หลังจากหมกตัวในห้องน้ำอยู่นาน ในที่สุดสตาร์ก็เดินออกมาพร้อมกับของที่แม่สั่ง ถ้วยฉี่ถูกวางลงบนโต๊ะก่อนที่เจ้าตัวจะขยับไปนั่งที่เก้าอี้อีกตัว
“อ่าแม้แต่ที่จะคิดเอาน้ำใส่มาให้ฉันเชียว” สิรินหันไปขู่ลูกสาว
“สีแบบนี้แม่ยังไม่เชื่ออีกหรือไง”
“แค่ถาม” สิรินกล่าวก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบอุปกรณ์ออกมาจัดแจง แล้วเริ่มทำการตรวจตามวิธีที่ถูกต้อง สตาร์จ้องมองแถบบนที่ตรวจอย่างใจจดใจจ่อ เธอรู้สึกกังวลจนแทบจะคลั่ง เกิดมันขึ้นว่าท้องขึ้นมาจริง ๆ จะแก้ตัวยังไง หรือจะบอกแม่ไปตรง ๆ แล้วแบบนั้นแม่จะเข้าใจเธอหรือเปล่า
“รอสัก 5 นาทีก่อนก็แล้วกัน” หลังหยดจนครบจำนวนที่กำหนดแล้ว สิรินก็หันไปบอกลูกสาวก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม ดวงตาสั่นริกของสตาร์จ้องมองดูที่ตรวจครรภ์ตาไม่กระพริบ เธอรู้มาว่าหากมันขึ้นสองขีดนั่นเท่ากับว่าสิ่งที่เธอกำลังกังวลจะเป็นความจริง
“ทำไมต้องกลัวขนาดนั้นด้วย แกไม่ได้ป้องกันหรือไง” สิรินมองดุลูกสาวที่แสดงความหวาดกลัวออกมาอย่างชัดเจน
“หนูก็บอกแม่ไปแล้ว ว่าหนูไม่มีแฟน หนูแค่กลัวว่าถ้ามันตรวจว่าหนูท้องแม่จะเชื่อหนูไหม”
“ก็ถ้าไม่มีแฟน แกจะกลัวทำไม” สิรินมองลูกสาวตัวเองออกทุกอย่างไอ้อาการหวาดกลัวจนออกนอกหน้า มันบ่งบอกชัดเจนว่าที่สตาร์พยามบอกว่าเธอไม่มีแฟนนั้นมันก็แค่คำโกหก
“ก็เพื่อนเลยคุยกันว่า มันตรวจขึ้น 2 ขีดแต่ไม่ได้ท้อง” สตาร์โกหกไปข้าง ๆ คู ๆ อะไรที่พอจะจับขึ้นมาพูดได้เธอก็พูด ๆ ไปก่อน ดวงตาคมกริบของสิรินเหลือบมองดุที่ตรวจครรภ์บนโต๊ะก่อนจะหยิบขึ้นมาดูใกล้ ๆ
“ไปนอนเถอะ แม่คงคิดมากไปเอง” ผลการตรวจปรากฏชัดเจนว่าสตาร์ไม่ได้กำลังตั้งครรภ์ คนถูกจับผิดถอนหายใจเฮือก จังหวะที่แม่ของเธอกำลังสนใจแต่ขวดเหล้า
“งั้น...ฝันดีนะแม่”
“ฝันดี นอนเลยนะ กินยาด้วย”
“ค่ะ” สตาร์รีบลุกขึ้นและเดินตรงไปที่ห้องตัวเอง
-23ข้อความจากเฟิร์ส-
สตาร์กดอ่านข้อความทีละข้อความ ก่อนจะตัดสินใจโทรหาแฟนหนุ่มของเธอ เฟิร์สเองก็กังวลไม่น้อยไปกว่าเธอเลย
“ฮัลโหล”
“สรุปไม่ท้องนะกูคงผักผ่อนน้อยจริง ๆ นั่นแหละ”
“เออ กูเตรียมจะไปคุยกับพ่อแม่กูแล้วเนี่ย”
“คุยอะไร จะมาขอกูเหรอ”
“ก็ต้องเป็นแบบนั้นป่ะวะ หรือมึงจะมาอยู่กับกูเฉย ๆ”
“ก็ได้นะ ไปไหนก็ได้อะ ที่ไม่ใช่ที่นี่” สตาร์นึกถึงสีหน้าท่าทางของแม่เมื่อตอนที่พยายามจะคาดคั้นให้เธอสารภาพแล้วก็ยังรู้สึกกลัวไม่หายแม่ไม่เคยสูบบุหรี่ดื่มเหล้าให้เธอเห็นแบบนี้เลยสักครั้ง
“คนบ้าอะไรวะ ไม่อยากอยู่บ้านตัวเอง”
“บ้านกูมันน่าอยู่นักนี่” คนที่โหยหาเพียงอิสระอย่างสตาร์ เธอไม่สนทั้งนั้นว่าหนทางข้างหน้ามันจะเป็นอย่างไร เธอรู้เพียงว่าตอนนี้เธอไม่มีความสุขที่จะอยู่ที่นี่และยินดีจะไปพบหนทางลำบากข้างหน้ามากกว่า
“คิดดีดีนะมึง ที่ไหนมันจะไปดีเท่าบ้านตัวเองวะ”
“ถ้าบ้านกูเป็นแบบบ้านมึงก็คงจะคิดแบบนั้นแหละ เลิกเรียนมาก็ไม่ต้องทำอะไรเล่นเกมยาวจนดึก อยากไปเรียนก็ไป ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป อยากเที่ยวไปก็ได้ไป อยากกินอะไรก็ได้กินพ่อแม่ไม่ได้มาวุ่นวายกับชีวิต”
“เขาก็หวังดีนั่นแหละ”
“หือ พ่อแม่มึงเขาไม่หวังดีงั้นสิ”
“แต่ละคนก็มีวิธีเลี้ยงลูกต่างกันป่ะวะไม่งั้นสังคมเรามันจะมีคนที่แตกต่างกันเหรอ มึงมีแม่คอยอบรมดูแลมันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไงจะได้ไม่นอกลู่นอกทาง”
“แหม พูดเหมือนไม่รู้จักกูเลยนะ พอบังคับมาก ๆ กูก็ต้องแอบทำ พอแอบทำเขาก็ไม่รู้ไม่เห็นแบบเนี้ย กูไม่ได้อยากโกหกเลยนะ แต่กูพูดความจริงกับแม่ไม่ได้เลย”
“เออ ๆ เลิกบ่น แล้วก็นอนได้แล้ว ไม่สบายไม่ใช่หรือไง”เฟิร์สไม่อยากให้สตาร์มองแม่ตัวเองในแง่ร้าย อย่างที่เธอพูดอยู่ตอนนี้ เพราะสำหรับเฟิร์สยังไงพ่อแม่ก็ถือเป็นผู้มีพระคุณจะดีจะร้ายเราก็ตัดความเป้นพ่อแม่จากเขาไม่ได้
“พอเถียงไม่ชนะก็หนีนอนตลอด”
“ก็เป็นห่วง มีแฟนอยู่คนเดียว ตายห่าขึ้นมาจะทำยังไง”
“ปากเหรอน่ะที่พูด”
“เออ นอนได้แล้วโทรไว้แบบนี้แหละเดี๋ยวกูเล่นเกมต่อ”
“แล้วทำไมมึงไม่นอน”
“ก็กูยังไม่ง่วง” เฟิร์สนอนดึกเป็นปกติ ด้วยกิจกรรมที่โปรดปรานคือการเล่นเกมออนไลน์กับกลุ่มเพื่อน ๆ
“มึงจะคุยกับคนอื่นต่อล่ะสิ”
“เฮ้ย กูจะคุยกับใครอะ ก็บอกอยู่ว่าให้โทรทิ้งไว้”
“ก็คนในเกมไงกูเห็นมีแต่คนบอกว่าพวกแรด ๆ ชอบอ่อยแฟนชาวบ้านในเกม”
“เฮ้อ...เอ้าๆ ไม่เล่นก็ไม่เล่น นอน”
“นอให้จริงด้วยนะ”
“ครับบบ นอนได้แล้วมึงอะ ฝันดี”
“ฝันดี รักมึงนะ”
“รักเหมือนกัน”
ผ้าขาวบนราวชีวิต
บทที่ 6 ไม่มีนกตัวไหน พอใจจะอยู่ในกรง
เช้าวันนี้สตาร์อาการดีขึ้นมาก เพราะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ทั้งยังได้ยาจากหมอช่วยฟื้นฟูร่างกายที่โรยแรง
“ถ้าดีไม่ดียังไงก็บอกแม่สักก่อนช่วงบ่ายนะ แม่จะได้นัดกับครูถูก” ขณะที่กำลังจอดรถส่งลูกสาวสิรินก็สั่งขึ้น มือเรียวของสตาร์ชะงักลงทันที เมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่
“แม่ว่าไงนะ”
“โอ๊ย อาการดีขึ้นหรือมันไม่ดีขึ้นยังไงก็บอกแม่แต่เนิ่น ๆ แม่จะได้นัดครูถูก” สตาร์ไม่ได้ถามซ้ำเพราะว่าไม่ได้ยิน แต่เธอไม่คิดว่าในความคิดของแม่จะยังคงคิดเรื่องที่จะพาเธอไปเรียนพิเศษ
“แม่จะพาไปเรียนอะไรอีก”
“เดินแบบไง อีกอาทิตย์เดียวแล้วนะสตาร์ เดี๋ยวก็ไปเดินตื่นเวทีอีก”
“หนูป่วยอยู่นะแม่หมอก็เพิ่งบอกให้พักผ่อนเยอะ ๆ”
“แต่เมื่อคืนแกก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ วันนี้ก็ตื่นสายแม่ทำให้ทุกอย่าง อย่าขี้เกียจแม่ไม่ชอบ” สิรินพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มและดุขึ้น เธอรู้สึกว่าพอเริ่มอ่อนให้กับลูกสาวข้อต่อรองมากมายคงจะไหลมาไม่หยุดแน่
“ค่ะ”สตาร์เลือกที่จะตอบเพียงสั้น ๆ เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าหากเถียงกันไปก็เปล่าประโยชน์แม่ของเธอต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองชนะอยู่แล้ว เหนื่อยเปล่าหากคิดจะเถียงกับแม่
“ดี กินยาด้วยล่ะ หวังว่าจะได้ฟังข่าวดี” สิรินพูดทิ้งท้ายก่อนที่ลูกสาวจะลงจากรถ ‘ข่าวดีเหรอหึ’ ทันทีที่รถของสิรินแล่นออกไปจากหน้าโรงเรียน สตาร์รีบวิ่งข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วตรงเข้าไปในซอยเปลี่ยวที่นัดกับเฟิร์สไว้ ตลอดทางที่เดินมาก็พยายามมองหน้ามองหลังระวังตัวเอง เพราะกลัวว่าแม่จะตามมา ก่อนถึงจุดนัดหมายสตาร์นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ มือเรียวล้วงเข้าไปในกระโปรงนักเรียนเพื่อหยิบเอาซิมการ์ดที่ถอดออกจากเครื่องตั้งแต่ก่อนจะออกจากห้องที่บ้านออกมาโยนใส่ถังขยะ ก่อนจะเดินต่อไปจนถึงจุดนัดหมายที่ลับจากสายตาผู้คน
“ทำไมมาเร็วจังวะ” เฟิร์สเอ่ยถามก่อนจะยื่นหมวกกันน็อคให้กับแฟนสาวของเขา
“อย่าถามมาก รีบไปเถอะ” สตาร์นัดกับเฟิร์สไว้ตั้งแต่เช้า เธอวางแผนจะโดดเรียนมาตั้งแต่แรก ยิ่งแม่บอกว่าจะพาไปเรียนพิเศษต่อก็ยิ่งไม่อยากจะเรียน
“แล้วนี่มึงจะไปไหนเนี่ย” ระหว่างทางเฟิร์สหันไปถามคนที่ซ้อนยู่ด้านหลัง
“เออไปก่อน ไปไหนก็ได้ ไปไกล ๆ” เฟิร์สไม่ได้ถามอะไรต่อเขาขับรถไปเรื่อย ๆ จนถึงริมแม่น้ำที่สตาร์ชอบขอให้พามานั่งเล่น ตรงจุดนี้ไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่าน เพราะมันดูสกปรก และเปลี่ยวจากสายตาผู้คน เสี่ยงต่ออันตราย
“แม่มึงรู้ขึ้นมาจะทำไง โดเรียนมาแบบนี้” เห็นสตาร์ยืนเหม่ออยู่พักหนึ่งเขาจึงได้ตัดสินใจถามขึ้น
“กูโทรไปลาครูแล้ว” เธอตอบเพียงสั้น ๆ
“แล้วอาการเป็นไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง”
“นี่แหละคำถามนี้แหละที่กูรอให้แม่ถาม แต่มึงรู้ป่ะ นอกจากเขาไม่ถามแล้วเขายังมาสั่งให้กูหาย เพื่อที่จะพากุไปเรียนเดินแบบโง่ ๆ อะไรนั่นอีก” สตาร์หันมาพร้อมกับคราบน้ำตาที่กำลังไหลอาบสองแก้ม เฟิร์สเองพอได้เห็นภาพที่สตาร์ร้องไห้แบบนั้นก็นึกตกใจ
“เออใจเย็น ค่อย ๆ หาทางออกไปก็แล้วกัน คุยกับเขาได้ไหมว่าไม่อยากทำ เขาน่าจะเข้าใจมั้ง”
“ก็พูดไม่รู้กี่ร้อยหรือกี่ล้านรอบแล้วว่ากูไม่อยากทำ กูอยากมีอิสระ กูอยากเดินบนทางที่กูเลือกเอง แต่มึงรู้ไหมนอกจากแม่กูจะไม่เข้าใจแล้ว กูยังโดนทำโทษอีก แม่ตัดเงินค่าขนม ตัดเน็ต เพิ่มตารางเรียน ทำทุกอย่างที่กดดันให้กูต้องยอม ก็เลยต้องทนมาจนถึงตอนนี้ไง” เฟิร์สเองก็พอจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสตาร์กับแม่ของเธออยู่บ้าง เขารู้ว่ามันแย่แค่ไหน ยิ่งคนที่ไม่เคยถูกตีกรอบชีวิตแบบเขา เรื่องที่สตาร์ต้องเจออยู่ในตอนนี้ถือว่ามันค่อนข้างจะรุนแรง
“แต่ยังไงวันนี้มึงก็ต้องไปเรียนเดินแบบใช่ไหม ถ้ามึงยังไม่ดีขึ้นแม่ก็น่าจะให้มึงพักมั้ง”
“ไม่ กูจะไม่กกลับไปอีกแล้ว กุจะไม่บินกลับไปอยู่ในกรงอีกแล้ว เราจะหนีไปด้วยกัน” เด็กหญิงในชุดนักเรียนมัธยมปลายบอกกับเด็กชายที่กำลังนั่งคร่อมอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์
“จะไปไหน มีตังค์เหรอ” เขาตอบกลับเธอด้วยคำถามผ่านน้ำเสียงห้วน ๆ จริง ๆก็ไม่เห้นด้วยนักกับเรื่องที่จะหนีออกจากบ้านแบบนั้น
“ตังค์อะมี แต่ยังไม่รู้จะไปไหน อยากไปไกล ๆ ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่” เด็กหญิงบอกกับอีกฝ่าย อย่างเหม่อลอย ดวงตากลมโตมองทอดออกไปในแม่น้ำที่กว้างใหญ่
“มึงแน่ใจหรือเปล่า ว่าจะทำแบบนี้”
“มาขนาดนี้แล้ว มันถอยได้ไหมล่ะ”
“กูแค่อยากให้มึงคิดดีดี ถ้าหนีกันไปตอนนี้ กูก็จะเรียนไม่จบ มึงเองก็จะเรียนไม่จบเหมือนกัน แล้วชีวิตมึงไม่เคยต้องลำบาก แน่ใจเหรอ...ว่าจะหนีตามกูจริง ๆ”
“แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีก นี่บัตรเอทีเอ็มเงินเก็บทั้งหมดของกูที่แม่ยึดไว้กุขโมยมาเมื่อเช้า นี่เอกสารสำคัญเกี่ยวกับกูกูเก็บมาหมดแล้ว เสื้อผ้าช่างแม่ค่อยไปซื้อเอาข้างหน้า ซิมโทรศัพท์ก็ก็หักทิ้งไปหมดแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าแม่จะตามกุเจอ”
“แต่ถ้ามึงหายไปเขาก็ต้องไปแจ้งความป่ะวะ”
“ก็หนีไปที่ที่เขาจะตามเราไมได้ดิวะ ถ้าเราหนีไปตั้งแต่ตอนนี้ กว่าเขาจะรู้ตัวเราก็ไปได้ไกลแล้ว”
“มึงเอาจริงใช่ไหมเนี่ย”
“เออ ขนาดนี้มึงยังคิดว่ากุจะเล่น ๆ อีกเหรอ” เฟิร์สได้แต่นั่งนิ่งใช้ความคิด เขาเห็นใจสตาร์ที่ต้องทนรับแรงกดดันจากแม่มากมายขนาดนั้น แต่ถ้าหนีกันไปตอนนี้ต่างคนก็ต่างยังเรียนไม่จบ อนาคตมันจะเป็นยังไง