ตอนที่ 8 ภาพอดีต 1.3

3167 Words
15 วันผ่านไป  ร่างสูงเพรียวของรัชทายาทแห่งต้าโจวกำลังยืนใช้ไม้เท้าที่ทำมาจากไม้ไผ่ค้ำยันพระวรกายของพระองค์เพื่อสามารถเสด็จไปไหนได้สะดวกขึ้น พระเนตรเฝ้าจับจ้องเด็กหญิงร่างบอบบางที่มีอายุเพียงแค่ 11 ปีแต่นางกลับมีวิชาแพทย์ยอดเยี่ยมจนถูกกล่าวขานว่าเป็นหมอน้อยเทวดาในสถานที่ซึ่งเรียกว่าหอดวงดาว รัชทายาทแห่งต้าโจวเพิ่งจะทรงทราบว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความลึกลับและเป็นปริศนาไม่เคยมีผู้ใดพานพบและย่างกายเข้ามาได้ หากมีผู้พลัดหลงเข้ามานั้นก็หมายความว่าสวรรค์ลิขิตแต่ก็ไม่สามารถพำนักอยู่ได้ตลอดไป เพราะหมอน้อยเทวดาผู้มีญาณหยั่งรู้ล่วงหน้าจะเป็นคนบอกว่าผู้ใดสามารถอยู่ที่หอดวงดาวนี้ได้หรือไม่ และรัชทายาทแห่งต้าโจวเป็นอีกผู้หนึ่งที่จะต้องถูกส่งกลับไปยังสถานที่พระองค์จากมาทันทีที่พระอาการดีขึ้นและสามารถเดินทางไกลได้ ทันทีที่ร่างเล็กๆ ของหมอเทวดาตัวน้อยมาหยุดยืนอยู่ตรงพระพักตร์ของรัชทายาทแห่งต้าโจว พระองค์รีบรับสั่งกับนางทันทีด้วยความดีพระทัยที่ได้พานพบอีกครั้งก่อนจากลา “ขอบคุณท่านหมอน้อยที่อุตส่าห์มาพบข้าตามคำขอครั้งสุดท้ายก่อนจะต้องออกจากที่นี่”รับสั่งพร้อมทอดพระเนตรหมอเทวดาตัวน้อยด้วยความรู้สึกผูกพันกับนางอย่างยิ่งยวด ก่อนจะยื่นบางสิ่งส่งให้กับนาง “บุญคุณที่ได้ช่วยชีวิตในครั้งนี้ ข้าไม่มีวันลืมจะต้องแทนคุณชีวิตครั้งนี้ให้ได้ในวันหน้า ก่อนจากลาจึงขอมอบหยกประจำตัวข้าให้แก่ท่านเก็บไว้ หากแม้นท่านประสบเหตุอะไรขอเพียงแสดงป้ายหยกนี้ไม่ว่าข้าจะอยู่ไกลสุดหล้าสักเพียงใด จะรีบมาหาท่านหมอน้อยเพื่อช่วยท่านโดยทันที” เว่ยหลินหลางได้ยินเช่นนั้นนางรีบยกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “พี่ชายไม่ต้องเกรงใจข้าหรือมอบสิ่งใดเป็นการทดแทน หน้าที่ของหมอคือรักษาและช่วยชีวิตผู้คนให้อยู่รอดต่อไปเป็นสิ่งที่ข้าควรทำอยู่แล้ว ท่านอย่าได้คิดถือเป็นบุญคุณใหญ่หลวงนี้เลย อีกอย่างหยกล้ำค่าเช่นนี้ข้าไม่อาจรับไว้ได้”เว่ยหลินหลางตอบกลับไป และนั่นทำให้พระพักตร์ของรัชทายาทแห่งต้าโจวสลดลงทันทีเมื่อนางปฏิเสธกลับมาเช่นนั้น จนทำให้อีกฝ่ายเห็นสีพระพักตร์แปรเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน “ได้โปรดรับเอาไว้ด้วยเถิดท่านหมอน้อย นี่คือสิ่งที่ข้าตั้งใจมอบให้จริงๆ ป้ายหยกนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ล่วงรู้ว่าท่านคือคนสำคัญที่สุดของข้า”รัชทายาทแห่งต้าโจวรับสั่งเป็นนัยๆ ทั้งน้ำเสียงและแววตาที่แสดงออกมานั้นทำให้เว่ยหลินหลาง สัมผัสได้ถึงความจริงใจที่มอบให้นาง มือน้อยเรียวงามยื่นไปรับป้ายหยกที่สลักอักษรย่ออันเป็นพระนามของพระองค์เอาไว้พลางลูบคลำไปมาโดยไม่ได้คิดอะไรและไม่ปริปากกล่าวสิ่งใดออกมา “ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจท่านก็แล้วกันและขอบคุณที่มอบให้”เว่ยหลินหลางตอบกลับไปพลางส่งยิ้มให้อย่างมีไมตรี ท่ามกลางสายพระเนตรของรัชทายาทแห่งต้าโจวทรงยินดีอย่างยิ่งยวดที่หมอเทวดาตัวน้อยรับแผ่นหยกจากพระองค์ ถือได้ว่านางได้รับของแทนใจที่พระองค์ตั้งใจมอบให้ และแผ่นหยกที่นางกำลังครอบครองนี้จะเป็นสิ่งที่ชี้นำให้พระองค์ล่วงรู้ในวันข้างหน้าว่าเด็กน้อยจะเติบใหญ่เป็นสตรีสาวแสนสวยและถูกพระองค์เลือกเป็นพระชายานับตั้งแต่นางยอมรับป้ายหยกแผ่นนี้ไป ในขณะที่ทั้งสองกำลังยืนสนทนาอยู่ในขณะนั้น ร่างเล็กบอบบางของเด็กหญิงอีกผู้หนึ่งพลันปรากฏกายขึ้นอยู่ตรงประตูทางเข้าห้องโถงดังกล่าวก่อนจะหยุดชะงักทันทีเมื่อสายตาของนางเหลือบไปเห็นรัชทายาทแห่งต้าโจวทรงยืนรับสั่งกับพี่สาวฝาแฝด และผู้มาเยือนจะเป็นใครไปไม่ได้หากไม่ใช่เว่ยหลิงเหลียน ซึ่งเดินทางขึ้นเขาล่วงหน้ามาก่อนบิดาเนื่องจากการจะมาที่หอดวงดาวได้นั้นจะนำมาได้เพียงครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น และทันทีที่นางเห็นรัชทายาทแห่งต้าโจวก็ตกหลุมรักพระองค์ทันที พระพักตร์คมเข้มกับพระชันษาในปีที่ 15 ย่างเข้าสู่ปีที่ 16 นั้นมีลักษณะองอาจออกมาอย่างเห็นได้ชัด “ผู้ใดกันที่ท่านพี่สนทนาด้วย”เว่ยหลิงเหลียนรำพึงเสียงเบา เพียงครู่เว่ยหลิงเหลียนนึกถึงคำเตือนของบิดาว่าไม่ให้ปรากฏกายพร้อมกับพี่สาวฝาแฝดภายในหอดวงดาวจนกว่าจะได้รับการยืนยันว่าสามารถปรากฏร่างพร้อมกันได้ นางจึงรีบหลบไปยืนอยู่ทางด้านหลังของห้องอย่างรวดเร็วเฝ้ามองรัชทายาทจากต้าโจวค่อยๆ เดินจากไปบริเวณนั้น โดยมีท่านลุงหกนำพระองค์กลับคืนสู่เทือกเขาที่ตั้งอยู่คนละฝั่งกับที่หอดวงดาวและคอยดูแลอย่างใกล้ชิดจนกว่าจะมีคนมารับกลับไป พระเนตรที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าไม่อยากจะออกจากหอดวงดาวแม้แต่น้อย แต่เพราะภาระและหน้าที่ของผู้ปกครองซึ่งจะต้องนั่งบัลลังก์ต้าโจวสืบต่อไปทำให้รัชทายาทหนุ่มน้อยเสด็จจากมาอย่างไม่เต็มใจเท่าใดนัก พระองค์หันกลับไปทอดพระเนตรเทือกเขาสูงเสียดฟ้าอยู่เป็นระยะๆ ก่อนจะถูกผ้าดำปิดตาเพื่อไม่ให้ล่วงรู้ทิศทางสุรเสียงพลันมีรับสั่งถาม “ท่านลุงหกสิ่งหนึ่งที่ข้าอยากล่วงรู้มาโดยตลอดหากถามกับท่านจะได้หรือไม่”รับสั่งถามกลับไป ลุงหกหยุดชะงักทันทีในขณะที่กำลังถือผ้าดำที่จะใช้ปิดตารัชทายาทแห่งต้าโจวอยู่ในขณะนั้น “เจ้าอยากถามอะไรอย่างนั้นเหรอ หากข้าสามารถตอบได้ก็จะตอบเจ้าไป” คำตอบดังกล่าวทำให้รัชทายาทหนุ่มน้อยปรากฏรอยแย้มเยือนขึ้นบนพระพักตร์ทันที “ข้าอยากล่วงรู้ว่าท่านหมอน้อยเป็นบุตรีของราชครูแคว้นใดอย่างนั้นหรือขอรับ”โจวหยางเย่วถามกลับไป และคำถามดังกล่าวทำให้ลุงหกจ้องเด็กหนุ่มตรงหน้าเขม็ง “จะอยากรู้ไปทำไมเจ้าหนุ่มว่าท่านหมอน้อยเป็นบุตรีของผู้ใด สอดรู้สอดเห็นไม่เข้าเรื่อง!”ลุงหกเอ็ดเสียงดุกลับไป พระพักตร์เจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อถูกลุงหกตำหนิกลับมาเช่นนั้น แต่ด้วยความอยากรู้จึงต้องพยายามทำให้หนังหน้าของพระองค์หนาเข้าไว้ “ที่ข้าถามเพราะว่าในวันข้างหน้าไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้แทนคุณท่านหมอน้อยหรือไม่ เพราะเท่าที่ข้ารักษาตัวอยู่นานเกือบยี่สิบวันพอจะล่วงรู้ว่า ผู้ใดจะเดินทางเข้าออกหอดวงดาวไม่ง่ายเลยหากข้าไม่มีโอกาสได้แทนคุณท่านหมอน้อย อย่างน้อยก็ขอได้มีโอกาสแทนคุณแผ่นดินเกิดของท่านหมอก็ได้ แม้จะไม่ได้โดยตรงแต่อย่างน้อยทดแทนทางอ้อมก็ยังดี ข้าไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักคุณคนนะขอรับท่านลุงหก”รัชทายาทแห่งต้าโจวยกเหตุผลในการอยากรู้ของพระองค์ตอบลุงหกกลับไป จนอีกฝ่ายพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กันเมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนั้น “ก็ได้! ในเมื่อเจ้าอยากล่วงรู้ข้าก็จะบอกอย่างน้อยก็กลับไปแทนคุณแผ่นดินเกิดของนางทางอ้อมก็ถือว่าได้ช่วยเหลือเช่นกัน ท่านหมอน้อยเป็นบุตรีราชครูจากแคว้นต้าโจว เมื่อรู้แล้วก็ทำประโยชน์และช่วยเหลือผู้คนแคว้นนั้นด้วยก็แล้วกัน” สิ้นเสียงของลุงหกพระวรกายสูงยืนนิ่งงันไปทันทีครั้นล่วงรู้ว่าหมอน้อยเทวดาคือบุตรีราชครูจากแคว้นต้าโจว อันเป็นแคว้นที่พระองค์จะต้องขึ้นปกครองในภายภาคหน้าต่อไป พระพักตร์หันกลับไปมองเทือกเขาสูงเสียดฟ้าอีกครั้งด้วยความดีพระทัยเป็นยิ่งนัก “ในที่สุดข้าก็ล่วงรู้แล้วว่าเจ้ามาจากไหน แม้จะไม่ล่วงรู้ชื่อแต่ก็รู้แล้วว่ามาจากสกุลเว่ย บุตรีราชครูเว่ยอี้ พระอาจารย์ของข้านี่เอง ภายภาคหน้าข้าจะต้องทำให้เจ้ามาอยู่เคียงข้างกายให้ได้หมอเทวดาตัวน้อยของข้า!”รัชทายาทหนุ่มรำพึงอยู่ภายในพระทัยพร้อมผ้าสีดำที่อยู่ในมือของลุงหกตรงเข้าปิดพระเนตรของพระองค์ทันที พรึบ!!!! ภาพเหตุการณ์ในอดีตเมื่อห้าปีก่อนค่อยๆ เลือนหายไป แต่กลับปรากฏพระวรกายสูงใหญ่ของรัชทายาทแห่งต้าโจวเสด็จตรงเข้ามานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเว่ยหลินหลางเข้ามาแทนที่ ดวงตาของทั้งคู่ในขณะนี้ต่างสบประสานเข้าหากัน “ในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้าจนได้! ชายาของข้ายังไม่ตาย! เจ้ายังไม่ตายจริงๆ”รัชทายาทหนุ่มรับสั่งด้วยความดีพระทัยอย่างยิ่งยวด พระเนตรเฝ้าจับจ้องใบหน้างามของพระชายาที่พระองค์หลงรักมาโดยตลอดตั้งแต่พบกันครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน หากแต่สายตาของพระชายาตัวปลอมแต่กลับเป็นสตรีตัวจริงที่รัชทายาทหนุ่มทรงหลงรักมาโดยตลอด กลับว่างเปล่าไม่มีมีความรู้สึกผูกพันและมีจิตเสน่หากับพระองค์แต่อย่างใด ดวงตากลมโตของนางกลับเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ในพระวรกายของรัชทายาทแห่งต้าโจวขึ้นมาแทน “ดาวแห่งหายนะ!”เว่ยหลินหลางส่งเสียงพึมพำพร้อมรีบเบี่ยงใบหน้างามของนางหนีจากพระหัตถ์ไม่ให้เตะต้อง “เจ้าเป็นใคร!”เว่ยหลินหลางแสร้งถามเสียงดุกลับไปทั้งที่ล่วงรู้อยู่เต็มอก และคำถามดังกล่าวทำให้พระพักตร์ที่เต็มไปด้วยรอยแย้มยิ้มด้วยความดีใจเลือนหายไปทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น “หลิงเหลียน”รับสั่งชื่อพระชายาเสียงเบาก่อนจะนึกขึ้นได้ “จริงสิ! ท่าทีแบบนี้แหละไม่มีผิด เป็นเจ้าตัวจริงโดยแท้ท่าทีแข็งกร้าวแต่มีจิตเมตตาเป็นผู้ใดไปไม่ได้ เจ้าคงจดจำไม่ได้ข้าก็คือพี่ชายที่ผลัดตกเขาจนได้รับบาดเจ็บและถูกเจ้าช่วยชีวิตนำกลับไปรักษาจนหายเป็นปกติ ตั้งแต่จากกันเมื่อห้าปีก่อนก็ไม่เคยพานพบกันอีกเลย จนกระทั่งวันที่ข้าเลือกเฟ้นพระชายาและต้องการให้เจ้าออกมาด้วยผลของราชโองการทำให้ข้าได้เจ้ามาเคียงข้างกาย แต่คาดไม่ถึงว่าชายาของข้าในวันนี้จะเติบโตกลายมาเป็นสตรีที่งดงามมากเสียจริงๆ เกินกว่าที่ข้าคิดเอาไว้มากมายยิ่งนัก”รับสั่งบอกนาง ในขณะนั้นเว่ยหลินหลางกำลังจ้องพระพักตร์รัชทายาทแห่งต้าโจวเขม็ง ก่อนจะกล่าวกับพระองค์ “ท่านนะเหรอคือคนที่ข้าเคยช่วยเอาไว้เมื่อห้าปีก่อน และท่านก็คือรัชทายาทแห่งต้าโจว!”เว่ยหลินหลางถามย้ำกลับไป รัชทายาทหนุ่มพยักพระพักตร์ขึ้นลงเป็นการตอบรับกับสิ่งที่นางถามกลับมาเช่นนั้น “ข้าขอโทษด้วยที่ตอนนั้นไม่ได้เปิดเผยฐานะอันแท้จริงให้เจ้าได้ล่วงรู้” เว่ยหลินหลางส่ายใบหน้าของนางไปมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ท่านไม่ผิดหรอกที่จะทำเช่นนั้น เพราะในเวลานั้นไม่สามารถไว้ใจผู้ใดได้แม้กระทั่งข้าก็เช่นกัน”เว่ยหลินหลางบอกกลับไปพร้อมสุรเสียงของรัชทายาทแห่งต้าโจวมีรับสั่งขึ้น “หลังจากกันวันนั้นเราสองคนก็ยังไม่ได้พานพบหน้ากันเลยสักครั้ง จนกระทั่งข้าเลือกเจ้าเป็นพระชายาและวันนี้ก็คือวันที่เราสองคนจะต้องเข้าพิธีอภิเษกสมรสด้วยกัน วันนี้จะได้พบกันเป็นครั้งแรกแต่ก็เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นมาเสียก่อน เพราะราชครูให้คนไปแจ้งทางวังหลวงว่าเจ้าตายแล้ว! ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันข้างงไปหมดแล้ว”รับสั่งถามกลับไปทั้งดีใจระคนแปลกใจผสมปนเป เว่ยหลินหลางแสร้งทำหน้าแปลกใจเต็มไปด้วยความงุนงงได้อย่างแนบเนียนเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ข้าตายอย่างนั้นเหรอ!เหตุใดข้ายังไม่รู้สึกว่ามีสิ่งใดผิดแปลกออกไปแม้แต่น้อยนิด และตอนนี้ก็ตื่นแล้วอยู่นี่ไงเพียงแค่รู้สึกว่าหลับนานไปหน่อยก็เท่านั้นเอง เหตุใดจึงพากันคิดว่าข้าตายแล้ว”เว่ยหลินหลาง บอกกลับไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ จนบ่าวไพร่ได้ยินอย่างชัดเจนต่างพากันโจษขานเอ็ดอึงเป็นวงกว้างขึ้นมาทันที “ที่แท้คุณหนูก็เพียงแค่หลับนานไปหน่อยเท่านั้นเองไม่ได้หมดลมหายใจตายไปเสียหน่อย” “แล้วหมอคนไหนกลับบอกว่าคุณหนูสิ้นใจตายขณะนอนหลับ เนรเทศออกไปให้ไกลๆ เลยวินิจฉัยโรคผิดพลาดแบบนี้ได้อย่างไรกัน ดีนะที่คุณหนูตื่นขึ้นมาเสียก่อนหาไม่แล้วคงได้จัดพิธีศพและฝังคุณหนูทั้งเป็นอย่างแน่นอน” เสียงบ่าวไพร่เอ็ดอึงกันไปทั่วเป็นไปตามความต้องการของเว่ยหลินหลางที่ต้องการให้บ่าวไพร่กระจายข่าวปากต่อปากให้ล่วงรู้เป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเอง โอ๊ยยยย!!! เว่ยหลินหลางแสร้งยกสองมือขึ้นกุมขมับของตัวเองเอาไว้อย่างรวดเร็วพร้อมส่งเสียงออกมาทันที “ท่านพ่อ! ข้าปวดหัวเหลือเกินเจ้าค่ะ”นางร้องบอกบิดา เว่ยอี้ล่วงรู้สัญญาณจากบุตรสาวทันทีว่าจะต้องทำเช่นไรต่อไป ร่างสันทัดรีบตรงเข้าไปหาพร้อมทรุดกายลงนั่งคุกเข่าเคียงข้างองค์รัชทายาทอยู่ตรงหน้านาง “พ่อดีใจเหลือเกินที่เจ้าเพียงแค่หลับลึกไปเท่านั้น เหตุใดหมอหลวงจึงบอกว่าเจ้าสิ้นใจทั้งๆ ที่ก็เห็นอยู่กับตาแล้วว่าไม่เป็นอะไรเลยเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว! ดีจริงๆ เรียกหมอมาตรวจดูอาการเพื่อความแน่ใจอีกครั้งนะลูก”เว่ยอี้เอ่ยพร้อมมองหน้าบุตรสาวก่อนจะได้ยินสุรเสียงขององค์รัชทายาทดังแทรกขึ้น “เดี๋ยวข้าจัดการให้เองท่านพ่อ เรียกหัวหน้าหมอหลวงมาตรวจอาการของพระชายาจะดีกว่า”รับสั่งกับราชครู “รับสั่งให้เกียรติกระหม่อมเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ หลินหลางยังไม่ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับพระองค์เพียงแค่ได้รับการแต่งตั้งตามพระราชโองการของฝ่าบาทเท่านั้น กระหม่อมมิกล้ารับ” ถ้อยคำของเว่ยอี้ดังกล่าวไม่เพียงแต่โจวหยางเย่วเท่านั้นที่งุนงง แม้แต่เว่ยหลินหลางเองก็ยังแปลกใจที่บิดาเรียกชื่อของนางออกมาเช่นนั้นแทนที่จะเป็นน้องสาวฝาแฝดของนาง “เหตุใดท่านจึงกล่าวเช่นนั้นจะเข้าพิธีหรือไม่ก็ตามแต่ก็ได้รับพระราชโองการแต่งตั้งจากเสด็จพ่อแล้ว ท่านก็คือพ่อตาของข้าอีกอย่างเมื่อครู่เหตุใดท่านเรียกชื่อชายาของข้าว่าหลินหลาง ไม่ใช่หลิงเหลียนอย่างนั้นเหรอ” “เว่ยหลินหลางคือชื่อแซ่ของนาง สาเหตุที่กระหม่อมเรียกเช่นนั้นก็เพื่อแก้เคล็ดในการกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ยอมรับว่าอาการหลับลึกจนดูคล้ายคนที่ตายไปแล้วเป็นอาการที่เกิดขึ้นกับทางฮูหยินของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ ซึ่งก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยแต่ถ้าเกิดขึ้นกับผู้ใดแล้วตื่นมาทันเวลา ก็ให้เรียกชื่อใหม่เพื่อเป็นการแก้เคล็ดไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำสองอีก ต่อไปนี้นางก็คือเว่ยหลินหลางพ่ะย่ะค่ะ”เว่ยอี้อธิบายกลับไป รัชทายาทแห่งต้าโจวพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น “เป็นเช่นนี้เองนะเหรอ ถ้าเช่นนั้นก็ต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงหลายอย่างหากมีการเปลี่ยนชื่อเช่นนี้ รวมไปถึงพิธีอภิเษกที่จะจัดขึ้นในวันนี้ด้วย”รับสั่งอย่างเป็นกังวล “เลยฤกษ์มงคลมานานแล้วไม่ควรดึงดันทำพิธีควรเลื่อนออกไปก่อนเถอะ”เว่ยหลินหลางเอ่ยขึ้นก่อนจะเหลือบสายตามองไปที่บิดาเมื่อเห็นสัญญาณบางอย่างของคนเป็นพ่อว่าให้นางกล่าวกับรัชทายาทอย่างเหมาะสม “เพคะ”นางต่อท้ายคำดังกล่าวเสียงพึมพำ และนั้นทำให้รัชทายาทโจวหยางเย่วอดขบขันกับท่าทีดังกล่าวของนางไม่ได้ “หากนางไม่ถนัดก็อย่าไปบังคับเลยท่านพ่อ แต่เรื่องพิธีอภิเษกสมรสเลยฤกษ์มงคลไปเช่นนี้หากต้องเลื่อนออกไปจะจัดได้อีกเมื่อไรกันเล่า”รับสั่งถามด้วยความอยากรู้ เว่ยหลินหลางกำลังจะกล่าวออกไปหากแต่เว่ยอี้บีบมือบุตรสาวเอาไว้ไม่ให้นางพูดอะไรออกมา “เรื่องนี้สุดแล้วแต่ฝ่าบาทและฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะว่าจะทรงเลื่อนไปเมื่อไร กระหม่อมและพระชายาทำได้แต่เพียงคอยรับสนองพระราชโองการเท่านั้น ช่วงนี้ก็จะได้ดูแลสุขภาพของหลินเอ๋อให้นางกลับมาแข็งแรงเตรียมพร้อมในการเข้าพิธีอภิเษกใหม่อีกครั้ง"เว่ยอี้อธิบายกลับไป ครั้นโจวหยางเย่วได้ยินเช่นนั้นรัชทายาทหนุ่มทรงถอนพระทัยออกมาทันทีด้วยความหนักพระทัย “สำหรับเสด็จพ่อนั้นข้านี้ไม่ห่วง แต่เสด็จแม่นี่สิคือปัญหา”รัชทายาทหนุ่มรับสั่งอย่างหนักพระทัย ด้วยล่วงรู้ดีว่าพระมารดาไม่พอพระทัยที่พระองค์ทรงเลือกพระชายาจากสกุลเว่ยแทนที่จะเป็นหลานสาวของพระนางที่มาจากสกุลหวังเช่นเดียวกันเพื่อสืบอำนาจต่อไป และเหนือสิ่งอื่นใดนั่นก็คือหวังฮองเฮาสังหารสตรีในดวงใจของพระโอรสผิดตัว ในขณะเดียวกันรัชทายาทแห่งต้าโจวที่ทรงเคยคิดว่าพระชายาซึ่งเป็นสตรีที่อยู่ในหัวใจได้ตายจากไปแล้วจริงๆ แต่นางกลับมาปรากฏตัวให้เห็นอีกครั้งในระยะเวลาที่ห่างกันเพียงแค่ไม่กี่ชั่วยามด้วยสาเหตุจากการหลับลึกตามที่เว่ยอี้กล่าวอ้าง ในขณะที่เว่ยหลินหลางเจ้าหอสำนักดวงดาวผู้หยั่งรู้เหตุการณ์หายนะครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นจนนางก้าวออกมาจากหอดวงดาวก่อนจะมีอายุครบ 20 ปี แต่การก้าวออกจากหอดวงดาวเพื่อหวังจะบรรเทาให้เรื่องร้ายคลี่คลายลงและเพื่อช่วยราชครูเว่ยอี้ผู้เป็นบิดาของนางให้ปลอดภัยก่อนอายุ 20 ปี ของเว่ยหลินหลางในครั้งนี้ นอกจากจะทำให้ดวงชะตาของนางแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ก็ยังส่งผลต่อดวงชะตาของอีกหลายคนโดยเฉพาะสตรีที่ครองบัลลังก์หงส์ของแผ่นดินต้าโจวอยู่ในขณะนี้สั่นสะเทือนเป็นยิ่งนัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD