CHAPTER 3
“ไปไหนมา รอจนรากงอกจะย้ายก้นไม่ได้แล้วเนี่ยปวดไปหมดอย่าว่าแต่ลุกขึ้นยืนเลยนั่งยังไงให้ไม่ปวดเหน็บไม่กินให้ได้ก่อนเถอะตอนนี้” คิ้วสวยผูกเป็นปมแทบชนกันใบหน้าหวานบิดเบี้ยวริมฝีปากยู่ถูกส่งมาให้ เมื่อสายตาของคนหวานๆ เห็นผมเดินเข้ามาในสนาม ริมฝีปากน้อยๆ บ่นยาวเหยียดราวกับว่าอัดอั้นมานานซึ่งพอเห็นผมเธอก็เลือกใส่เต็มเหนี่ยวทันที “รู้มั้ยว่านั่งรอ คาบบ่ายไม่ได้เรียนนี่อย่าบอกนะว่าแอบโดดไปสิงอยู่ร้านเกมส์นอกโรงเรียนอีกแล้ว”
“เปล่า”
ผมปฏิเสธพร้อมส่ายหน้า
“แต้กะ” (จริงเหรอ)
“แต้ๆ ” (จริงๆ)
พอคนหวานๆ ส่งภาษาเหนือมามีเหรอที่ผมจะพลาดโต้กลับด้วยภาษาเหนือเช่นกัน มันคือความเคยชินไปเสียแล้วซึ่งน้อยนักเหมือนกันนะที่คนหวานๆ เขาจะพูดหรือพิมพ์ให้เห็นแต่ในเมื่อใช้มาผมก็ใช้กลับ
“แล้วไปไหนมารู้หรือเปล่าว่านั่งรอนาน”
สายตาหรี่จับผิดถูกส่งมา
สายตาที่ทำให้ผมอดเผลอยิ้มไม่ได้
“ขอโทษแต่ไม่คิดว่าจะนั่งรอตั้งแต่คาบบ่ายนึกว่านั่งอยู่ในห้องเรียนพอบ่ายสี่โมงครึ่งก็รีบมาเหมือนทุกครั้งไงส่วนที่มาช้ากว่าปกติคือไปเปลี่ยนเสื้อมา” มันคือความจริงเพราะตอนนี้ตัวผมไม่ได้ใส่เสื้อนักเรียนแต่ว่าเป็นเสื้อฟุตบอลทีมเชียงรายยูไนเต็ดส่วนกางเกงขาสั้นเป็นสีดำ “แล้ว...”
“แล้ว?”
“ไม่ไปนั่งบนสแตนดีๆ มานั่งอะไรข้างสนามหญ้า” ที่ว่าก็คือสายตาดันไปเห็นไรผมของเธอมีเม็ดเหงื่อซึมไหลลงรอบกรอบหน้าอีกทั้งใบหน้าขาวดูดีๆ แดงกร่ำเนื่องจากอากาศร้อนแม้จะเย็นแล้วก็ตามบอกตามตรงก็ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่แหละอากาศร้อนไม่เหมาะให้เธอนั่งเหงื่อโชกขนาดนี้ยิ่งเหงื่อออกเสื้อนักเรียนสีขาวเปียกชื้นจนเห็นด้านในจะดีหน่อยก็คือคนหวานๆ เธอใส่เสื้อซับด้านในไม่ใช่แค่ใส่เสื้อในโดดๆ อย่างหลายคนทำ “ดื้ออีกแล้วเหรอ”
“เปล่า”
“ดื้อ”
“เปล่านั่งนานขี้เกียจย้ายก้น”
“ก้นไม่ใหญ่”
“ไอ้ทะลึ่ง!”
“ตามใจนั่งตรงนี้ก็ได้” ผมถอดเสื้อคลุมสีดำสนิทบนตัวโยนไปที่ตักของคนหวานๆ เนื่องจากอีกคนรู้งานดีจึงรีบเอามาคลุมตัวไว้จากนั้นก็นั่งลงข้างเธอก่อนยื่นถุงเซเว่นวางไว้บนตัก “อีกห้านาทีลงแล้วอย่ามองค้อน”
รู้ว่าอีกฝ่ายต้องถาม
เพราะรู้เลยตั้งใจชิงบอกก่อน
“หูยยย... มันบดของโปรด มันฝรั่งซองโต นมตราหมีรสน้ำผึ้งแสนหอม”
“เลี้ยง”
“ใจดีมากแบบนี้รอได้ทุกวันถ้าเสบียงแน่น”
“ให้มันจริงเถอะ” ไม่ว่าเปล่าผมถอด Apple watch ที่ข้อมือกับล้วงโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์โยนไปกองที่กระโปรงของอีกฝ่ายที่รับรู้แต่ไม่เอ่ยปากว่าอะไรเพราะมันบดยังคาปากไม่ทันกลืนขนาดนั้น “วันนี้เล่นแป๊บเดียวไม่นานนะ”
“ทำไมล่ะ รุ่นน้องมานั่งมองเต็มเลย”
“มีใครบางคนเคยบ่นบอกว่าอยากชาเขียว”
“คิดเข้าข้างตัวเองได้มั้ยเพราะเมื่อวานฉันพึ่งบอกไป” รอยยิ้มที่ผมขัดอะไรไม่ได้ต้องมาจากคนนี้จริงๆ แล้วในตอนนี้ก็พอนึกอะไรออกมาอีกอย่างหนึ่งผมล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุมที่อยู่บนตัวเธอหยิบกุญแจรถส่งให้ไปกองกับพวกโทรศัพท์ “วันนี้เอาหอมขาวมาแล้วทำไมกุญแจเป็นหอมแดง”
“ติดตามเพจงั้นสิ?”
“เผลอ”
“เอาตรงๆ”
“นมหอมดีอร่อยมากรีบไปแตะบอลรีบมาหิวชาเขียวโว้ย”
“ได้ยินคำตอบร้าน Little home จะเป็นของคนชื่อน้ำหวาน ดาวนิลทันที”
“ได้บอลได้เล่นแบบนี้ใช่มั้ย” หลอดสีขาวของนมรสน้ำผึ้งถูกริมฝีปากอมชมพูงับอยู่ถูกปล่อยทันทีก่อนที่ใบหน้าจะมองมาทางผมซึ่งนั่งข้างๆ แบบเต็มๆ ในแง่พ่อแง่แม่งอนคงกำลังจะเกิดขึ้นจริงๆ เสียแล้ว “เอาแบบนี้จริงๆ ใช่มั้ย”
“แน่นอนไม่เคยเปลี่ยนใจ”
ผมเลือกยืนยันกับคำพูดความคิดของตัวเอง
“จะเล่นกับคนผู้หิวโหยจริงๆ”
“ถามอีกก็ตอบว่าใช่อีก” ไม่มีอะไรมากหรอกผมแค่อยากได้ยินถึงแม้ตอนนี้ไอ้พวกเพื่อนเวรต่างตะโกนจากสนามบอลให้ไปเตะบอลแล้วก็ตามส่วนผมยังไม่กระดิกตัว “Little home รอคุณอยู่นะ เค้กอร่อยๆ ชาเขียวรสที่ชอบนักหนา”
“อืมติดตามอยู่”
“ติดตามเพจ?”
“ติดตามคนชื่อนิลกาฬ ธนาธิการ”
เหี้ย...
ร่างกายผมชาไปหมดเพราะจบประโยคคนหวานๆ ยิ้มหวานให้โลกแทบหยุดหมุนเวลาทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหวเมื่อผมได้เห็นสิ่งที่คนหวานๆ ทำในตอนนี้
โคตรของโคตรน่ารัก
เอาจริงเลยนะไม่รู้ว่าจะเล่นบอลไหวหรือเปล่าตอนนี้
“ถามจริงคิดว่าทำแบบนี้น่ารักมากเหรอ... เออมันน่ารักมาก”
เรื่องนี้ผมไม่เถียงไม่มีอะไรที่ต้องปฏิเสธทั้งนั้นและดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกในการเอ่ยพูดคำแบบนี้ออกไปต่อหน้าของคนหวานๆ เธอยังส่งยิ้มมาให้ผมไม่มีท่าทีแปลกใจอะไรเลยราวกับว่าเฉยๆ
หรือ... เธอไม่เคยหวั่นไหวกับผมนะ
ได้แค่นี้ละมั้ง ชาตินี้ของผม
ความหวังคำนี้อย่าถามเลยเนื่องจากมันอยู่ในจุดที่ดูลิบหรี่เหลือเกินมีแค่สองทางเท่านั้นไม่มอดดับก็สว่าง ผมอาศัยอยู่ในจุดที่เลือกไม่ได้เช่นกันว่าต่อไปผลของการกระทำของตัวเองมันจะเป็นยังไงไปในทิศทางไหนแต่มีสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับนั่นก็คือไม่ว่าจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ผมต้องยอมรับมันให้ได้
แต่บอกเลยว่าไม่ใช่ตอนนี้
ไม่ใช่เวลานี้ซึ่งยังทำใจไม่ได้จริงๆ
“...”
“อย่าทำตัวน่ารัก”
“ทำไมอ่ะ”
ยัง ยังไม่เขาใจอีกอีกทั้งยังส่งริมฝีปากยู่มาพร้อมกับคำถามซึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพอผมเห็นแบบนี้ทีไรต้องเผลอยิ้มออกมาทุกครั้ง
“บอกก็คือบอกแล้วทำตามด้วย”
“น่ารักใช่มั้ย น่ารักมากใช่เปล่า”
“...”
“ทำไมอึ้ง ยังหายใจอยู่หรือเปล่าเนี่ยบอล บอล!”
“ยะ อยู่ๆ”
“ตกลงว่าไงน่ารักมั้ย”
“คิดเอง” สุดท้ายผมก็ไม่บอกไปเพราะกลัวจะมีคำถามซ้ำตามมาอีกแล้วอาจทำให้เผลอปล่อยความคิดให้ฟุ้งซ่านต่อทั้งที่ความจริงอยากพูดออกไปแทบแย่ อยากชมทุกวันทั้งที่ไม่ใช่แค่พูดลับหลัง อยากพูดต่อหน้า “คิดมากๆ หน่อย”
“แบบนี้ก็ได้เหรอ บอกซ้ำก็ไม่ได้”
“...”
“แบบนี้ก็ได้เหรอ บอกซ้ำก็ไม่ได้”
“...”
“แบบนี้ก็ได้เหรอ บอกซ้ำก็ไม่ได้”
“นี่กวนใช่มั้ยหวาน”
“แบบนี้ก็ได้เหรอ บอกซ้ำก็ไม่ได้”
“ได้เล่นแบบนี้ได้เลย”
ได้เลยหวาน ได้...
“ทำไมบอล?” เธอยักคิ้วลิ่วตากลมส่งมาให้ผมโคตรกวนเป็นที่สุดแล้วมันก็น่ารักที่สุดเช่นกัน “แบบนี้ก็ได้เหรอ บอกซ้ำก็ไม่ได้”
“ได้หมดแหละถ้าอยากให้ได้”
มันแล้วแต่ผมอยู่แล้วเพราะยังไงในสายตาของผมคนข้างกายก็สำคัญที่สุดเช่นกัน การมองออกไปข้างหน้าซึ่งเป็นสนามบอลกว้างสีเขียวสะท้อนสายตาทำให้ผมรับรู้ว่าไอ้พวกเพื่อนเวรมันแอบอู้พักอยู่อีกด้านหนึ่งไม่ได้ลงเล่นเหมือนตอนที่เข้ามาในตอนแรกอีกทั้งสายตาของพวกมันดันส่งมาทางผมก่อนที่จะกระหน่ำส่งทั้งเสียงเรียกส่งข้อความทางไลน์ทางเฟซมาแบบรัวๆ ต้นเสียงที่อยู่บนตักของคนหวานๆ
ฉะนั้นผมจึงคว้าโทรศัพท์มากดเปิดโหมดเครื่องบินทันที
ตัดปัญหาไปเลย
ไอ้พวกนั้นมันเหี้ยไป
“แบบนี้ก็ได้เหรอ บอกซ้ำก็ไม่ได้”
“เออน่ารัก น่ารักมาก”
“ก็แค่นี้ ฮึ่ย!” ยังแถมบึดริมฝีปากส่งมาให้ด้วยมันจริงๆ เลยผู้หญิงคนนี้ “ครบห้านาทีแล้วมั้ง”
“รู้ดี” รู้ทุกอย่าง รู้มากกว่าไอ้บีมผู้ซึ่งเป็นน้องในไส้แต่ไม่รู้เลยว่าผมไม่อยากเป็นเพื่อน บางครั้งก็มีการแสดงออกชัดนะชัดแบบมองจากที่ไหนก็ต้องรับรู้ว่าไอ้ความรู้สึกของผมที่แสดงออกผ่านแววตาผ่านการกระทำมันไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นแค่เพื่อน “แต่ถ้ารู้มากอีกสักหน่อยจะดีมากเลย”
“เรื่อง?”
“ไม่เอ๊ะใจบ้างเหรอ”
“ก็ถามอยู่ว่าเรื่องอะไร?”
“ทุกเรื่องอ่ะหวาน”
“รู้”
“...”
หา...
หัวใจผมตกลงไปถึงตาตุ่มมองใบหน้าคนหวานๆ ค้างตรึงเอาไว้แบบนั้นไม่โฟกัสสายตาไปจากมันเลย ทุกอย่างที่ปะทุออกมาในทุกความรู้สึกของผมนั้นแทบเอาไม่อยู่
เพราะไอ้คำว่ารู้ตัวเดียว
เพราะมันเลย
“รู้ว่าบอลคนแบดๆ ขวัญใจนักเรียนทั้งมอต้นมอปลายฮอตมาก”