CHAPTER 5
เกี่ยวอะไรกับฉัน
ทำไมถึงมีชื่อตัวเองไป
นี่ฉันว่าตัวเองอยู่นิ่งๆ แล้วนะยังถูกลากไปเป็นหนึ่งใจบทสนทนาจนได้แต่ก็ช่างเถอะในเมื่อตอนนี้สายตาฉันโฟกัสไปยังงานตรงหน้าซึ่งอยู่ห่างไม่ไกลมากกว่าต้องสนใจอะไรที่ได้ยินเพราะทุกครั้งจะได้ยินอะไรประมาณแนวนี้บ่อยๆ ด้วยซ้ำ
“กูควรตอบมึงว่าไงดีเพื่อนเหี้ย”
“จะตอบยังไงก็ตอบ เอาดีๆ ก็แล้วกัน”
“งั้นเปลี่ยนเรื่องดีกว่า” หินว่าอย่างงั้นเท่าที่ฟังผ่านหู “เรื่องนี้มึงต้องรู้”
“อะไรของมึง?”
“เมื่อกี้ดาวเข้ามาถามหามึงกับพวกกู”
ดาวงั้นเหรอ...
“ดาวไหน?”
“อย่าบอกว่ามึง...”
“อ้อ” คราวนี้ฉันชะงักไปเมื่อได้ยินบอลตอบแบบนี้ออกมาราวกับว่ารู้จักทั้งที่หินยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ้ำ ทำไมถึงได้รู้สึกแปลกๆ ราวกับไม่ค่อยชอบหัวใจบีบอัดความอัดอั้นเอาไว้เต็มเหนี่ยวมันเป็นเสี้ยวเดียวเท่านั้นเมื่อมีสายตาทั้งสองคู่มองมาตรงที่ฉัน ใบหน้าจึงรับหน้าที่ส่งยิ้มออกไปทั้งที่ด้านในห่อเหี่ยวเต็มแก่ทว่าในเวลาต่อมามันก็แค่นั้นเพราะอาการฉันได้จางหายไปเอง คงเป็นประโยคถัดมาของบอลทำเอาดับฝันฉิบหายวายวอดไปตามๆ กัน “กูจำไม่ได้ ไม่รู้จัก”
“ก็แน่มึงเคยมองใครที่ไหน”
“อืม... ก็ตามนั้น”
“จ้าไอ้เพื่อนรัก รักเพื่อน”
“อันนี้ไม่ปฏิเสธนะเพราะจริง”
แค่นี้บอลก็หันมาหาฉันที่ยืนอยู่ข้างกายเสร็จแล้วสายกระเป๋าสะพายที่อยู่บนตัวฉันก็ถูกบอลคว้าดึงทำให้ฉันต้องเดินตามเขาต้อยๆ ส่วนด้านหลังก็มีสี่หนุ่มตามหลังมาติดๆ เช่นกันพอเราทั้งหมดออกจากซอยข้างวัดก็เดินไปตามถนนที่ถูกปิดให้ร้านค้าต่างๆ เข้ามาตั้งขายของไม่ว่าจะเป็นร้านขายเสื้อผ้าวัยรุ่น ร้านขายเสื้อผ้าพื้นเมือง ร้ายขายกระเป๋ารองเท้าทุกอย่างส่วนด้านบนศีรษะนั้นก็ประดับไปดวงโคมไฟหลากสีทิ้งยาวไปสุดถนน
“อยากกินต๊อกโบกิร้านนี้”
“มันคืออะไร”
“อาหารเกาหลี” แน่นอนว่าฉันหยุดเดินท่ามกลางมวลชนของกลุ่มคนที่เดินไปมานอกจากนี้ร้านต๊อกโบกิก็มีคนต่อแถวอยู่จำนวนหนึ่งฉันอยากไปต่อแถวแต่มือหนึ่งต้องจับแขนของบอลไว้พลางแอบเห็นว่าเสื้อแขนยาวบอลเอามันไปพาดไว้กับไหล่เรียบร้อยแล้ว ไหล่กว้างๆ มีพื้นที่ให้เสื้อพาดเยอะแยะ “เห็นในซีรี่ย์บ่อยๆ อยากกิน”
“ตามใจ”
“แล้วนายจะกินอะไร”
“เธอกินอันไหนก็อันนั้นแหละ รู้อยู่ว่าไม่เคยกินหมดทุกครั้งเว้นไอ้พวกที่อยากกินจริงๆ ถึงหมด” ใครบอลว่าบอลตามใจฉันตลอดบอกเลยว่ามันเป็นแค่ภาพลวงตาพอเริ่มเข้าหมวดจริงจังบอลไม่ได้ตามใจอะไรขนาดนั้นนะ ตามใจเฉพาะเรื่องบางเรื่องแต่ถ้าขัดได้เขาก็จะขัดให้ถึงที่สุดเช่นกัน “อย่าให้เผ็ดมากก็พอ รู้ใช่มั้ยหวาน”
รู้ไงถึงพยักหน้าหงึกๆ ยอมรับ
“ดี อยากกินก็กิน”
“งั้นรอแปบน๊า” แค่นี้ฉันยิ้มแฉ่งอวดฟันก่อนปล่อยมือจากแขนบอลแล้วก็ต่อแถวรอต๊อกโบกิจากแม่ค้าในราคาถ้วยละ 40 บาท เป็นถ้วยกระดาษใบเล็กพอได้มาครอบครองก็เดินเข้าไปรวมกลุ่มเดิมแต่ว่าจานต๊อกโบกิถูกมือใหญ่คว้าไปถือเอาไว้อย่างรวดเร็วต่อหน้าเพื่อนๆ ทั้งหมดที่ไม่รู้ว่าแยกไปซื้อของกินเมื่อไหร่ มาอีกครั้งคือทุกอย่างเต็มมือไปหมดไม่เว้นแม้แต่บอล “ร้อนนะ!”
“ไม่เป็นไรแลกกันเอาน้ำไปถือ”
“ก็ได้”
ว่าแล้วจะก็มองจานต๊อกโบกิอยู่แป๊บหนึ่งแต่พอข้างล่างของจานมีทิชชู่วางคั่นก่อนชั้นหนึ่งจากมือใหญ่ก็ค่อยเบาใจได้จึงยื่นมือไปคว้าแก้วน้ำชาเขียวมา
“สองแก้วที่ไอ้ดินโกโก้”
“โอเค” แค่นี้แก้วน้ำโกโก้ที่อยู่ในมือของดินก็มาอยู่ในมือของฉันจากนี้ก็ได้เวลาเดินไปตามถนนเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงคุยกันและแล้วเท้าฉันก็หยุดหน้าร้านขายหมวกหลากหลายชนิดหลายสีเข้าด้วยกัน มีของอยากได้มีเหรอที่เท้าจะเดินผ่านไปง่ายๆ ไม่หยุดยืนนิ่งดูบอกเลยว่าไม่มีทางถึงตลอดเวลาจะมีศีรษะของบอลก้มมางับดูดโกโก้ไปด้วยก็เถอะ “น่ารักมั้ย ใบนั้น”
น้องใบนั้นน่ารักมากเลย
“เหมาะกับเธอดี” แว๊บเดียวที่นัยน์ตาสีดำมองไปยังหมวกสีเหลืองอ๋อยใบนั้นจากนั้นก็มาหยุดมองที่ฉันโดยไม่สามารถคิดเดาได้ว่าอีกคนตอนนี้คิดอะไรอยู่ บอลส่งยิ้มให้ปิดท้ายด้วยการยักคิ้วอย่างกวนตีน “อยากได้?”
“ไม่เอาดีกว่า” ฉันปฏิเสธออกไปแล้วมองไปทางอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงอาการอยากได้หมวกใบนั้นอย่างหักห้ามใจ อยากได้จริงแต่คงต้องอดขนมหลายวันแบบนี้ก็ไม่เอานะ เงินของฉันที่ใช้จ่ายน้าให้เป็นอาทิตย์ขืนเอาไปใช้จ่ายไม่จัดระเบียบรับรองไม่เกินอาทิตย์อดแน่ๆ “อ้าวแล้วหิน ดิน ก้องและบีมหายไปไหน”
“ไอ้พวกนั้นมันแยกไปซื้อของกินเพิ่มมั้งเดี๋ยวไปเจอที่สะพานออเร้นจ์เลย”
“โอเค ป่ะ”
“เดินนำหน้าเดี๋ยวคนด้านหลังเบียด”
พอทั้งฉันและก็บอลมาถึงสะพานออเร้นจ์ที่ค่อนข้างมีผู้คนมากมาย สะพานนี้ข้ามแม่น้ำปิงแล้วเข้าใจไหมว่าเวทีใหญ่ตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งส่วนพวกเรานั่งขั้นบันใดหินอยู่อีกฝากหนึ่งเพื่อมองการแสดงและมองผู้คนที่ต่างหลั่งไหลมาล่องสะเปาเพียงแค่ว่าบริเวณนี้มีวัยรุ่นเยอะแยะ บ้างก็กำลังนั่งชิวแบบพวกเรา บ้างก็กำลังลงไปลอยกระทงและล่องสะเปา บ้างก็จับกลุ่มเตรียมปล่อยโคมลอย
“แล้วพวกนั้นจะรู้มั้ยว่าเราอยู่ไหนบอล”
“นี่ไง”
หน้าจอมือถือที่ค้างแชทของหินเปิดขึ้นแอบทันเห็นนะว่าหินพิมพ์ว่า ‘ไปแล้ว’ สุดท้ายสักพักอีกฝ่ายก็ยังไม่มาเรียกว่าหายหัวเข้ากลีบเมฆไปเลยก็ว่าได้นานขนาดที่ฉันทานต๊อกโบกิกับบอลจนหมดแล้ว รู้นะว่าอีกคนห่วงเพื่อนและน้องมากเพียงไหนดูได้จากการก้มรัวแชทไปหาอีกฝ่ายขนาดนี้
“เป็นไงบ้าง”
“มันหายหัวกันไปไหนวะหวาน”
“ใจเย็น งานนี้ตำรวจเต็มขนาดนี้ไม่เป็นอะไรหรอกอาจจีบสาวอยู่กับได้เห็นเต็มไปหมดอีกทั้งน่ารักๆ ทั้งนั้นแล้วนี่ทักหมดยัง” บอลพยักหน้าแต่สายตายังจดจ้องหน้าจอโทรศัพท์แต่มันนานแล้วเหมือนกันนะ “งั้นไปตามมั้ย”
“กลัวพวกมันสวนทางกับเรานะสิ ยุ่งไปกันใหญ่” ใช่มีโอกาสเกิดสูงด้วยฉันจึงล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาบ้างแล้วทักรัวไปหาทั้ง 4 คนรวมบีมไปด้วยทั้งที่ไม่เคยทักไปหาเลยด้วยซ้ำแต่ตอนนี้มันร้อนใจกระทั่งเสียงข้อความของบอลดังขึ้นหวังว่าจะเป็นพวกนั้นนะ “ตอบมาแล้วหวาน”
ทว่าเสียงของบอลเปลี่ยนไป
สายตาของเขาด้วยที่จดจ้องหน้าจอก็เปลี่ยน
เหมือนกำลังโกรธ
“ไอ้บอล!” ไม่นานเสียงของก้องก็เข้ามาก่อนตัวสักพักก็ตามมาด้วยดิน สองคนใบหน้านิ่งเรียบมองมาที่ฉันแป๊บเดียวจากนั้นก็เป็นดินที่เอ่ยขึ้น “ไอ้บอลไปซื้อสะเปามาลอยกัน”
“เดี๋ยวให้หวานอยู่กับกู” คราวนี้เป็นก้องพูดแทรกขึ้น สถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีเลยทำให้ฉันไม่กล้าออกความคิดเห็นมากนักได้แต่นั่งฟังบทสนทนาพวกนี้เข้าหัว “มึงไปกับไอ้ดิน”
“ไปด้วยกันนี่แหละ”
“เอาจริง?” ก้องถามบอลด้วยใบหน้านิ่ง
“อืม” แค่นี้พวกเราก็เดินสวนฝูงชนมากหน้าหลายตาลัดเลาะตามหนทางเล็กๆ โดยที่ดินกับก้องนำไปส่วนฉันก็ถูกบอลจับมือจูงไปตลอดกระทั่งมาถึงซอยหนึ่งมันค่อนข้างสลัวเล็กน้อยแต่ลับสายตาคนพอหยุดฉันก็เห็นหินและก็บีมเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ชายอีก 4 คน “ไม่ต้องกลัวนะ”
เสียงบอลปลอบฉันพร้อมหันหน้าส่งสายตาห่วงมาให้
“อืม”
พอได้ยินฉันตอบบอลก็ยิ้มแล้วหันใบหน้าไป
“ไปเรียกพวกมานี่เอง” ใครคนหนึ่งพูดขึ้น “ขี้ขลาดกว่าที่คิด”
“พวกนี้ไม่เกี่ยวปล่อยไป” นี่คือเสียงของบีมน้องบอลเขาปัดส่ง “มีแค่กูที่เกี่ยวข้องกับมึง”
“แน่สิมึงเป็นชู้กับเมียกูนิ”
จริงเหรอ...
บีมเป็นชู้กับเมียคนอื่น
“เมียมึงเข้ามาเล่นเองต่างหาก”
“บีม” แต่แล้วบอลก็ส่งเสียงห้ามปรามน้องชายตัวเอง เท่าที่สังเกตทั้งบอล หิน ดิน ก้องและก็บีมต่างก็ทำท่าทางสบายไม่ได้เกรงกลัว “อย่ากร่าง”
“นึกว่าพวกกูกลัวเหรอไอ้เหี้ย!” เหมือนความคุกกรุ่นเริ่มเข้ามาเยือนด้วยความที่ผู้ชายคนเดิมตะคอกใส่หน้าบีมระยะห่างระหว่างฉันกับบอลจึงชิดขึ้นเนื่องจากฉันขยับเข้าไปอีกทั้งยังใช้อีกมือหนึ่งกำชายเสื้อยืดเขาไว้แน่น พวกนั้นไม่เห็นฉันแน่ๆ เพราะโดนแผ่นหลังใหญ่ของบอลบังไว้มิด “มึงจะเอากับกูใช่มั้ย”
“กูเอากับเมียมึงต่างหาก”
ตุบ! ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่หูได้ยินเหมือนเสียงเนื้อกระทบกันดังปึกแล้วร่างกายของบอลก็ขยับนิดเดียวเหลือเพียงแค่ความเงียบงันตามมา พอเป็นแบบนี้ฉันก็อดเอียงใบหน้าไปมองไม่ได้จริงๆ ภาพที่เห็นคือฝ่ามือใหญ่ของบอลข้างที่ว่างกำกอบจับหมัดของไอ้นั้นไว้แน่นไม่ปล่อยค้างกลางอากาศ บอลเอามือตัวเองไปรับหมัดก่อนที่หมัดนั้นจะมาโดนใบหน้าของบีมผู้เป็นน้องชาย
“มึงมาเสือกเหี้ยอะไรวะ”
“ไม่อยากเสือกแต่มือมันไปเอง”