ตอนที่ 1 บทนำ
แค้วนต้าโจว
แผ่นดินกว้างใหญ่สุดสายตา จากเหนือจรดใต้ ตะวันออกจรดตะวันตก ทั่วทุกสารทิศปกครองแคว้นน้อยใหญ่มากมาย ครอบครองผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์เพื่อก่อตัวสร้างเป็นบ้านเรือน ขยับขยายกลายเป็นชุมชนและเติบโตขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
แผ่นดินมังกรในยุคโบราณต่างมีผู้ปกครองน้อยใหญ่มากมาย แคว้นที่แข็งแกร่งกว่าจะพยายามรวบรวมกำลังคนและพื้นที่มากมายจากแคว้นที่อ่อนแอก่อตั้งเป็นราชวงศ์ของตัวเองขึ้นมา เพื่อปกครองผืนแผ่นดินน้อยใหญ่
หนึ่งในจำนวนมากมายหลายร้อยแคว้น ท่ามกลางการแก่งแย่งและช่วงชิงผืนแผ่นดินอันมั่งคั่ง แคว้นต้าโจวคือหนึ่งในนั้นที่แข็งแกร่งมากที่สุดเหนือแคว้นใดทั่วหล้า
และด้วยเพราะแผ่นดินที่สมบูรณ์และมีแคว้นในการปกครองมากถึงสองร้อยกว่าแคว้นในเวลานั้น จึงทำให้ต้าโจวแผ่ขยายอำนาจปกครองไปทั่วทุกสารทิศ และเพราะความยิ่งใหญ่นี้ทำให้การแย่งชิงเพื่อหวังครอบครองแผ่นดินต้าโจวทั้งภายในและภายนอกเข้มข้นเป็นยิ่งนัก
ฮ่องเต้แห่งต้าโจว เป็นสิ่งที่สตรีทุกคนเฝ้าใฝ่ฝันและตำแหน่งฮองเฮาแห่งต้าโจว เป็นตำแหน่งสูงสุดที่สตรีทั่วหล้าอยากก้าวมาถึงจุดนี้ด้วยกันทุกคน การช่วงชิงตำแหน่งฮองเฮาจึงเข้มข้นไม่แตกต่างไปจากสงครามแย่งชิงดินแดนแม้แต่น้อย เพราะสตรีใดที่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นแม่ของแผ่นดินต้าโจว จะได้รับเอกสิทธิ์ทางกองทัพสามารถมีกองทหารส่วนพระองค์เพื่อใช้เป็นกองหนุนและมีตราคำสั่งสามารถบัญชาการทัพได้
หากต้องการจะก้าวขึ้นปกครองแผ่นดินต้าโจวอันกว้างใหญ่นี้ให้ได้ ตำแหน่งฮองเฮาจึงเป็นสิ่งที่เหล่าขุนนางและแม้กระทั่งต่างแคว้นต้องการเข้าครอบครอง เพื่อใช้ประโยชน์จากเอกสิทธิ์ทางทหารที่จะได้รับ
นำไปสู่การยึดครองแคว้นต้าโจวผลัดเปลี่ยนราชวงศ์ใหม่ และตำแหน่งดังกล่าวจะถูกเลือกเฟ้นตั้งแต่องค์รัชทายาทยังไม่ขึ้นปกครองแผ่นดิน พิธีอภิเษกสมรสจะมีขึ้นได้เมื่อธิดาจากสกุลใหญ่ๆ ถูกส่งเข้ามาคัดเลือกในตำแหน่งพระชายาของรัชทายาทแห่งต้าโจว
ซึ่งในการคัดเลือกพระชายาดังกล่าว ถูกจำกัดเฉพาะสตรีที่อยู่ในแคว้นต้าโจวเท่านั้น สตรีนอกแคว้นหรือองค์หญิงจากต่างเมืองหมดสิทธิ์ที่จะได้ครอบครองตำแหน่งพระชายาเอกซึ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นฮองเฮาแห่งต้าโจวต่อไป
ด้วยเหตุนี้การช่วงชิงตำแหน่งพระชายาเอกของรัชทายาทแห่งต้าโจวจึงเข้มข้นยิ่งนัก เพราะผลตอบแทนที่ได้รับคืออำนาจทางการทหารที่จะได้รับสิทธิให้ถือตราคำสั่งบัญชาการทัพของแผ่นดิน และเป็นฐานอำนาจที่จะนำไปสู่บัลลังก์แห่งต้าโจวสืบต่อไป!
ด้วยเหตุนี้การแย่งชิงตำแหน่งพระชายารัชทายาท จึงเป็นเป้าหมายของทุกสกุลใหญ่ที่อยู่ในแคว้นต้าโจวและสิ้นสุดลงเมื่อ
ธิดาจากสกุลเว่ยได้ตำแหน่งนี้ไปครอบครอง ท่ามกลางความดีพระทัยของรัชทายาทโจวหยางเย่ว พระโอรสเพียงหนึ่งเดียวซึ่งประสูติจากหวังฮองเฮาแต่เป็นลำดับที่ห้าจากพระโอรสและพระธิดา 10 พระองค์ด้วยกัน ซึ่งมีพระราชบิดาเดียวกันนั้นก็คือโจวหยางหลงฮ่องเต้แห่งต้าโจว
ดังนั้นเมื่อทรงเป็นพระราชโอรสที่ประสูติจากหวังฮองเฮา ตำแหน่งรัชทายาทจึงเป็นขององค์ชายหนุ่มซึ่งไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าหวังฮองเฮาจะสามารถตั้งพระครรภ์ได้อีก เนื่องจากพระนางแท้งมาแล้วหลายครั้งหากตั้งพระครรภ์อีกอาจถึงแก่พระชนม์ชีพได้
แต่หวังฮองเฮาก็ไม่ฟังทรงยังยืนกรานที่จะอุ้มท้องด้วยหวังว่าเด็กในครรภ์จะเป็นพระโอรสเพื่อรักษาฐานอำนาจของสกุลหวังเอาไว้ให้จงได้ และก็สมความตั้งใจเมื่อพระนางประสูติพระโอรสออกมาจริงๆ จึงทำให้ตำแหน่งรัชทายาทถูกเปลี่ยนแปลงตกมาอยู่องค์ชายโจวหยางเย่วทันที ตามความประสงค์ของหวังฮองเฮาที่ต้องการให้พระโอรสที่นางประสูติขึ้นเป็นรัชทายาท
และนั่นทำให้พระเชษฐาพระองค์ใหญ่โจวลี่หยาง ซึ่งประสูติจากอันฟูเหรินพระสนมเอกและดำรงตำแหน่งเป็นรัชทายาทในขณะนั้น ถูกปลดออกจากตำแหน่งรัชทายาทตามกฎมณเทียรบาลของแคว้น ว่ารัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์จะต้องประสูติจากฮองเฮาเท่านั้น
ถึงแม้จะกำหนดว่าต้องเป็นพระโอรสองค์ใหญ่ที่จะได้ขึ้นครองบัลลังก์ก็ตาม แต่ถ้าพระมารดาไม่ใช่ฮองเฮาก็นั่งปกครองแผ่นดินไม่ได้ ยกเว้นเสียแต่ว่าฮองเฮาไม่สามารถให้กำเนิดรัชทายาทได้ พระโอรสซึ่งประสูติจากพระมารดาที่มีตำแหน่งต่ำกว่าจะได้ขึ้นครองแคว้น
ภายหลังที่อดีตรัชทายาทโจวลี่หยางถูกปลดจากตำแหน่งอันหนักอึ้ง ซึ่งพระองค์ไม่เคยอยากได้ครอบครองแม้แต่น้อยแม้ว่าในขณะนั้นจะทรงพระเยาว์แต่เพราะมีสติปัญญาปราดเปรื่อง และมีพื้นฐานจิตใจดีรู้สึกดีพระทัยอย่างยิ่งยวดที่ไม่ได้ครอบครองบัลลังก์แห่งต้าโจว
แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ช่วยอดีตรัชทายาทได้เลย พระองค์กลับถูกหวังฮองเฮาผู้หวาดระแวงกลัวโจวลี่หยางจะมาแย่งชิงบัลลังก์ของพระโอรสองค์น้อยไป ด้วยเพราะโจวหยางเย่วเพิ่งจะประสูติในขณะที่โจวลี่หยางมีพระชนมายุแปดชันษาและมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดเต็มไปด้วยความปราดเปรื่องมาตั้งแต่พระองค์ยังทรงพระเยาว์
หวังฮองเฮาจึงใช้แผนชั่วให้โหรหลวงที่ถูกพระนางซื้อตัวมาเป็นฝ่ายเดียวกันทำนายทายทักโจวลี่หยาง อดีตรัชทายาทว่าเป็นดาวแห่งหายนะและเป็นกาลกิณีของแคว้นต้าโจว ให้เนรเทศไปอยู่ชายแดนและทำคุณให้แก่แผ่นดิน โดยการออกล่าดินแดนเพื่อขยายแคว้นต้าโจวให้กว้างใหญ่
หยางหลงฮ่องเต้ผู้มีความเชื่อในเรื่องของลิขิตแห่งสวรรค์และโชคชะตา หลงเชื่อคำลวงของโหรหลวงที่เป็นฝ่ายเดียวกับหวังฮองเฮาจึงทรงมีพระบัญชาเนรเทศโจวลี่หยางอดีตรัชทายาท ไปที่ชายแดนอันห่างไกลทันทีห้ามเหยียบเมืองหลวงตลอดกาล และคำสั่งดังกล่าวทำให้อันฟูเหรินพระมารดาโศกเศร้าเสียพระทัยเป็นอย่างมากที่หยางหลงฮ่องเต้ทรงมีพระบัญชาเช่นนั้น
และนั่นจึงเป็นสาเหตุทำให้อันฟูเหรินทรงเสียพระทัยเป็นยิ่งนักที่ถูกพลัดพรากจากพระโอรส ซึ่งถูกเนรเทศไปอยู่ชายแดนในขณะที่มีพระชนมายุเพียงแปดพระชันษาเท่านั้น พระนางเริ่มล้มป่วยและรักษาพระวรกายอยู่นานก่อนจะสิ้นพระชนม์ลงอย่างสงบหลังจากที่พระโอรสถูกเนรเทศไปแล้วสิบห้าปี
แต่ในขณะเดียวกันก็มีผู้สงสัยว่าอันฟูเหรินแท้จริงแล้วสิ้นพระชนม์ด้วยสาเหตุอื่นอย่างเป็นปริศนาหาใช่เกิดจากการจากไปเพราะโรคภัยอันมีสาเหตุมาจากที่พระโอรสทรงถูกเนรเทศแต่อย่างใด พระนางทรงเข็มแข็งมากกว่าที่คิดและรอคอยการกลับมาของพระโอรสอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกมาโดยตลอด
การสิ้นพระชนม์ที่เต็มไปด้วยเงื่อนงำของอันฟูเหรินนั้นทำให้หวังฮองเฮาดีพระทัยอย่างล้นเหลือที่สามารถกำจัดศัตรูตัวฉกาจที่เป็นภัยต่อราชบัลลังก์ของพระโอรสและศัตรูหัวใจของพระนางลงได้ในเวลาไล่เลี่ยกัน ด้วยเพราะอันฟูเหรินเป็นพระสนมที่หยางหลงฮ่องเต้ทรงรักอย่างจริงใจ
ครั้นรัชทายาทโจวหยางเย่วมีอายุครบ 20 พระชันษาและสำเร็จศาสตร์ทั้งบู้และบุ๋นก็ถึงคราวที่จะต้องอภิเษกสมรสตามโบราณราชประเพณี ซึ่งองค์ชายรัชทายาทพยายามบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด จนกระทั่งพระชนมายุเข้าปีที่ 20 ไม่สามารถหาข้ออ้างเพื่อชะลอการอภิเษกได้อีกต่อไป จึงจำต้องตกลงเข้าพิธีอภิเษกสมรสโดยมีเงื่อนไขว่า
เหล่าขุนนางจะต้องส่งบุตรีเข้าวังหลวงเพื่อคัดตัวไม่ต้องการเลือกจากสกุลใดสกุลหนึ่งที่ถูกวางตัวเอาไว้ก่อนหน้านั้น ซึ่งฮ่องเต้ต้าโจวก็ทรงเห็นชอบด้วยเช่นกันจึงทำให้เกิดการคัดเลือกพระชายารัชทายาทครั้งใหญ่เพื่อต้องการตราบัญชาทัพอีกครึ่งหนึ่งของแผ่นดินไว้กับสกุลของตัวเอง
ด้วยเหตุนี้บุตรีของขุนนางจึงได้เข้าร่วมการคัดเลือกพระชายารัชทายาทเป็นครั้งแรกในแผ่นดินต้าโจว ซึ่งปกติแล้วจะถูกวางตัวเอาไว้ก่อนหน้านั้น และจะมาจากสกุลหวังทั้งสิ้นที่ครองตำแหน่งฮองเฮามาโดยตลอด และถูกเปลี่ยนมือไปอย่างน่าตกใจเมื่อองค์ชายรัชทายาททรงเลือกชื่อบุตรีของขุนนางระดับสูงผู้หนึ่งให้มายืนหนึ่งเคียงข้างกายกับพระองค์ซึ่งทำให้เกิดความไม่พอใจกับหลายฝ่ายโดยเฉพาะหวังฮองเฮา
ตระกูลเว่ยก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงโชคชะตาแห่งความวุ่นวายนี้ไปได้ พระราชโองการถูกถ่ายทอดลงไปเพื่อให้เหล่าขุนนางส่งบุตรีของตัวเองเข้าร่วมการคัดเลือกดังกล่าว เป็นไปตามรายชื่อที่แจ้งทะเบียนเกิดเอาไว้และทันทีที่รายชื่อของบุตรีสกุลเว่ยได้ถูกส่งเข้ามาภายในวังหลวง เพื่อเข้าร่วมการคัดเลือกพระชายารัชทายาท
องค์ชายรัชทายาททรงแอบหลงรักสตรีผู้หนึ่งมานานแสนนานแต่นางไม่เคยปรากฏตัวในหมู่ชนชั้นสูงหรือในเมืองหลวงให้ผู้ใดได้พบเห็น ด้วยนางพำนักอยู่ในหุบเขาลึกตามคำสั่งของบิดานั่นก็คือราชครูเว่ยอี้แม้ไม่ล่วงรู้นามจริงของนางก็ตาม แต่ก็ทรงล่วงรู้ว่าบิดาของนางก็คือเว่ยอี้ พระอาจารย์สอนของพระองค์นั่นเอง
ด้วยธิดาจากสกุลเว่ย ได้ครอบครองหัวใจของรัชทายาทโจวหยางเย่วมาตั้งแต่พระองค์ยังมีชันษาเพียง 15 ปีเท่านั้น นางจากแคว้นต้าโจวไปพำนักอยู่กลางขุนเขาในเขตแดนของแคว้นต้าฉีตามคำสั่งของเว่ยอี้ผู้เป็นพ่อ
และเพิ่งจะเดินทางกลับมาได้ไม่นาน เมื่อขุนนางน้อยใหญ่ต่างต้องส่งรายชื่อของบุตรีในสกุลเพื่อทำการคัดเลือกพระชายารัชทายาทตามราชโองการ ทันทีที่องค์รัชทายาทล่วงรู้ว่า ราชครูเว่ยอี้ได้ส่งชื่อบุตรีของตนเข้าร่วมการคัดเลือกพระชายารัชทายาทในครั้งนี้ด้วย โดยไม่เต็มใจแม้แต่น้อยแต่เพราะขัดพระราชโองการไม่ได้นั่นเอง
และนั่นทำให้รัชทายาทโจวหยางเย่วไม่รีรอที่จะปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไป ทรงตัดสินพระทัยเลือกธิดาจากสกุลเว่ย ที่เฝ้าหลงรักมานานแสนนานเพื่อให้นางได้เป็นพระชายาเอกทันที
หลังจากที่นางผ่านเข้ารอบสามคนสุดท้าย โดยที่นางยังไม่ทันจะเข้าวังเพื่อเข้ามาทำการคัดเลือกตรงพระพักตร์ของพระองค์ ขอเพียงแค่พระชายาเอกคือบุตรีของราชครูเว่ยอี้ก็พอแล้ว ซึ่งไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้มาก่อนเลยว่ารัชทายาทโจวหยางเย่วและธิดาจากสกุลเว่ยนั้น เคยพานพบหน้ากันมาแล้วจากเหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์รัชทายาทเมื่อห้าปีก่อน
ท่ามกลางความไม่พอพระทัยเป็นอย่างมากของหวังฮองเฮาพระมารดา ที่ธิดาจากสกุลเว่ยได้ตำแหน่งพระชายารัชทายาทนี้ไป ในขณะที่หลานสาวของพระนางซึ่งมาจากสกุลหวัง ซึ่งมาจากสกุลเดียวกันกับหวังอองเฮานางได้เป็นเพียงพระชายารองและธิดาจากสกุลเหยียนและสกุลอิ๋งได้เป็นอนุชายา
การคัดเลือกพระชายารัชทายาทในครั้งนี้จึงมีผู้พลาดหวังและไม่บรรลุวัตถุประสงค์ที่จะได้เอกสิทธิ์ทางกองทัพไปครอบครอง เพราะต้องถูกเปลี่ยนมือจากสกุลหวังไปสู่สกุลเว่ยแทน
ซึ่งสกุลดังกล่าวครองตำแหน่งราชครูสืบทอดกันมานับรุ่นต่อรุ่น เป็นตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่แต่ไร้สิ้นอำนาจในกำมือ เมื่อธิดาสกุลเว่ยได้ขึ้นครอบครองตำแหน่งพระชายารัชทายาทซึ่งจะได้เป็นฮองเฮาของต้าโจวสืบต่อไป ก็เท่ากับว่ากองทหารครึ่งหนึ่งของแผ่นดินได้ไปตกอยู่ในกำมือสกุลของราชครูที่ขึ้นชื่อได้ว่าปราดเปรื่องที่สุดในแผ่นดิน หากเป็นเช่นนั้นการช่วงชิงบัลลังก์ต้าโจวเห็นทีจะยากลำบากมากยิ่งขึ้นนับเท่าทวีคูณ
จวนราชครู
จวนราชครูในเวลานี้เต็มไปด้วยผ้าแดงมงคลประดับเอาไว้ทั่วทุกพื้นที่ ดอกไม้นานาพรรณถูกนำมาตกแต่งภายในจวนมากมายเพื่อให้ประชาชนในแคว้นต้าโจวต่างล่วงรู้กันถ้วนหน้า
ว่าจวนราชครูเว่ยอี้ผู้ปราดเปรื่อง ซึ่งอยู่ในฐานะพระอาจารย์ของรัชทายาทโจวหยางเย่ว สกุลเว่ยได้ก้าวเข้าสู่การเป็นสมาชิกของเชื้อพระวงศ์ ราชครูผู้เต็มไปด้วยความปราดเปรื่องทั้งเชิงบู้และบุ๋น จะกลายเป็นพ่อตาของว่าที่ฮ่องเต้ต้าโจวในภายภาคหน้า
แต่ดูเหมือนว่าตัวราชครูไม่อยากให้สกุลเว่ยได้ครอบครองตราบัญชาทัพอีกครึ่งหนึ่งของต้าโจวแม้แต่น้อย ด้วยล่วงรู้ดีว่าหวังฮองเฮาทรงไม่พอพระทัยอย่างยิ่งยวดกับอำนาจทางการทหารถูกเปลี่ยนมือไปที่สกุลเว่ยแทนที่จะอยู่กับสกุลหวังมาโดยตลอด
และการตัดสินใจขององค์ชายรัชทายาทในครั้งนี้ทำให้เปลี่ยนถ่ายขั้วอำนาจไปอย่างสิ้นเชิง และผลที่ติดตามมานั้นก็คือความพยายามที่สกุลหวังต้องการจะรักษาตราบัญชาทัพอีกครึ่งหนึ่งของแคว้นให้ดำรงอยู่ต่อไป
ภายในห้องนอนพระชายารัชทายาท
อึก! อึก! อึก! เสียงอึกอักอยู่ในลำคอพยายามที่จะร้องตะโกนขอความช่วยเหลือให้บ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านนอกได้ล่วงรู้อันตรายที่เป็นภัยถึงแก่ชีวิตของนางเพื่อให้รอดพ้นจากการถูกลอบสังหารอย่างอุกอาจ ซึ่งบุกเข้ามาจนถึงภายในห้องนอนพระชายารัชทายาท ซึ่งกำลังจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสในอีกไม่กี่ชั่วยามข้างหน้า
และขบวนอภิเษกที่จะรับเจ้าสาวไปยังวังหลวง รัชทายาทโจวหยางเย่วเสด็จมารับพระชายาเอกด้วยพระองค์เองเพื่อนำนางเข้าสู่วังหลวงไปด้วยกัน เป็นพิธีอภิเษกสมรสที่รัชทายาทหนุ่มทรงยินดีและเต็มพระทัยยิ่งนักที่จะเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินเคียงคู่กับพระชายาที่ทรงมอบหัวใจรักไว้ให้กับนางต่อหน้าสวรรค์และสักขีพยานนับไม่ถ้วน
ร่างของธิดาแห่งสกุลเว่ยในวัยเพียง 17 ปี พยายามตะเกียกตะกายให้ชีวิตของนางหลุดพ้นจากการถูกกดทับด้วยหมอนหนุนที่ยัดด้วยขนห่านอยู่บนใบหน้าของนางเอาไว้จนแน่นอยู่ในขณะนี้ สองมือพยายามไขว่คว้าดึงทึ้งหมอนที่กำลังกดทับใบหน้าของนางอยู่ในขณะนั้นอย่างสุดแรง
ตึง! ตึง! ตึง! เท้าทั้งสองข้างพยายามกระทืบฟูกนอนที่ปูรองเตียงอยู่ในขณะนั้นอย่างแรงเพื่อให้ล่วงรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของพระชายารัชทายาทอยู่ในขณะนี้
“ชะ..ช่วย…ด้วย! ช่วย...ข้า...ด้วย!!!”ธิดาจากสกุลเว่ย พยายามร้องขอความช่วยเหลือจากด้านนอกอย่างสุดชีวิตแต่ดูเหมือนบ่าวที่เฝ้าอยู่นอกห้องจะรู้เห็นเป็นใจกับมือสังหารด้วยเพราะถูกหวังฮองเฮาส่งมากำจัดพระชายารัชทายาท
“ร้องไปเถอะ! ไม่ว่าจะพยายามร้องขอชีวิตอย่างไรก็ตาม ชีวิตของเจ้าจะต้องจบลงเดี๋ยวนี้! อย่าหวังว่าพวกสกุลเว่ยจะได้ครอบครองทุกสิ่ง เพราะข้าจะไม่มีวันให้เป็นเช่นนั้น ชีวิตของเจ้าต้องจบลงก็เพราะดันถูกเลือกให้เป็นพระชายารัชทายาท ด้วยเหตุนี้เจ้าจึงต้องตายสถานเดียว”เสียงคำรามลั่นดังอยู่เหนือร่างที่กำลังคร่อมพระชายารัชทายาทเอาไว้อยู่ในขณะนั้น
อู้วววว!!! เสียงอู้อี้เอ็ดอึงอยู่ใต้หมอนดังอยู่ชั่วขณะ ร่างที่พยายามดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไปค่อยๆ สงบลงไร้เรี่ยวแรงต่อต้านและขัดขืนอีกต่อไปก่อนจะเริ่มหยุดการเคลื่อนไหวและนิ่งสนิทในเวลาต่อมาพร้อมลมหายใจที่หลุดลอยออกจากร่าง
รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมือสังหารที่แอบแฝงเข้ามาในจวนราชครูเพื่อทำการใหญ่ครั้งนี้ และชีวิตของธิดาสกุลเว่ยก็ถูกสังหารเป็นผลสำเร็จ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้นางก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งพระชายารัชทายาทและเพื่อไม่ให้สกุลเว่ยได้ครอบครองกำลังทหารอีกครึ่งของแผ่นดิน
ร่างใหญ่ของบุรุษที่ปลอมตนอยู่ในร่างของสตรี แฝงตัวเข้ามาเป็นบ่าวรับใช้ที่คอยดูแลเรือนนอนของธิดาสกุลเว่ย ค่อยๆ ยกหมอนที่นางใช้หนุนศีรษะออกจากใบหน้า เผยให้เห็นใบหน้าของธิดาจากสกุลเว่ย มีสภาพดวงตาทั้งสองข้างเบิกค้างอยู่เช่นนั้น ร่างของนางแน่นิ่งไม่ไหวติงแต่ดวงตาของนางจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของมือสังหาร
พรึบ! เปลือกตาถูกมือหนาลูบลงเพื่อให้ปิดสนิท ก่อนจะจัดแจงศพให้อยู่ในท่านอนปกติ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับนางให้สาเหตุของการเสียชีวิตมาจากการนอนหลับและสิ้นลมหายใจไปเอง เพื่อตัดปัญหาที่จะมีการสืบค้นสาเหตุของการตายธิดาของสกุลเว่ย
หากลงมือสังหารโดยใช้อาวุธจะต้องล่วงรู้ทันทีว่ามีผู้ขัดขวางไม่ให้มีพิธีอภิเษกสมรสเกิดขึ้น หรือถ้าใช้ยาพิษในทุกรูปแบบ แน่นอนว่าหมอหลวงก็ต้องตรวจพบซึ่งรัชทายาทโจวหยางเย่ว ไม่มีทางปล่อยให้ผู้ใดลอยนวลเอาไว้อย่างแน่นอน
รัชทายาทหนุ่มจะต้องลากคอผู้ลอบปลงพระชนม์พระชายาของพระองค์นำมาสังหารให้ตายตกไปตามกันอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะธิดาจากสกุลเว่ยเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวที่ได้ครอบครองหัวใจโจวหยางเย่วไปทั้งหมด
แม้ว่าจะเคยพานพบหน้าเมื่อห้าปีก่อน แต่นางกลับทำให้องค์ชายรัชทายาทซึ่งในขณะนั้นพระชนมายุเพียงแค่ 15 ชันษาและธิดาจากสกุลเว่ยในเวลานั้นมีอายุเพียงแค่ 11 ปีเท่านั้น แต่นางกลับสามารถเข้าไปอยู่ในหัวใจของพระองค์นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน
มือสังหารในร่างของบ่าวรับใช้แต่งกายเป็นหญิง รีบจัดวางร่างอันไร้วิญญาณของพระชายารัชทายาทให้อยู่ในท่านอนหงายและดูเหมือนว่านางกำลังหลับใหลสนิทบนเตียงนอนของตัวเอง
ผ้าห่มนำมาคลุมกายอย่างมิดชิดจนถึงหน้าอกพร้อมดึงผ้าปูฟูกนอนให้แน่นตึงเหมือนเดิม ก่อนจะรีบปลดผ้าม่านทั้งสองข้างปิดบังร่างอันไร้วิญญาณนั้นพร้อมส่งสัญญาณให้บ่าวที่ยืนเฝ้าอยู่นอกห้องได้ล่วงรู้
กรู้วววว!!! กรู้ววววว! กรู้วววว!!! เสียงนกส่งสัญญาญติดต่อกันสามครั้งเป็นการแจ้งข่าวว่างานลุล่วงเป็นผลสำเร็จ รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของบ่าวรับใช้ที่คอยยืนเฝ้ายามอยู่ภายในบริเวณนั้นครั้นได้ยินสัญญาณดังกล่าว
บรรดาบ่าวรับใช้ซึ่งล้วนแล้วแต่ถูกหวังฮองเฮาซื้อตัวเอาไว้แล้วทั้งสิ้น ต่างพากันเมินเฉยไม่สนใจร่างของมือสังหารที่กำลังก้าวออกมาจากห้องนอนของพระชายารัชทายาทก่อนจะหลบหนีออกไปจากจวนราชครูอย่างลอยนวลเพื่อกลับไปรายงานให้หวังฮองเฮาได้ทรงทราบผลของการสังหารในครั้งนี้