CHAPTER 4

2292 Words
CHAPTER 4 “รู้ว่าบอลคนแบดๆ ขวัญใจนักเรียนทั้งมอต้นมอปลายฮอตมาก” “เห้อ” ไม่ใช่เสียงถอนหายใจแต่เป็นเสียงจากคำพูดพยางค์เดียวของผมมาพร้อมกับใบหน้าชินชาไม่ตกใจเหมือนตอนแรกที่หูได้ยิน “อ่ะนี่” แต่แล้วคนหวานๆ เขาก็ยื่นข้อมือซ้ายมาตรงหน้าผมพร้อมกับดูดน้ำไปด้วยซึ่งผมก็รู้ดีว่าต้องทำยังไงต่อไปโดยรีบเอื้อมมือไปจับยางมัดผมสีดำเส้นเล็กจากข้อมือขาวออกมาใส่ไว้ที่ข้อมือซ้ายของตัวเอง “คืนด้วยนะหายทุกครั้งอ่ะเป็นล้านเส้นแล้ว” “อย่าหน้ายู่เดี๋ยวซื้อคืน” “พูดแบบนี้ตั้งแต่ม.4 สักเส้นก็ไม่เคยเห็นเพื่อนคนอื่นไม่เห็นยืมเลย” “บ่นหน่าแต่รู้มั้ยว่าไม่มีผู้ชายคนไหนบนโลกมันอยากเป็นเพื่อนกับคนที่ตัวเองรักหรอกนะหวาน” “...” “ให้ตายยังไงก็ไม่อยากเป็น” รวมไอ้คนที่อยู่ต่อหน้าคนนี้ด้วย “ทำไมผู้ชายเข้าใจยาก คนพวกนี้คิดมากด้วยเหรอนึกว่าวันๆ คิดแค่เล่นบอลเล่นเกมส์เสียอีกเหมือนนายอ่ะบอล” เอ้านี่ตกลงผมผิดเหรอ ผิดที่พูดแล้วเกิดมาเป็นผู้ชายสินะและก็ผิดที่ผมทำให้เธอเห็นใช่ไหม “แต่ก็งงนะทำไมไม่พูดออกไปเลยอย่างที่รู้สึกมันจะไปยากอะไรแค่เปิดปากสิหรือว่าที่ไม่กล้าเพราะกลัว” เออกลัวดิ กลัวมากด้วยจะเข้าใจอะไร ก็ได้แต่คิดแล้วเอ่ยในใจเท่านั้นแหละคิดเหรอว่าผมจะพูดออกไปจริงๆ “จ้ะ” นี่คือสิ่งที่ผมเอ่ยประชด “ทำไมสีหน้าเหมือนด่าในใจ” เอาแล้วตัวกู “เปล่า ใครจะกล้า” “อย่าให้รู้นะว่าแอบนินทาฉันจะจิกปากด้วยเล็บทั้งสิบนิ้วเลย” “จ้าแม่คุณ ดุมาก” พูดเสร็จแทนที่จะลุกขึ้นไปเตะบอลแต่ผมกับไม่ทำยังนั่งทำหน้าบื้อมองคนข้างกายตัวเองในการขบเคี้ยวของกินอยู่ในปากไม่ยอมถอยแม่งกินดุฉิบหายเลยว่ะ ริมฝีปากสีพีชออกชมพูงับช้อนมันบดเข้าไปในปากจากนั้นก็ใช้ลิ้นลิ้มเลียรอบขอบปากก่อนส่ายศีรษะดุกดิกเพื่อให้คนมองได้รับรู้ว่ารสชาติของมันบดนี้มันสุดๆ แล้ว โคตรแม่งน่ารัก โคตรของโคตรอ่ะ น่ารักเท่าโลกจริงคนนี้ “กินมากระวังเป็นถังแก๊สล่ะ” “ปากเสีย ปากปีจอ ปากไม่ดีใครเขาให้พูดแบบนี้กันน่าเกลียดที่สุด” “อ้วนแบบน่ารักไง” “อ้วนที่ไหน ตรงไหนคืออ้วน 43 สูง 165 ต่ำกว่าเกณฑ์โว้ย!” สุดท้ายรู้อะไรไหมว่าผมโดนใบหน้าหวานหงุ่ยใส่แถมฟึดฟัดแต่ก็ยังตักมันบดเข้าปากรัวๆ กระทั่งเหลือแค่ถ้วยอันว่างเปล่า ไม่รู้แหละว่าสิ่งที่ผมเห็นมันจะไม่น่ารักในสายตาใครทว่ามันดีมากในสายตาของผมแล้วเมื่อนั่งนานๆ การใช้มือเท้าไปด้านหลังค้ำกับพื้นดินเพื่อมองคนหวานๆ ไม่กี่นาทีไม่นึกว่าแค่ผมทำแบบนี้ไม่นานรูปที่ถูกถ่ายจากด้านหลังทั้งผมและคนหวานๆ ก็ว่อนทางเพจจนได้ ด้านหลังที่แขนผมล้ำไปทางแผ่นหลังเล็กของคนหวานๆ ด้านหลังที่มีด้านหน้าในรูปเป็นสนานฟุตบอล โคตรเหมือนแฟนมาเฝ้าแตะบอล ทั้งที่ความจริงแค่เพื่อน ทั้งที่ผมไม่คิดว่าเป็นเพื่อน “รูปนี้...” “ทำใจเหอะวะ” “...” ถ้ายิ่งผมขยับตัวมันก็มีทุกวันนั้นแหละ ถ้าไปไหนคนเดียวหรือว่ากับใครก็มีให้เห็นตลอด ดีที่มีให้เห็นเฉพาะกับกลุ่มเพื่อนน้องแล้วก็คนหวานๆ คนอื่นไม่มีให้เห็นเลยถ้ามีผมจัดการแน่ ไม่โวยวายก็ไม่ใช่จะชอบใจนอกจากสามอย่างนี้ก็อย่าหวัง รู้ไหมมีบางครั้งผมก็คิดนะว่าเธอจะรู้สึกยังไงที่ถูกเอามาเขียนเอามาเชียร์แบบนั้น จะโกรธจะพอใจจะคิดยังไงด้านบวกหรือด้านลบ ความรู้สึกทุกอย่างที่หล่อหลอมเป็นคนหวานๆ เกิดขึ้นการใส่ใจของผมมีสำหรับเธอเสมอแหละทุกเรื่องทุกอย่างเลยก็ว่าได้ “คิดยังไงก็บอกนะ เอาที่เป็นความรู้สึกจริงๆ เลย” ผมถามจริงจัง “สวยดี” “หา...” โทรศัพท์ในเคสสีหวานยังค้างต่อหน้าผม วันนี้เอาจริงนะคนหวานๆ ทำผมอึ้งหลายครั้งแล้วเหมือนโดนรุกด้วยหมัดหนักๆ แต่จากนั้นก็ไม่มีอะไรราวกับว่าเป็นคำพูดปกติ “ว่าไงนะหวาน” “บอกว่าสวยดี แสงสีได้หมดเลยนะคนถ่ายมีฝีมือ” “แล้ว...” “ชอบโว้ย” “มีทุกอย่างเลยนะ” ครบทุกอย่างในตัวเองรอยยิ้ม ตาหยี ใบหน้าเรียว นิสัยเรียบร้อย นิสัยโวยวาย นิสัยทุกอย่างที่ทำให้เธอเป็นตัวของตัวเองไม่ว่าด้วยเรื่องอะไรมีครบหมดจริงๆ “ว่าไงนะ ฉันไม่ได้ยิน” “ก็ดี” ดีจริงๆ เมื่อผมเห็นหวานกดเข้าไปในรูปนี้อีกครั้งพร้อมกดเซฟลงเครื่อง “ไอ้เหี้ยบอลตกลงมานั่งดูใช่มั้ย กลุ่มเตะบอลยังจำเป็นมั้ยวะ” “...” ผมหันไปทางสนามเมื่อได้หินเรียกเหงื่อโชกตัว “แม่งเหี้ยมากยังมีหน้ามาหยักคิ้วใส่กูอีก รีบเอาใบหน้าหล่อๆ มาให้บอลกระแทกหน้าซะ” “เออๆ ไปแล้ว” ผมลุกขึ้นเต็มความสูงกำลังจะเดินไปยังสนามทว่าต้องหันกลับมามองคนหวานๆ อีกครั้งหนึ่งแล้วก็ได้รับใบหน้างงๆ กลับมา “หวาน...” “ว่า” “...” “พูดดิไม่ได้อมอะไรอยู่ในปากทำไมไม่พูดล่ะหรือจะบอกว่าน่ารัก” “น่าฮักขนาดครับ” บอล นิลกาฬ ธนาธิการ: TALK END ~ไลน์~ Ba.ll N.W : ถึงแล้ว ลงมา N.W Dawnil : โอเค Ba.ll N.W : ครับ แค่นี้ฉันก็รีบวิ่งจากห้องชั้นสองลงมาโดยไม่ลืมล็อคบ้านให้แน่นหนาจากนั้นก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหยุดตรงหน้าบ้านเมื่อสบตาเข้ากับคนรอพร้อมกับหอมขาวจึงยกยิ้มส่งให้แล้วหันมาจัดการล็อคประตูหน้าบ้านอีกครั้งหนึ่งก่อนหันกลับไปพร้อมหย่อนพวกกุญแจลงในกระเป๋าสานสะพายข้างใบเก่งที่มีดอกไม้สีชมพูประดับอยู่ด้วย “ไม่เห็นเกือบสองอาทิตย์ไม่เห็นดำลงเลย” “ไหนเสื้อแขนยาว” เอ้า... ไม่มีอารมณ์ขันเลยไอ้คนนี้แถมยังใช้สายตาจ้องแข็งกร้าวจนอยากหยิกหนังตาจริงๆ แต่ก็ทำได้แค่คิดและส่งยิ้มแห้งกลับเมื่อคิดได้ว่าตัวเองลืมเสื้อแขนยาวไว้บนเตียงห้องของตัวเอง “ใส่ซะ” จนแล้วจนรอดก็มีเสื้อแขนยาวส่งมาแล้วฉันก็รับมาถือเรียบร้อย เสื้อนอกแขนยาวของนักศึกษาวิชาทหารที่ปักชื่อของคนตรงหน้าเรียบร้อยส่วนคนที่ส่งนั้นใส่ชุดเสื้อแขนสั้นสีขี้ม้าด้านในสวมหมวกกันน็อคเปิดส่วนหน้าของหมวกขึ้นจึงทำให้เห็นดวงตากลมโตชัดเจนไปถึงความยาวงอนของขนตาที่การันตีได้ว่าผู้หญิงหลายคนต้องอิจฉาแน่ๆ แค่นี้ก็หล่อลากหล่อทะลุหมวกแล้วแหละ บอลคนแบดๆ คนเนื้อหอมของโรงเรียน “อ่า อย่าดุสิเดี๋ยวขึ้นไปเอาที่ห้องก็ได้” “ไม่ต้องไหนอยากเที่ยวไม่ใช่ทำเวลาหน่อยแล้วก็อย่าพึ่งพองแก้มทำปากจู๋ รีบใส่เสื้อหวาน” “ฮึ่ย!” ชื่อ ‘น้ำหวาน’ คือชื่อของฉันเองแต่ไอ้คนที่กำลังเป็นคู่สนทนาอยู่ในตอนนี้ชอบเรียกว่าหวาน ในเวลาโกรธหรือกำลังส่งเป็นสัญญาณเตือนบอลมักเรียกว่าน้ำหวานแบบชัดเจนด้วยน้ำเสียงต่ำสุดตบท้ายการส่งแววตาน่ากลัวให้ได้เห็น เอาเป็นว่าทำให้คนอย่างฉันหยุดชะงักได้เลยแหละ เพราะกลัวแหละไม่มีอะไรมาก “อย่างอแงหรือไม่ไปล่องสะเปาที่สะพานออเร้นจ์อ่ะ” “ไป” การที่ฉันไม่พอใจแต่ก็ต้องรีบใส่เสื้อร.ดทับเสื้อแขนสั้นสีรุ้งพาสเทลของตัวเองจากนั้นก็มีหมวกกันน็อคใบเดิมสีชมพูพาสเทลมาใส่ศีรษะพร้อมล็อคให้เรียบร้อยถัดมาก็กระโดดขึ้นซ้อนท้ายก็เพื่ออยากไปเที่ยวงานล่องสะเปาที่สะพานออเร้นจ์หรือสะพานส้ม (Orange Bridge) สะพานนี้ความจริงแล้วเป็นสะพานแขวนข้ามแม่น้ำวัง ตัวสะพานมีสีส้มวันรุ่นจึงเรียกว่าสะพานออเร้นจ์หรือว่าสะพานส้ม ทุกปีจะมีการจัดงานล่องสะเปาตั้งแต่ห้าแยกหอนาฬิกาไปจนถึงที่สะพานออเร้นจ์ฉันจึงอยากไปเที่ยว “เฮ้ยนี่ไม่ใช่งานนะพามาทำไมที่คอนโดนายไม่ทราบ” รถดับลงฉันกระโดดลงพร้อมโวยวาย “เปลี่ยนเสื้อก่อน ยังไม่ถึงเวลาไปรอไอ้พวกนั้นด้วย” “นัดด้วยเหรอ ใครบ้างอ่ะ” “เหมือนเดิมไอ้หิน ไอ้ก้อง ไอ้ดินและก็ไอ้บีม” “ผู้หญิงหนึ่งเดียวอีกล่ะ” ทุกปีก็เป็นแบบนี้จวบจนปีนี้เข้าปีที่สาม กลุ่มไปก็ยังกลุ่มเดิม “หรือไม่ดีจะได้ปลอดภัย?” “ดีจ้า” ขืนเอ่ยพูดว่าไม่ดีออกไปบอกได้เลยว่าต้องอดแน่ๆ แล้วฉันก็มานั่งจุ่มปุ๊กตรงโซฟาสีเทากลางห้องคอนโดหลังห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เพื่อรออีกคนที่หายหัวไปเลยเกือบสิบนาทีก็ยังไร้วี่แววของการปรากฏตัวใดๆ สายตาก็เคลื่อนมองไปเรื่อยๆ รอบห้อง เท่าที่ดูคอนโดนี้ตกแต่งน้อยชิ้นเน้นเฟอร์นิเจอร์สีดำขาวสลับกันแต่สามารถใช้ได้จริงอย่างเช่น โซฟาตัวที่ฉันนั่งตรงหน้าเป็นโต๊ะกลางหินอ่อนถัดไปก็มีทีวีขนาดใหญ่แนบข้างด้วยกรอบรูปของเจ้าของห้อง ด้านขวาคือระเบียงที่มีม่านเปิดกว้างออกรับแสงส่วนด้านซ้ายนั้นมีมุมหนึ่งก่อนถึงสองแยกตั้งกีต้าร์สีดำไว้ตัวหนึ่งถัดจากนั้นก็เป็นห้องนอนส่วนอีกห้องเดินเข้าไปก็เป็นครัว หรูหราเอาการอยู่นะสำหรับเด็กอายุ 18 ที่เป็นเจ้าของห้องมาถึงสามปีแล้ว ถ้าทุกคนคาแครงใจว่าทำไมฉันจึงยอมขึ้นคอนโดกับเพศตรงข้ามง่ายขนาดนี้บอกเลยว่าไม่ต้องห่วงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เข้ามาเหยียบ ‘บอลหรือว่านายนิลกาฬ ธนาธิการ’ ทำอะไรฉันไม่ได้หรอกบอกเลย บอลอายุเท่ากันรุ่นเดียวกันเท่าที่รู้เขาอยู่คอนโดคนเดียวตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่ลำปางแล้วบ่งบอกว่าฐานะค่อนข้างดีมากหรือไม่ก็คงระดับลูกคนรวย เพียงแค่ว่าบอลไม่เคยอวดรวย เพียงแค่บอลไม่เคยทำอะไรแปลกจากคนอื่น “บอลเร็วๆ หน่อย อยากเที่ยว!” ด้วยความหงุดหงิดหลังจากเคลื่อนสายตามองสิ่งรอบกายวนไปวนมากระทั่งกลับมอยู่จุดเดิมท้ายสุดแล้วรู้ไหมว่าริมฝีปากก็ตะโกนออกมาเรียกด้วยเสียงดังระดับหนึ่งแต่เนื่องจากพิงโซฟาเงยหน้าขึ้นสุดเพื่อต้องการมองไปยังประตูห้องถึงแม้มันจะกลับหัวก็เถอะทว่าสิ่งที่ฉันเห็นไม่ใช่ประตูแต่เป็นบอลที่มายืนค้ำศีรษะตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ “มองทำไม ยิ้มทำไม ทำอะไรชักช้าปล่อยให้รอแล้วไปอาบน้ำเนี่ยนะ” ฉันรีบดีดตัวเด้งขึ้นนั่งแบบปกติพร้อมจดจ้องไปยังคนต้นเรื่องด้วยแววตาหาเรื่องแต่อีกฝ่ายกับส่งยิ้มมาให้เหมือนเอ็นดูนักหนา แปลกจริงเชียวผู้ชายคนนี้ยังมีหน้ามายิ้มอยู่ได้ทั้งที่ฉันแทบกระโดดงับหัว “ก็รีบอาบเสร็จแล้ว” หัวจรดเท้าคือการลอกคราบของนายนิลกาฬเสื้อยืดสีดำเรียบกับกางเกงยีนสีดำขาดเข่ามีเครื่องประดับสามชิ้นบนตัวนั่นก็คือสร้อยสีเงินเส้นเล็ก นาฬิกาและก็แหวนเงินตรงนิ้วชี้ข้างขวาแค่นั้นแต่สามารถดึงดูดสายตาได้อย่าง่ายดายไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมแต่เป็นความดูดี “ไปได้แล้วไอ้พวกนั้นรอที่ซอยข้างวัดเชียงรายเราจอดรถที่นั่น” “เย้!” “ใส่เสื้อด้วย” แล้วเสื้อแขนยาวตัวโคร่งสีดำกลิ่นประจำตัวของบอลก็ถูกอีกคนยื่นมาให้หนีไม่พ้นกับไอ้เสื้อแขนยาวพวกนี้จริงๆ ไม่ว่าจะตอนไหนก่อนหน้าก็เสื้อร.ดนี่มาเสื้ออีกตัวแต่ฉันก็ทำได้แค่พยักใบหน้าแล้วคว้ามาใส่ก่อนเดินตามบอลลงมาจากคอนโดเนื่องจากอยากรีบออกไปเที่ยวแล้วแต่ว่าเมื่อบอลขึ้นนั่งหอมขาวเขาก็ตวัดสายตามาทางฉันสักพักประโยคคำสั่งก็มาอีก “รูดซิบด้วยนั่งรถตอนกลางคืนมันหนาว” “รับทราบ” แล้วฉันกับบอลก็มารวมกลุ่มกับพวกดิน ก้อง หินและก็บีม พอจอดหอมขาวไว้ข้างกำแพงในซอยหนึ่งหินก็รีบเดินนำหน้ามาหยุดที่บอลที่กำลังควงกุญแจรถ บอลหรี่สายตามองเพื่อนของตัวเองส่วนมือก็รับเสื้อแขนยาวจากฉันไปถือไว้ “ไอ้บอลวันนี้สาวๆ น่ารักทั้งนั้นว่ะ เดินผ่านไปมาอยากเข้าไปเป็นคู่ล่องสะเปาด้วยเลย” “แล้วหวานไม่น่ารักตรงไหน” ฉันได้ยินบอลพูดแบบนี้จริงๆ ไม่ได้หูฝาด “กูว่าไม่มีตรงไหนที่ไม่น่ารักนะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD