากได้เน็ต อยากดูยูทูป อยากดูซีรี่ย์” สตาร์พูดต่อ
“เอาไว้จะหาวิธีให้นะ”
“อืม...แต่วันนี้ต้องได้ไปตลาดนะ”
“เออรับปากแล้วไง เดี๋ยวขอนอนสักพักนะ เที่ยง 40 ปลุกด้วย” เฟิร์สสั่งก่อนจะนอนลงบนตักของคนข้าง ๆ มือเรียวลูบไปบนศีรษะที่หนุนอยู่บนตักอย่างอ่อนโยน ‘ถึงจะลำบากกันไปสักหน่อย แต่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ก็ดีเหมือนกันแฮะ’ ความคิดที่อยากจะไปจากที่นี้ค่อย ๆ จางหายไป ไม่ใช่เพราะปรับตัวได้ แต่เพราะกำลังจะยอมรับความจริงแล้วว่ามันคงเป็นไปไม่ได้จริง ๆที่จะไปหวังลม ๆ แล้ง ๆ แบบนั้น
หลังกลับจากไร่เฟิร์สก็ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับสตาร์ เขาเข้าบ้านไปล้างเนื้อล้างตัว ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วบอกตากับยายว่าจะพาสตาร์ไปตลาด สตาร์เองก็เตรียมตัวรอตั้งแต่บ่าย กว่าเฟิร์สจะมาก็รอแล้วรออีก ชะเง้อจนคอยืดคอยาว
“อย่าลืมซื้อขนมฝากตาด้วยนะ” ตาที่เดินผ่านมาแกล้งพูดทักทายหลานสะใภ้ เธอยิ้มตอบและพยักหน้ารับ ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ทั้งตาและยายใจดีกับเธอมาก แม้ว่าตัวเธอนั้นจะไม่ได้มีประโยชน์กับที่นี่สักเท่าไหร่ แถมยังสร้างแต่ปัญหาให้ด้วยซ้ำ
“ไปยัง” เฟิร์สที่เพิ่งเดินออกมาจากบ้านเอ่ยถามคนที่ยืนรออยู่หน้าประตู
“รอตั้งนานแล้ว ไปสิ”
“หน้านวลจังเลยนะ” เฟิร์สแกล้งแซวสตาร์ที่ผัดหน้าด้วยแป้งซะจนขาวผ่อง ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ สตาร์ไม่รู้จักคำว่าเครื่องสำอางเลยสักนิด เพราะไม่ได้เอาติดมาด้วยสักชิ้นมีเพียงดินสอเขียนคิ้วที่ก็ไมได้จำเป็นกับคนคิ้วดกอย่างเธอเท่าไหร่นัก กับแป้งฝุ่นไว้ตบแก้หน้ามันซึ่งสภาพอากาศตรงบ้านของตาก็ร่มรื่นเย็นสบายซะจนไม่รู้จักคำว่าร้อน
“ไปตลาดก็นิดนึงสิ” คนถูกแซวตอบกลับ
“เหรอ ใส่นี่ซะ” เฟิร์สว่าก่อนจะยื่นหน้ากากอนามัยที่หยิบมาจากกล่องในบ้านยื่นให้กับแม่สาวหน้านวล
“เฮ้อ...ไม่ชอบใส่เลย” คนถูกบังคับพูดขึ้นมาอย่างลอย ๆ แต่ก็ยอมสวมใส่
“ไม่ได้ ตกลงกันแล้วนี่”
“ก็ใส่อยู่นี่ไง” คนถูกต่อว่ารีบชี้ไม้ชี้มือบอก
“หน้านวลขนาดนี้ ไม่ปล่อยให้คนอื่นเห็นหรอก”
“เหรอออ” กว่าจะได้ไปสองคนก็ยืนหยอกกันอยู่ครู่หนึ่ง เฟิร์สขับรถขึ้นไปที่ดอยใกล้ ๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาด ส่วนใหญ่ของที่ขายจะเป็นพืชผลทางการเกษตรซึ่งขายแบบยกเข่ง ขายเป็นกระสอบ ขายในจำนวนมาก โซนเสื้อผ้าก็พอมีบ้างไม่กี่ร้าน หรือไม่ก็จะเป็นเสื้อผ้ามือสองของสาวนักเอฟที่ใส่เบื่อแล้วก็เอามาขายถูก ๆเพื่อโละตู้
“ไม่เหมือนที่คิดไว้เลยอะ” หลังจากเดินดูได้สองถามรอบ คนอยากมานักหนาก็พูดด้วยน้ำเสียงสุดแสนผิดหวัง เธอนึกว่ามันจะเหมือนกับตลาดที่เธอเคยไปเสียอีก
“จะเอาอะไรมากกับตลาดแถวนี้เขาก็เอาผักมาขายกันทั้งนั้นแหละ พวกพ่อค้าแม่ค้าจากข้างล่างก็จะขึ้นมาเหมาไปขายอัปราคาอีกหน่อย”
“เสื้อผ้าก็มีแต่แบบแก่ ๆ เสื้อยืดก็ลายไม่สวย จะมีก็พวกมือสองที่โอเคหน่อย แต่กุก็...ไม่ชอบใช้ของมือสอง” สตาร์เคยใช้แต่ขอราคาแพง เพราะภาพลักษณ์ค่อนข้างจำเป็นกับเธอมาก เสื้อผ้ามือสองก็ไม่เคยใช้ เคยแต่เป็นคนขายเท่านั้นพอต้องมาซื้อใส่ก็รู้สึกตงิดใจไม่ค่อยจะพอใจนัก
“ใส่ ๆ ไปเถอะน่าดีกว่าใส่เสื้อกูแบบนี้มั้ง”
“เฟิร์ส” เสียงแม่ค้าคนหนึ่งที่นั่งขายเสื้อผ้ามือสองร้องเรียกเฟิร์สที่กำลังเดินจูงมือคุยอยู่กับสตาร์
“อ้าวไอซ์ มาขายของเหรอ” แน่นอนว่าประโยคและน้ำเสียงที่สตาร์ได้ยิน ท่าทางที่ดูคุ้นเคยของทั้งคู่สร้างความสงสัยมากมายให้กับเธอไม่น้อย
“ใช่ มาขายเสื้อผ้าอะ เต็มบ้านใส่ไม่หมดแล้ว”
“อ้วนขึ้นหรือเปล่า”
“โห เฟิร์สอะแล้วนั่นมากับใครเหรอ” สตาร์มองหน้าคนถูกถามเพื่อรอคำตอบ ‘ไม่เห็นต้องถามเลยว่าใครมาด้วยกันเดินจูงมือกันซะขนาดนี้ ปัญญาอ่อน’ เธอเพียงแต่คิดในใจ ไม่ได้พูดออกไป
“แฟนอะ” สีหน้าของคนที่ได้ฟังคำตอบดูเจื่อนไปนิดหน่อย สตาร์สัมผัสได้ทันทีว่าระหว่างสองคนนี้ต้องมากกว่าคำว่าคนรู้จักแน่ และถ้าให้เดาตาสัญชาตญาณของผู้หญิงด้วยกัน นังหน้าวอกคอครึ้มนี่ต้องเป็นแฟนเก่าของเฟิร์สแน่นอน
“อ๋อ...”
“ไปก่อนนะจะไปซื้อขนมให้ตา” สตาร์สะบัดแขนออกจากมือของเฟิร์สก่อนจะจ้ำเท้าเดินออกมาอย่างไม่พอใจ
“รอด้วยดิ เดี๋ยวหลงขึ้นมาจะทำไง” เฟิร์สรีบวิ่งตามมาจนทัน
“แหม ทักทายกันไม่ไว้หน้าเลยนะ”
“อะไร” เฟิร์สไม่เข้าใจกับท่าทางกระฟึดกระฟัด และท่าทางสะบัดสะบิ้งของสตาร์ที่จู่ ๆ ก็เกิดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ไม่เลยสักนิดเขาเองต่างหากที่ไม่รู้ว่าสาเหตุมันมาจากแม่ค้าเสื้อผ้ามือสองที่ทักเขาเมื่อครู่นี้ต่างหาก
“คุยกันสนิทสนมจังนะ ใครเหรอ” สตาร์หันไปถาม
“อ๋อ ไอซ์น่ะเหรอ ก็คนรู้จักกันนี่แหละ” คิดไว้ไม่มีผิดว่าเขาต้องตอบแบบนี้
“ก่อนจะเป็นแค่คนรู้จักก็เป็นแฟนกันมาก่อนใช่ไหมล่ะ”
“ก็...ใช่นะ รู้ได้ไง” เฟิร์สไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรอยู่แล้ว เพราะระหว่างเขากับไอซ์มันจบไปนานมากแล้ว ซึ่งตอนนี้ขาก็มีสตาร์อยู่ และก็รักเธอเพียงคนเดียว
“มึงไม่เห็นหน้ามันตอนที่บอกว่ากูเป็นแฟนมึงเหรอ อย่างกับจะขาดใจตาย มึงก็เหมือนกันทำไมไม่ตอบว่าเมีย มาอยู่ด้วยกันขนาดนี้แล้ว”
“เฮ้ยสตาร์ใจเย็น คือกูก็ไม่ได้อะไรเลยนะเว้ย เขาทักกูก็ตอบ”
“ก็กูไม่ชอบทำไมต้องมาทักด้วยสาระแน” เฟิร์สได้แต่คิดว่าบางครั้งผู้หญิงก็เข้าใจยากเหลือเกิน สตาร์กระฟึดกระฟัดหงุดหงิดอยู่ตลอด เธอไม่ได้เสื้อผ้ากลับไปสักชิ้น มีแต่เครื่องสำอางนิด ๆ หน่อย ๆ กับของกินและขนมที่ตั้งใจซื้อฝากตากับยายเท่านั้น และอาการงอนเฟิร์สเรื่องแฟนเก่าก็ยาวไปจนถึงบ้านลามไปจนตอนนอนก็ยังไม่พูดกับเฟิร์สสักคำ