โรงหมอ
ภายในห้องพัก
เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ กลอกกลิ้งไปมา ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย สะอาดสะอ้านของเด็กหนุ่มในวัยสิบห้าปีกำลังจะเปิดขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากได้สติกลับคืนมาเพียงชั่วครู่ช่วงย่ำรุ่ง ซึ่งรัชทายาทแห่งต้าโจวหมดสติไปถึงสามวันสามคืนเต็มๆ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความพร่ามัวเริ่มเปิดขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะเห็นร่างบอบบางของเด็กผู้หญิงนางหนึ่งยังไม่ถึงวัยปักปิ่นกำลังเดินเข้ามาภายในโรงหมอและมาหยุดยืนตรงหน้าเตียงไม้ไผ่ที่รัชทายาทแห่งต้าโจวกำลังนอนเจ็บอยู่ในขณะนี้
“จะ...เจ้า....เจ้าเป็น..ค...ใคร”รัชทายาทแห่งต้าโจวรับสั่งถามสุรเสียงกระท่อนกระท่อน
ในขณะที่เว่ยหลินหลางยืนมองเด็กหนุ่มที่โตกว่านางอยู่หลายปีกำลังมองตรงมาที่นางด้วยความแปลกใจ ก่อนจะนั่งลงบนขอบเตียงไม้พร้อมเอ่ยขึ้น
“ข้าเป็นคนรักษาอาการบาดเจ็บของท่านพี่ชาย ตอนนี้ฟื้นแล้วขอข้าตรวจดูอาการอีกครั้งก็จะล่วงรู้ว่าสุขภาพของท่านมีอะไรที่น่าเป็นห่วงหรือไม่”เว่ยหลินหลางพูดพร้อมตรงเข้าจับชีพจรตรงข้อมือของรัชทายาทหนุ่มน้อยทันที
พรึบ!!! ทันทีที่เว่ยหลินหลางสัมผัสกับข้อพระหัตถ์ขององค์ชายรัชทายาท ภาพเหตุการณ์ในอนาคตปรากฏขึ้นมาโดยพลัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางเคยสัมผัสกับพระวรกายเพื่อให้การรักษาแต่ก็ไม่ปรากฏสิ่งใดเกิดขึ้นแม้แต่น้อย
ภาพตรงหน้าคือเว่ยหลินหลางในอีกห้าปีข้างหน้า นางกำลังยืนอยู่บนหอคอยดวงดาวพร้อมเสียงคร่ำครวญด้วยความเสียใจอย่างยิ่งยวดต่อการจากไปของใครบางคน
“หลิงเอ๋อของข้าตายแล้วอย่างนั้นเหรอ! น้องสาวของข้าจะตายได้อย่างไรกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะสิ้นลมหายใจในขณะที่กำลังหลับใหลเช่นนั้น ในเมื่อข้ารักษาอาการหอบหืดของนางหายไปจนหมดสิ้นแล้ว วิชาแพทย์ของข้าไม่มีทางที่จะรักษโรคาผู้ใดไม่หาย”เว่ยหลินหลางเฝ้ารำพึงรำพันอยู่เช่นนั้น ก่อนจะหยุกชะงักเมื่อนางฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้
“นอกเสียจากนางถูกทำให้หมดลมหายใจ หากน้องข้าถูกสังหารเพราะมีผู้ต้องการทำให้นางตายโดยไร้สิ้นความสงสัยประเด็นนี้ต่างหากที่เป็นไปได้มากทีเดียว”เว่ยหลินหลางเอ่ยลอดไรฟัน
นิ้วมือถูกยกขึ้นพร้อมนับวิถีอายุของหลิงเหลียนเพื่อตรวจสอบดวงชะตา และก็ต้องหยุดชะงักเมื่อนางล่วงรู้แล้วว่าการตายของน้องสาวในครั้งนี้นอกจากนางจะหมดอายุขัยลงแล้ว แต่สาเหตุการตายนั้นกลับมีเงื่อนงำ ดวงตาคู่สวยลุกวาววับขึ้นมาโดยพลันเมื่อเว่ยหลินหลางล่วงรู้แล้วเช่นนั้น
“ดูท่าการแต่งงานของหลิ่งเอ๋อกับรัชทายาทแห่งต้าโจวจะต้องไม่เป็นที่พอใจของหลายฝ่ายเป็นแน่ ผู้ที่สูญเสียประโยชน์สูงสุดก็คือน่าสงสัยมากที่สุด และไม่น่าจะเป็นผู้ใดไปไม่ได้หากไม่ใช่สกุลหวังและสกุลเหยียน สองสกุลนี้ได้เป็นแค่ชายารองและอนุชายาเท่านั้น”เว่ยหลินหลางสรุปตามความคาดเดา ก่อนจะกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างแรงจนโลหิตไหลซึมออกมาเลยทีเดียว
“แม้ข้าจะล่วงรู้แต่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ หากก้าวเท้าออกไปจากหอดวงดาวในเวลานี้ชะตาชีวิตของข้าจะต้องพลิกผันไปทันทีนอกเสียจากสวรรค์จะอนุญาตให้ก้าวออกไป ต้องรอจนกว่าอายุจะครบ 20 ปี จึงจะสามารถออกจากหอดวงดาวนี้ได้ นี่ข้าไม่มีวิธีอื่นแล้วหรืออย่างไรที่จะช่วยหลิงเอ๋อได้!”
พรึบ! ภาพเหตุการณ์ล่วงหน้าเลือนหายไปทันทีพร้อมอาการตื่นตระหนกของเว่ยหลินหลาง
“คนผู้นี้!”นางกล่าวได้เพียงเท่านั้น
พรวดดด!!! ร่างเล็กๆ รีบลุกพรวดพราดขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตจ้องพระพักตร์รัชทายาทแห่งต้าโจวเขม็ง
ท่ามกลางสายพระเนตรของรัชทายาทหนุ่มน้อยเมื่อล่วงรู้ว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ตรงพระพักตร์คือหมอรักษาพระอาการบาดเจ็บของพระองค์และนางกำลังแสดงท่าทีแปลกๆ ออกมาให้เห็นอยู่ในขณะนี้
“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้า! ท่านหมอน้อยมีนามว่าอะไรอย่างนั้นเหรอ ในวันข้างหน้าข้าจะแทนคุณเจ้าอย่างงดงาม”โจวหยางเย่วถามกลับไปด้วยความอยากรู้
เว่ยหลินหลางส่ายหน้าไปมาติดต่อกันครั้นได้ยินเช่นนั้น ดวงตายังคงจับจ้องหนุ่มน้อยตรงหน้าไม่วางตาก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ข้าเกิดมาไร้แซ่และนาม ภายในสถานที่แห่งนี้เรียกข้าว่า หมอเทวดา ท่านล่วงรู้แค่นี้ก็พอ อาการบาดเจ็บของท่านไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วง ส่วนข้อเท้าของท่านอีกไม่เกิน 15 วันก็จะสามารถลุกขึ้นเดินไปมาได้แล้ว แต่ยังหักโหมไม่ได้ข้าดามเฝือกอ่อนให้กับท่านเอาไว้แล้ว และไม่ต้องไปแตะต้องมันจนกว่าจะครบหกสิบวันหลังจากนั้นจึงนำเอาออกได้ พอท่านสามารถลุกเดินได้แล้วข้าจะให้คนไปส่งกลับบ้าน”เว่ยหลินหลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยพร้อมหันหลังกลับเดินออกไปจากบริเวณนั้นทันที
ท่ามกลางความงุนงงสงสัยกับทุกคนที่อยู่ในเวลานั้นโดยเฉพาะโจวหยางเย่ว
“ดะ..เดี๋ยว...เดี๋ยวท่าน..หมอ”รัชทายทรูปงามร้องเรียกตามหลังก่อนจะได้ยินเสียงท่านลุงหกเอ่ยขึ้น
“เจ้าหนุ่มนอนพักต่อเถอะ ท่านหมอก็เป็นแบบนี้แหละเมื่อตรวจอาการเสร็จแล้วก็จากไป แต่รักษาไม่เคยผิดพลาดแม้แต่ครั้งเดียว อีกไม่นานก็กลับบ้านได้แล้วเดี๋ยวถึงวันนั้นเมื่อไรพวกข้าจะพาเจ้าลงจากเขาและส่งถึงที่หมายอย่างปลอดภัย”ลุงหกบอกกับเด็กหนุ่มที่กำลังนอนฟังอยู่ในขณะนั้น
ใบหน้าคมคายพยักขึ้นลงติดต่อกันพลางเหลือบสายตามองไปทางประตูทางเข้าของโรงหมอที่เห็นร่างเล็กอยู่ในระยะไกล
“ขอบพระคุณขอรับท่านลุง ว่าแต่ท่านหมอไม่มีชื่อแซ่จริงๆ อย่างนั้นเหรอจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่นางเกิดมาไร้สิ้นทั้งแซ่และนามกล่าวขานเช่นนั้นได้”รัชทายาทหนุ่มน้อยรับสั่งถามอย่างคลางแคลงใจยิ่ง
“อย่าไปใส่ใจเรื่องแซ่และนามของท่านหมอน้อยเลยพ่อหนุ่ม นางไม่ชอบให้ผู้ใดถามแต่ก็ใช่ว่าไร้สิ้นญาติมิตรและวงศ์วานเพราะหากจะกล่าวกันตามจริงแล้ว ท่านหมอเป็นถึงบุตรีของราชครูเลยเชียวนะ”ลุงหกบอกอีกฝ่ายกลับไปด้วยไม่คิดว่าบุคคลตรงหน้าจะล่วงรู้เกี่ยวกับชนชั้นขุนนาง
“บุตรีราชครู!!”รัชทายาทหนุ่มรำพึงเสียงเบาก่อนจะถามกลับไปด้วยความอยากรู้
“ราชครูแคว้นต้าฉีอย่างนั้นหรือขอรับท่านลุง”รับสั่งถาม
ทว่าลุงหกส่ายหน้าไปมาเป็นสัญญาณปฏิเสธพร้อมเอ่ยขึ้น
“เปล่า! แคว้นต้าฉีมีราชครูเสียที่ไหนกันเล่า มีเพียงไม่กี่แคว้นเท่านั้นที่มีตำแหน่งราชครู พูดไปเจ้าก็ไม่รู้จักหรอกรีบพักผ่อนเสียเถอะ วันหลังข้าจะมาเยี่ยมอีก”ท่านลุงหกตัดบทสนทนาอย่างรวดเร็วพร้อมก้าวเดินออกจากโรงหมอไปท่ามกลางสายพระเนตรของรัชทายาทแห่งต้าโจว
“ตำแหน่งราชครูมีเพียงไม่กี่แคว้น หนึ่งในนั้นมีแคว้นต้าโจว ซึ่งมีตำแหน่งราชครูรวมอยู่ในนั้นด้วย”รัชทายาทหนุ่มรับสั่งพึมพำก่อนจะล้มตัวลงนอนดั่งเดิมด้วยรู้สึกปวดแผลที่ถูกเย็บบนพระเศียรขึ้นมาตุบๆ