15 วันผ่านไป
ร่างสูงเพรียวของรัชทายาทแห่งต้าโจวกำลังยืนใช้ไม้เท้าที่ทำมาจากไม้ไผ่ค้ำยันพระวรกายของพระองค์เพื่อสามารถเสด็จไปไหนได้สะดวกขึ้น พระเนตรเฝ้าจับจ้องเด็กหญิงร่างบอบบางที่มีอายุเพียงแค่ 11 ปีแต่นางกลับมีวิชาแพทย์ยอดเยี่ยมจนถูกกล่าวขานว่าเป็นหมอน้อยเทวดาในสถานที่ซึ่งเรียกว่าหอดวงดาว
รัชทายาทแห่งต้าโจวเพิ่งจะทรงทราบว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความลึกลับและเป็นปริศนาไม่เคยมีผู้ใดพานพบและย่างกายเข้ามาได้ หากมีผู้พลัดหลงเข้ามานั้นก็หมายความว่าสวรรค์ลิขิตแต่ก็ไม่สามารถพำนักอยู่ได้ตลอดไป
เพราะหมอน้อยเทวดาผู้มีญาณหยั่งรู้ล่วงหน้าจะเป็นคนบอกว่าผู้ใดสามารถอยู่ที่หอดวงดาวนี้ได้หรือไม่ และรัชทายาทแห่งต้าโจวเป็นอีกผู้หนึ่งที่จะต้องถูกส่งกลับไปยังสถานที่พระองค์จากมาทันทีที่พระอาการดีขึ้นและสามารถเดินทางไกลได้
ทันทีที่ร่างเล็กๆ ของหมอเทวดาตัวน้อยมาหยุดยืนอยู่ตรงพระพักตร์ของรัชทายาทแห่งต้าโจว พระองค์รีบรับสั่งกับนางทันทีด้วยความดีพระทัยที่ได้พานพบอีกครั้งก่อนจากลา
“ขอบคุณท่านหมอน้อยที่อุตส่าห์มาพบข้าตามคำขอครั้งสุดท้ายก่อนจะต้องออกจากที่นี่”รับสั่งพร้อมทอดพระเนตรหมอเทวดาตัวน้อยด้วยความรู้สึกผูกพันกับนางอย่างยิ่งยวด ก่อนจะยื่นบางสิ่งส่งให้กับนาง
“บุญคุณที่ได้ช่วยชีวิตในครั้งนี้ ข้าไม่มีวันลืมจะต้องแทนคุณชีวิตครั้งนี้ให้ได้ในวันหน้า ก่อนจากลาจึงขอมอบหยกประจำตัวข้าให้แก่ท่านเก็บไว้ หากแม้นท่านประสบเหตุอะไรขอเพียงแสดงป้ายหยกนี้ไม่ว่าข้าจะอยู่ไกลสุดหล้าสักเพียงใด จะรีบมาหาท่านหมอน้อยเพื่อช่วยท่านโดยทันที”
เว่ยหลินหลางได้ยินเช่นนั้นนางรีบยกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“พี่ชายไม่ต้องเกรงใจข้าหรือมอบสิ่งใดเป็นการทดแทน หน้าที่ของหมอคือรักษาและช่วยชีวิตผู้คนให้อยู่รอดต่อไปเป็นสิ่งที่ข้าควรทำอยู่แล้ว ท่านอย่าได้คิดถือเป็นบุญคุณใหญ่หลวงนี้เลย อีกอย่างหยกล้ำค่าเช่นนี้ข้าไม่อาจรับไว้ได้”เว่ยหลินหลางตอบกลับไป
และนั่นทำให้พระพักตร์ของรัชทายาทแห่งต้าโจวสลดลงทันทีเมื่อนางปฏิเสธกลับมาเช่นนั้น จนทำให้อีกฝ่ายเห็นสีพระพักตร์แปรเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
“ได้โปรดรับเอาไว้ด้วยเถิดท่านหมอน้อย นี่คือสิ่งที่ข้าตั้งใจมอบให้จริงๆ ป้ายหยกนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ล่วงรู้ว่าท่านคือคนสำคัญที่สุดของข้า”รัชทายาทแห่งต้าโจวรับสั่งเป็นนัยๆ
ทั้งน้ำเสียงและแววตาที่แสดงออกมานั้นทำให้เว่ยหลินหลาง สัมผัสได้ถึงความจริงใจที่มอบให้นาง มือน้อยเรียวงามยื่นไปรับป้ายหยกที่สลักอักษรย่ออันเป็นพระนามของพระองค์เอาไว้พลางลูบคลำไปมาโดยไม่ได้คิดอะไรและไม่ปริปากกล่าวสิ่งใดออกมา
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจท่านก็แล้วกันและขอบคุณที่มอบให้”เว่ยหลินหลางตอบกลับไปพลางส่งยิ้มให้อย่างมีไมตรี
ท่ามกลางสายพระเนตรของรัชทายาทแห่งต้าโจวทรงยินดีอย่างยิ่งยวดที่หมอเทวดาตัวน้อยรับแผ่นหยกจากพระองค์ ถือได้ว่านางได้รับของแทนใจที่พระองค์ตั้งใจมอบให้ และแผ่นหยกที่นางกำลังครอบครองนี้จะเป็นสิ่งที่ชี้นำให้พระองค์ล่วงรู้ในวันข้างหน้าว่าเด็กน้อยจะเติบใหญ่เป็นสตรีสาวแสนสวยและถูกพระองค์เลือกเป็นพระชายานับตั้งแต่นางยอมรับป้ายหยกแผ่นนี้ไป
ในขณะที่ทั้งสองกำลังยืนสนทนาอยู่ในขณะนั้น ร่างเล็กบอบบางของเด็กหญิงอีกผู้หนึ่งพลันปรากฏกายขึ้นอยู่ตรงประตูทางเข้าห้องโถงดังกล่าวก่อนจะหยุดชะงักทันทีเมื่อสายตาของนางเหลือบไปเห็นรัชทายาทแห่งต้าโจวทรงยืนรับสั่งกับพี่สาวฝาแฝด และผู้มาเยือนจะเป็นใครไปไม่ได้หากไม่ใช่เว่ยหลิงเหลียน ซึ่งเดินทางขึ้นเขาล่วงหน้ามาก่อนบิดาเนื่องจากการจะมาที่หอดวงดาวได้นั้นจะนำมาได้เพียงครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น
และทันทีที่นางเห็นรัชทายาทแห่งต้าโจวก็ตกหลุมรักพระองค์ทันที พระพักตร์คมเข้มกับพระชันษาในปีที่ 15 ย่างเข้าสู่ปีที่ 16 นั้นมีลักษณะองอาจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ผู้ใดกันที่ท่านพี่สนทนาด้วย”เว่ยหลิงเหลียนรำพึงเสียงเบา
เพียงครู่เว่ยหลิงเหลียนนึกถึงคำเตือนของบิดาว่าไม่ให้ปรากฏกายพร้อมกับพี่สาวฝาแฝดภายในหอดวงดาวจนกว่าจะได้รับการยืนยันว่าสามารถปรากฏร่างพร้อมกันได้
นางจึงรีบหลบไปยืนอยู่ทางด้านหลังของห้องอย่างรวดเร็วเฝ้ามองรัชทายาทจากต้าโจวค่อยๆ เดินจากไปบริเวณนั้น โดยมีท่านลุงหกนำพระองค์กลับคืนสู่เทือกเขาที่ตั้งอยู่คนละฝั่งกับที่หอดวงดาวและคอยดูแลอย่างใกล้ชิดจนกว่าจะมีคนมารับกลับไป
พระเนตรที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าไม่อยากจะออกจากหอดวงดาวแม้แต่น้อย แต่เพราะภาระและหน้าที่ของผู้ปกครองซึ่งจะต้องนั่งบัลลังก์ต้าโจวสืบต่อไปทำให้รัชทายาทหนุ่มน้อยเสด็จจากมาอย่างไม่เต็มใจเท่าใดนัก พระองค์หันกลับไปทอดพระเนตรเทือกเขาสูงเสียดฟ้าอยู่เป็นระยะๆ ก่อนจะถูกผ้าดำปิดตาเพื่อไม่ให้ล่วงรู้ทิศทางสุรเสียงพลันมีรับสั่งถาม
“ท่านลุงหกสิ่งหนึ่งที่ข้าอยากล่วงรู้มาโดยตลอดหากถามกับท่านจะได้หรือไม่”รับสั่งถามกลับไป
ลุงหกหยุดชะงักทันทีในขณะที่กำลังถือผ้าดำที่จะใช้ปิดตารัชทายาทแห่งต้าโจวอยู่ในขณะนั้น
“เจ้าอยากถามอะไรอย่างนั้นเหรอ หากข้าสามารถตอบได้ก็จะตอบเจ้าไป”
คำตอบดังกล่าวทำให้รัชทายาทหนุ่มน้อยปรากฏรอยแย้มเยือนขึ้นบนพระพักตร์ทันที
“ข้าอยากล่วงรู้ว่าท่านหมอน้อยเป็นบุตรีของราชครูแคว้นใดอย่างนั้นหรือขอรับ”โจวหยางเย่วถามกลับไป
และคำถามดังกล่าวทำให้ลุงหกจ้องเด็กหนุ่มตรงหน้าเขม็ง
“จะอยากรู้ไปทำไมเจ้าหนุ่มว่าท่านหมอน้อยเป็นบุตรีของผู้ใด สอดรู้สอดเห็นไม่เข้าเรื่อง!”ลุงหกเอ็ดเสียงดุกลับไป
พระพักตร์เจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อถูกลุงหกตำหนิกลับมาเช่นนั้น แต่ด้วยความอยากรู้จึงต้องพยายามทำให้หนังหน้าของพระองค์หนาเข้าไว้
“ที่ข้าถามเพราะว่าในวันข้างหน้าไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้แทนคุณท่านหมอน้อยหรือไม่ เพราะเท่าที่ข้ารักษาตัวอยู่นานเกือบยี่สิบวันพอจะล่วงรู้ว่า ผู้ใดจะเดินทางเข้าออกหอดวงดาวไม่ง่ายเลยหากข้าไม่มีโอกาสได้แทนคุณท่านหมอน้อย อย่างน้อยก็ขอได้มีโอกาสแทนคุณแผ่นดินเกิดของท่านหมอก็ได้ แม้จะไม่ได้โดยตรงแต่อย่างน้อยทดแทนทางอ้อมก็ยังดี ข้าไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักคุณคนนะขอรับท่านลุงหก”รัชทายาทแห่งต้าโจวยกเหตุผลในการอยากรู้ของพระองค์ตอบลุงหกกลับไป จนอีกฝ่ายพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กันเมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนั้น
“ก็ได้! ในเมื่อเจ้าอยากล่วงรู้ข้าก็จะบอกอย่างน้อยก็กลับไปแทนคุณแผ่นดินเกิดของนางทางอ้อมก็ถือว่าได้ช่วยเหลือเช่นกัน ท่านหมอน้อยเป็นบุตรีราชครูจากแคว้นต้าโจว เมื่อรู้แล้วก็ทำประโยชน์และช่วยเหลือผู้คนแคว้นนั้นด้วยก็แล้วกัน”
สิ้นเสียงของลุงหกพระวรกายสูงยืนนิ่งงันไปทันทีครั้นล่วงรู้ว่าหมอน้อยเทวดาคือบุตรีราชครูจากแคว้นต้าโจว อันเป็นแคว้นที่พระองค์จะต้องขึ้นปกครองในภายภาคหน้าต่อไป พระพักตร์หันกลับไปมองเทือกเขาสูงเสียดฟ้าอีกครั้งด้วยความดีพระทัยเป็นยิ่งนัก
“ในที่สุดข้าก็ล่วงรู้แล้วว่าเจ้ามาจากไหน แม้จะไม่ล่วงรู้ชื่อแต่ก็รู้แล้วว่ามาจากสกุลเว่ย บุตรีราชครูเว่ยอี้ พระอาจารย์ของข้านี่เอง ภายภาคหน้าข้าจะต้องทำให้เจ้ามาอยู่เคียงข้างกายให้ได้หมอเทวดาตัวน้อยของข้า!”รัชทายาทหนุ่มรำพึงอยู่ภายในพระทัยพร้อมผ้าสีดำที่อยู่ในมือของลุงหกตรงเข้าปิดพระเนตรของพระองค์ทันที
พรึบ!!!! ภาพเหตุการณ์ในอดีตเมื่อห้าปีก่อนค่อยๆ เลือนหายไป แต่กลับปรากฏพระวรกายสูงใหญ่ของรัชทายาทแห่งต้าโจวเสด็จตรงเข้ามานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเว่ยหลินหลางเข้ามาแทนที่ ดวงตาของทั้งคู่ในขณะนี้ต่างสบประสานเข้าหากัน
“ในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้าจนได้! ชายาของข้ายังไม่ตาย! เจ้ายังไม่ตายจริงๆ”รัชทายาทหนุ่มรับสั่งด้วยความดีพระทัยอย่างยิ่งยวด
พระเนตรเฝ้าจับจ้องใบหน้างามของพระชายาที่พระองค์หลงรักมาโดยตลอดตั้งแต่พบกันครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน
หากแต่สายตาของพระชายาตัวปลอมแต่กลับเป็นสตรีตัวจริงที่รัชทายาทหนุ่มทรงหลงรักมาโดยตลอด กลับว่างเปล่าไม่มีมีความรู้สึกผูกพันและมีจิตเสน่หากับพระองค์แต่อย่างใด ดวงตากลมโตของนางกลับเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ในพระวรกายของรัชทายาทแห่งต้าโจวขึ้นมาแทน
“ดาวแห่งหายนะ!”เว่ยหลินหลางส่งเสียงพึมพำพร้อมรีบเบี่ยงใบหน้างามของนางหนีจากพระหัตถ์ไม่ให้เตะต้อง
“เจ้าเป็นใคร!”เว่ยหลินหลางแสร้งถามเสียงดุกลับไปทั้งที่ล่วงรู้อยู่เต็มอก
และคำถามดังกล่าวทำให้พระพักตร์ที่เต็มไปด้วยรอยแย้มยิ้มด้วยความดีใจเลือนหายไปทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“หลิงเหลียน”รับสั่งชื่อพระชายาเสียงเบาก่อนจะนึกขึ้นได้
“จริงสิ! ท่าทีแบบนี้แหละไม่มีผิด เป็นเจ้าตัวจริงโดยแท้ท่าทีแข็งกร้าวแต่มีจิตเมตตาเป็นผู้ใดไปไม่ได้ เจ้าคงจดจำไม่ได้ข้าก็คือพี่ชายที่ผลัดตกเขาจนได้รับบาดเจ็บและถูกเจ้าช่วยชีวิตนำกลับไปรักษาจนหายเป็นปกติ ตั้งแต่จากกันเมื่อห้าปีก่อนก็ไม่เคยพานพบกันอีกเลย จนกระทั่งวันที่ข้าเลือกเฟ้นพระชายาและต้องการให้เจ้าออกมาด้วยผลของราชโองการทำให้ข้าได้เจ้ามาเคียงข้างกาย แต่คาดไม่ถึงว่าชายาของข้าในวันนี้จะเติบโตกลายมาเป็นสตรีที่งดงามมากเสียจริงๆ เกินกว่าที่ข้าคิดเอาไว้มากมายยิ่งนัก”รับสั่งบอกนาง
ในขณะนั้นเว่ยหลินหลางกำลังจ้องพระพักตร์รัชทายาทแห่งต้าโจวเขม็ง ก่อนจะกล่าวกับพระองค์
“ท่านนะเหรอคือคนที่ข้าเคยช่วยเอาไว้เมื่อห้าปีก่อน และท่านก็คือรัชทายาทแห่งต้าโจว!”เว่ยหลินหลางถามย้ำกลับไป
รัชทายาทหนุ่มพยักพระพักตร์ขึ้นลงเป็นการตอบรับกับสิ่งที่นางถามกลับมาเช่นนั้น
“ข้าขอโทษด้วยที่ตอนนั้นไม่ได้เปิดเผยฐานะอันแท้จริงให้เจ้าได้ล่วงรู้”
เว่ยหลินหลางส่ายใบหน้าของนางไปมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ท่านไม่ผิดหรอกที่จะทำเช่นนั้น เพราะในเวลานั้นไม่สามารถไว้ใจผู้ใดได้แม้กระทั่งข้าก็เช่นกัน”เว่ยหลินหลางบอกกลับไปพร้อมสุรเสียงของรัชทายาทแห่งต้าโจวมีรับสั่งขึ้น
“หลังจากกันวันนั้นเราสองคนก็ยังไม่ได้พานพบหน้ากันเลยสักครั้ง จนกระทั่งข้าเลือกเจ้าเป็นพระชายาและวันนี้ก็คือวันที่เราสองคนจะต้องเข้าพิธีอภิเษกสมรสด้วยกัน วันนี้จะได้พบกันเป็นครั้งแรกแต่ก็เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นมาเสียก่อน เพราะราชครูให้คนไปแจ้งทางวังหลวงว่าเจ้าตายแล้ว! ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันข้างงไปหมดแล้ว”รับสั่งถามกลับไปทั้งดีใจระคนแปลกใจผสมปนเป
เว่ยหลินหลางแสร้งทำหน้าแปลกใจเต็มไปด้วยความงุนงงได้อย่างแนบเนียนเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ข้าตายอย่างนั้นเหรอ!เหตุใดข้ายังไม่รู้สึกว่ามีสิ่งใดผิดแปลกออกไปแม้แต่น้อยนิด และตอนนี้ก็ตื่นแล้วอยู่นี่ไงเพียงแค่รู้สึกว่าหลับนานไปหน่อยก็เท่านั้นเอง เหตุใดจึงพากันคิดว่าข้าตายแล้ว”เว่ยหลินหลาง บอกกลับไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ จนบ่าวไพร่ได้ยินอย่างชัดเจนต่างพากันโจษขานเอ็ดอึงเป็นวงกว้างขึ้นมาทันที
“ที่แท้คุณหนูก็เพียงแค่หลับนานไปหน่อยเท่านั้นเองไม่ได้หมดลมหายใจตายไปเสียหน่อย”
“แล้วหมอคนไหนกลับบอกว่าคุณหนูสิ้นใจตายขณะนอนหลับ เนรเทศออกไปให้ไกลๆ เลยวินิจฉัยโรคผิดพลาดแบบนี้ได้อย่างไรกัน ดีนะที่คุณหนูตื่นขึ้นมาเสียก่อนหาไม่แล้วคงได้จัดพิธีศพและฝังคุณหนูทั้งเป็นอย่างแน่นอน”
เสียงบ่าวไพร่เอ็ดอึงกันไปทั่วเป็นไปตามความต้องการของเว่ยหลินหลางที่ต้องการให้บ่าวไพร่กระจายข่าวปากต่อปากให้ล่วงรู้เป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเอง
โอ๊ยยยย!!! เว่ยหลินหลางแสร้งยกสองมือขึ้นกุมขมับของตัวเองเอาไว้อย่างรวดเร็วพร้อมส่งเสียงออกมาทันที
“ท่านพ่อ! ข้าปวดหัวเหลือเกินเจ้าค่ะ”นางร้องบอกบิดา
เว่ยอี้ล่วงรู้สัญญาณจากบุตรสาวทันทีว่าจะต้องทำเช่นไรต่อไป ร่างสันทัดรีบตรงเข้าไปหาพร้อมทรุดกายลงนั่งคุกเข่าเคียงข้างองค์รัชทายาทอยู่ตรงหน้านาง
“พ่อดีใจเหลือเกินที่เจ้าเพียงแค่หลับลึกไปเท่านั้น เหตุใดหมอหลวงจึงบอกว่าเจ้าสิ้นใจทั้งๆ ที่ก็เห็นอยู่กับตาแล้วว่าไม่เป็นอะไรเลยเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว! ดีจริงๆ เรียกหมอมาตรวจดูอาการเพื่อความแน่ใจอีกครั้งนะลูก”เว่ยอี้เอ่ยพร้อมมองหน้าบุตรสาวก่อนจะได้ยินสุรเสียงขององค์รัชทายาทดังแทรกขึ้น
“เดี๋ยวข้าจัดการให้เองท่านพ่อ เรียกหัวหน้าหมอหลวงมาตรวจอาการของพระชายาจะดีกว่า”รับสั่งกับราชครู
“รับสั่งให้เกียรติกระหม่อมเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ หลินหลางยังไม่ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับพระองค์เพียงแค่ได้รับการแต่งตั้งตามพระราชโองการของฝ่าบาทเท่านั้น กระหม่อมมิกล้ารับ”
ถ้อยคำของเว่ยอี้ดังกล่าวไม่เพียงแต่โจวหยางเย่วเท่านั้นที่งุนงง แม้แต่เว่ยหลินหลางเองก็ยังแปลกใจที่บิดาเรียกชื่อของนางออกมาเช่นนั้นแทนที่จะเป็นน้องสาวฝาแฝดของนาง
“เหตุใดท่านจึงกล่าวเช่นนั้นจะเข้าพิธีหรือไม่ก็ตามแต่ก็ได้รับพระราชโองการแต่งตั้งจากเสด็จพ่อแล้ว ท่านก็คือพ่อตาของข้าอีกอย่างเมื่อครู่เหตุใดท่านเรียกชื่อชายาของข้าว่าหลินหลาง ไม่ใช่หลิงเหลียนอย่างนั้นเหรอ”
“เว่ยหลินหลางคือชื่อแซ่ของนาง สาเหตุที่กระหม่อมเรียกเช่นนั้นก็เพื่อแก้เคล็ดในการกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ยอมรับว่าอาการหลับลึกจนดูคล้ายคนที่ตายไปแล้วเป็นอาการที่เกิดขึ้นกับทางฮูหยินของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ ซึ่งก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยแต่ถ้าเกิดขึ้นกับผู้ใดแล้วตื่นมาทันเวลา ก็ให้เรียกชื่อใหม่เพื่อเป็นการแก้เคล็ดไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำสองอีก ต่อไปนี้นางก็คือเว่ยหลินหลางพ่ะย่ะค่ะ”เว่ยอี้อธิบายกลับไป
รัชทายาทแห่งต้าโจวพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น
“เป็นเช่นนี้เองนะเหรอ ถ้าเช่นนั้นก็ต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงหลายอย่างหากมีการเปลี่ยนชื่อเช่นนี้ รวมไปถึงพิธีอภิเษกที่จะจัดขึ้นในวันนี้ด้วย”รับสั่งอย่างเป็นกังวล
“เลยฤกษ์มงคลมานานแล้วไม่ควรดึงดันทำพิธีควรเลื่อนออกไปก่อนเถอะ”เว่ยหลินหลางเอ่ยขึ้นก่อนจะเหลือบสายตามองไปที่บิดาเมื่อเห็นสัญญาณบางอย่างของคนเป็นพ่อว่าให้นางกล่าวกับรัชทายาทอย่างเหมาะสม
“เพคะ”นางต่อท้ายคำดังกล่าวเสียงพึมพำ
และนั้นทำให้รัชทายาทโจวหยางเย่วอดขบขันกับท่าทีดังกล่าวของนางไม่ได้
“หากนางไม่ถนัดก็อย่าไปบังคับเลยท่านพ่อ แต่เรื่องพิธีอภิเษกสมรสเลยฤกษ์มงคลไปเช่นนี้หากต้องเลื่อนออกไปจะจัดได้อีกเมื่อไรกันเล่า”รับสั่งถามด้วยความอยากรู้
เว่ยหลินหลางกำลังจะกล่าวออกไปหากแต่เว่ยอี้บีบมือบุตรสาวเอาไว้ไม่ให้นางพูดอะไรออกมา
“เรื่องนี้สุดแล้วแต่ฝ่าบาทและฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะว่าจะทรงเลื่อนไปเมื่อไร กระหม่อมและพระชายาทำได้แต่เพียงคอยรับสนองพระราชโองการเท่านั้น ช่วงนี้ก็จะได้ดูแลสุขภาพของหลินเอ๋อให้นางกลับมาแข็งแรงเตรียมพร้อมในการเข้าพิธีอภิเษกใหม่อีกครั้ง"เว่ยอี้อธิบายกลับไป
ครั้นโจวหยางเย่วได้ยินเช่นนั้นรัชทายาทหนุ่มทรงถอนพระทัยออกมาทันทีด้วยความหนักพระทัย
“สำหรับเสด็จพ่อนั้นข้านี้ไม่ห่วง แต่เสด็จแม่นี่สิคือปัญหา”รัชทายาทหนุ่มรับสั่งอย่างหนักพระทัย
ด้วยล่วงรู้ดีว่าพระมารดาไม่พอพระทัยที่พระองค์ทรงเลือกพระชายาจากสกุลเว่ยแทนที่จะเป็นหลานสาวของพระนางที่มาจากสกุลหวังเช่นเดียวกันเพื่อสืบอำนาจต่อไป
และเหนือสิ่งอื่นใดนั่นก็คือหวังฮองเฮาสังหารสตรีในดวงใจของพระโอรสผิดตัว ในขณะเดียวกันรัชทายาทแห่งต้าโจวที่ทรงเคยคิดว่าพระชายาซึ่งเป็นสตรีที่อยู่ในหัวใจได้ตายจากไปแล้วจริงๆ
แต่นางกลับมาปรากฏตัวให้เห็นอีกครั้งในระยะเวลาที่ห่างกันเพียงแค่ไม่กี่ชั่วยามด้วยสาเหตุจากการหลับลึกตามที่เว่ยอี้กล่าวอ้าง ในขณะที่เว่ยหลินหลางเจ้าหอสำนักดวงดาวผู้หยั่งรู้เหตุการณ์หายนะครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นจนนางก้าวออกมาจากหอดวงดาวก่อนจะมีอายุครบ 20 ปี
แต่การก้าวออกจากหอดวงดาวเพื่อหวังจะบรรเทาให้เรื่องร้ายคลี่คลายลงและเพื่อช่วยราชครูเว่ยอี้ผู้เป็นบิดาของนางให้ปลอดภัยก่อนอายุ 20 ปี ของเว่ยหลินหลางในครั้งนี้ นอกจากจะทำให้ดวงชะตาของนางแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ก็ยังส่งผลต่อดวงชะตาของอีกหลายคนโดยเฉพาะสตรีที่ครองบัลลังก์หงส์ของแผ่นดินต้าโจวอยู่ในขณะนี้สั่นสะเทือนเป็นยิ่งนัก