บทที่ 5 ความลับของคนไม่เข้าตา

1829 Words
ขณะเดียวกันทุกคนก็อดเป็นห่วงเฮนรี่ไม่ได้ เพราะทำให้คุณหนูของบ้านไม่พอใจ แถมปรายฟ้ายังไม่ถูกชะตากับเฮนรี่ตั้งแต่แรก หรืออาจจะเป็นเพราะนิสัยส่วนตัวที่ไม่ยอมให้ใครมาดูแลได้ง่ายๆ บอร์ดี้การ์ดคนแล้วคนเล่าที่บิดาหาให้ ต่างต้องเก่งขั้นเทพทั้งนั้นและดูแลได้ทุกอย่าง ที่สำคัญมีอายุมากพอสมควร แต่กับเฮนรี่คนนี้อายุน้อยเกินไปในสายตาเธอ ไหนจะทำท่าทางหยิ่งจองหอง ผยองใส่ แถมยังเย็นชา และทำตัวแก่แดดอีกต่างหาก แบบนี้จะอยู่ด้วยกันได้ยังไง              ต่อมา ในห้องทำงานของประกิต ผู้เป็นใหญ่ในบ้านตฤณยากร เฮนรี่ค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปอย่างช้าๆ ด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อย แต่สามารถเก็บอาการได้เป็นอย่างดี เมื่อเข้ามาในห้องทั้งบอร์ดี้การ์ดและพสุซึ่งเป็นผู้ช่วยของประกิตก็ยืนขนาบนายใหญ่ ราวกับกำลังรอคาดโทษเฮนรี่เต็มที่             “เท่าที่เห็นตัวจริงวันนี้ ยัยฟ้าเป็นยังไงบ้าง” ประกิตถามขึ้นน้ำเสียงเรียบ ติดจะอ่อนโยนเสียด้วยซ้ำ นึกว่าจะดุเสียอีก เฮนรี่คิด             “เอ่อ ผมไม่ทราบครับคุณท่าน” เฮนรี่ไม่กล้าพูดมากกว่า             “ไม่ทราบหรือไม่กล้าพูด” ประกิตถามอีกครั้ง ใครจะกล้าวิจารณ์ลูกสาวต่อหน้าพ่อเล่า             “พูดมาเถอะเฮนรี่ จะได้ให้มันเข้าใจกัน ไม่อย่างนั้นทำงานไม่ได้” พสุผู้ช่วยคนเก่งของประกิตเอ่ยแทรกขึ้น             “คือผมบอกไม่ถูกเหมือนกันครับ ตอนนี้ผมยังไม่รู้ว่าคุณหนูนิสัยยังไงกันแน่ ทั้งที่ทราบมาก่อนแล้ว”             “บอกไม่ถูกฉันจะบอกให้ก็ได้ ยัยฟ้าน่ะ นิสัยจองหอง เย่อหยิ่ง ไม่ยอมรับใครง่ายๆ โดยเฉพาะบอร์ดี้การ์ดที่จะมาดูแล เพราะต้องดูแลทุกอย่าง ฉะนั้นคนที่ไม่รู้จักก็ยิ่งไม่ยอมให้เข้าถึงตัว ปีที่แล้วฉันเลือกเธอเพราะเก่ง นิสัยคล้ายยัยฟ้า สายตาเธอน่ะมันจองหองใส่ยัยฟ้า หึๆ นั่นแหละที่ลูกสาวฉันไม่ชอบล่ะ” ไม่อยากเชื่อแค่เพียงชั่วครู่ของการพบหน้ากันระหว่างเฮนรี่กับปรายฟ้า จะทำให้ประกิตรู้ทุกอย่าง ว่าเฮนรี่ทำอย่างนั้นจริงๆ             “ทำไมคุณท่านทราบครับ” เฮนรี่คงสงสัยเจ้านายคนนี้สินะ             “ฮ่าๆ ฉันเป็นพ่อ ทำไมจะไม่รู้จักลูกสาวตัวเอง แล้วฉันรู้จักเธอมาเป็นปีๆ” ไม่ใช่แค่รู้จักลูกสาวตัวเองดี แต่รู้จักเฮนรี่เป็นอย่างดีเช่นกันแม้จะทำงานเพียงหนึ่งปีกว่าๆ ก็ตาม             “ดูเหมือนคุณหนูจะไม่ค่อยยอมรับการ์ดอายุน้อยอย่างผม” บางอย่างทำให้ปรายฟ้าต่อต้าน อาจจะไม่ใช่เพราะว่าอายุน้อยก็เป็นได้             “นายไม่ได้อายุน้อยเสียหน่อย เป็นผู้ใหญ่มากแล้ว แต่ยัยฟ้าชอบคนแก่มากกว่า เธอต้องพิสูจน์ตัวเอง ว่าดูแลได้ทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิต ไม่ใช่แค่ชีวิตยัยฟ้า แต่รวมทั้งคนอื่นด้วย ยิ่งยัยฟ้ากลับมายิ่งถูกจับตามองมากขึ้นเพราะเป็นลูกฉัน”             “ตอนแรกผมคิดว่าผมเก่ง ทำได้ทุกอย่างแต่พอเจอคุณหนู ผมทำอะไรไม่ถูกเลยครับ เริ่มต้นไม่ถูก” จะว่าไปแล้วเธอเหวี่ยงเสียจนเขารับไม่ทันเสียมากกว่า             “ฉันจะเริ่มต้นให้ เหตุผลที่เลือกเธอให้มาดูแลยัยฟ้า ก็เพราะว่าเธอยังหนุ่มมาก ลูกสาวฉันก็ไม่เด็ก แต่ก็ยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากพอ เธอเสมือนพี่นะเฮนรี่ สามารถให้คำปรึกษากันได้ ทำทุกอย่างให้ยัยฟ้ารู้ว่า เธอจะเป็นพี่และเพื่อนตายของยัยฟ้า ฉันอนุญาตให้เธอดูแลยัยฟ้าได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งปลุกถึงเตียงก็ยังได้” ฮืม! ประกิตทำเอาอึ้ง แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าบอร์ดี้การ์ดแล้วล่ะ เป็นยิ่งกว่าพี่เลี้ยงเสียอีก             “เอ่อคุณท่าน ผมไม่เข้าใจ หมายความว่ายังไงครับ” เฮนรี่เข้าใจแต่อยากให้อธิบายยาวกว่านี้อีกสักหน่อย             “ทำเหมือนพี่เลี้ยงไง เป็นที่บอร์ดี้การ์ด ผู้ช่วยฯ จัดการดูแลกันตั้งแต่บนห้อง ยัยฟ้างี่เง่าจะตายต้องหาคนสยบ ตอนเช้านอนขี้เซาก็ลากลงมาจากเตียงซะ” พูดแค่นี้น่าจะเข้าใจแล้วนะคนเรา ประกิตคิดพลางมองหน้ายิ้มๆ             “ขนาดผมเก็บกระเป๋าให้คุณหนู คุณหนูยังวีนได้ขนาดนั้น แล้วไหนผมจะไปปลุกเธอ เตรียมอะไรให้ เธอฆ่าผมทิ้งแน่” เฮนรี่ไม่ได้กลัวแต่เกรงใจมากกว่า             “ลองดูสิ ทดสอบความสามารถ ผ่านอารมณ์เหวี่ยงๆ วีนๆ ของนางฟ้าตัวร้ายได้ เมื่อไปทำงานที่อื่นทุกอย่างก็หมูสำหรับนาย”             “ถ้าอย่างนั้นผมจะลองดูครับคุณท่าน แล้วถ้าคุณหนูเหวี่ยงใส่ผมอีกล่ะครับ” ปกติเฮนรี่ไม่เคยกลัวใครนะ แต่นี่ทำไมอยู่ๆ ถึงได้กลัวปรายฟ้าขึ้นมาเสียล่ะ ประกิตคิด             “ฉันรู้ว่าเธอมีวิธีจัดการกับคนจองหองยังไง เพราะเธอมันก็ไม่แพ้ยัยฟ้าหรอก”             “ถ้าผมอดตีไม่ได้อย่าว่ากันนะครับ” เฮนรี่ไม่ได้พูดติดตลก แต่ถ้าปรายฟ้าดื้อจริงๆ ก็อาจจะใช้ฝ่ามือหนาๆ ฟาดที่ก้นสวยๆ ไม่ยั้งเลยก็เป็นได้             “ฮ่าๆๆ กล้าขอก็กล้าให้ ว่าแต่ยัยฟ้าจะยอมให้ตีหรือเปล่านี่สิ จะไม่โดนตบกลับมาเสียก่อน” ประกิตบอกอย่างอารมณ์ดี ไม่หวงลูกสาวเลยแม้แต่น้อย             “ก็อาจเป็นได้ ขอบคุณครับคุณท่าน ผมจะดูแลคุณหนูให้ดีที่สุด” เฮนรี่บอกอย่างหนักแน่น             “เอาชีวิตเธอเป็นเดิมพัน” ให้ตายสิประโยคนี้ประกิตดูเหมือนจะจริงจังเป็นอย่างมาก แววตาขึงขังขึ้นอย่างเห็นได้ชัด             “ผมสัญญาครับ” เฮนรี่ตอบอย่างหนักแน่นเช่นกัน             “ดีมาก ฝากยัยฟ้าด้วยนะเฮนรี่ เอาล่ะไปทำงานเถอะ” เมื่อบอกหน้าที่กันเสร็จเรียบร้อย ประกิตก็ถือโอกาสให้ออกไปจากห้องทำงานทันที ไม่ได้ไล่กันตรงๆ             “ครับผม ผมขอตัวครับ” เฮนรี่รับคำแล้วก็ออกไปจากห้อง จึงเป็นโอกาสที่พสุคนสนิทของประกิต จะถามเรื่องสำคัญกับเจ้านาย             “คุณท่านครับ จะไหวเหรอครับ คุณหนูไม่ธรรมดาเลย ยิ่งกลับมาคราวนี้ผมว่าเฮนรี่เอาไม่อยู่แน่ๆ ยังเด็กด้วย” นึกว่าพสุจะเป็นห่วงปรายฟ้า ที่ไหนได้กลับเป็นห่วงเฮนรี่แทน น่าขันเสียจริง             “อย่าเพิ่งดูถูกมือฝีมือเฮนรี่สิ ดื้อๆ แบบนั้นโดนปราบเสียหน่อยก็ดี”             “คิดอะไรอยู่หรือเปล่าครับ หรือกำลังคิดเรื่องที่เราเคยคุยกันมาก่อน”             “หึๆ ใช่เหมือนอย่างที่เราคุยกัน ฉันชอบเด็กนี้คน คิดว่าเลือกไม่ผิดหากเขาได้ทุ่มชีวิตให้ยัยฟ้า เชื่อแน่ว่าเขาจะไม่มีวันทำให้ฉันเป็นห่วงยัยฟ้าเลย” ประกิตบอกและยิ้มอย่างมีความสุข มันเป็นความสุขที่แฝงไว้ด้วยความลับบางอย่าง             “เป็นอย่างนั้นก็ดีครับ แต่หากมันไม่ใช่อย่างที่หวังไว้ล่ะครับ”             “นั่นก็แล้วแต่โชคชะตา เราไปบังคับใครไม่ได้ แต่ถ้ามันจำเป็นฉันก็จะบังคับ”             “ผมว่าถ้าคุณหนูรู้ คงโกรธไม่น้อยเลยนะครับ”             “ฉันหวังดี และเตรียมสิ่งดีๆ เอาไว้ให้ เสียใจก็ยอม” ดูเหมือนว่าทั้งสองกำลังคุยเรื่องความลับบางอย่างที่ไม่สามารถบอกให้ใครรู้ได้ และทุกอย่างรับรู้กันเพียงสองคนเท่านั้น สักวันปรายฟ้าจะรู้เองว่าบิดาเตรียมอะไรไว้ให้             “แล้ว แกว่าเฮนรี่หล่อไหม” อยู่ๆ ประกิตก็ดันถามเรื่องความหล่อและมันเกี่ยวอะไรกับความสามารถเล่า             “หล่อมากครับ ก็ลูกครึ่งนี่ครับจะไม่ให้หล่อได้ยังไง” พสุตอบแต่ไม่วายสงสัย             “คิดว่ามันจะยากไหมถ้ายัยฟ้าจะ...” ประกิตหยุดเอาไว้กลางครันไม่ได้พูดต่อ ทว่าพสุกลับดูออกอยู่แล้ว             “ก็ไหนบอกว่าแล้วแต่โชคชะตาไงล่ะครับ คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้น”             “งั้นเราก็รอดูกันต่อไป ห่างๆ อย่าให้รู้ตัว” ประกิตบอกอย่างมีแผนการพลางยิ้มมุมปากบางๆ               เช่นเดียวกัน คนที่กำลังถูกนินทา กลับออกมาจากห้องทำงาน แล้วตรงไปยังตึกเล็กของตัวเองซึ่งอยู่ด้านหลังตึกใหญ่ เป็นตึกที่มีขนาดกว้างขวางถือได้ว่าเป็นบ้านอีกหลังเลยทีเดียว นี่เป็นอภินันทนาการสำหรับหัวหน้าบอร์ดี้การ์ดอย่างเฮนรี่ เจมส์ นิโคลาส บอร์ดี้การ์ดรูปหล่อวัยสามสิบสองปี เขาสมัครเข้ามาทำงานในบริษัท ตฤณยากร คอร์ปเปอร์เรชั่น ในตำแหน่งบอร์ดี้การ์ดของประกิต ทว่าด้วยอุปนิสัยใจคอ รูปร่างสูงใหญ่ และความหล่อเหลาระดับพระเอกหนัง ประกิตจึงมีคำสั่งให้เตรียมตัวเป็นบอร์ดี้การ์ดของปรายฟ้าแทน เพราะความเป็นพี่ เฮนรี่น่าจะควบคุมปรายฟ้าได้              เฮนรี่เป็นลูกครึ่งไทย – อเมริกัน รูปร่างสูงใหญ่ด้วยส่วนสูง 192 เซนติเมตร มารดาเป็นคนไทยแต่เสียชีวิตตั้งแต่เขายังเด็กด้วยว่าป่วย ส่วนบิดาเป็นชาวอเมริกัน เขาจึงอยู่กับบิดาที่อเมริกาตั้งแต่เด็ก และช่วยดูแลธุรกิจครอบครัว ซึ่งเกี่ยวกับบริษัทรักษาความปลอดภัยให้กับบุคคลสำคัญระดับประเทศ ชายหนุ่มผ่านการฝึกฝน การต่อสู้และการใช้อาวุธมาเป็นอย่างดี เพื่อให้ตัวเองเก่งกาจ พอที่จะควบคุมลูกน้องภายใต้บังคับบัญชาทั้งหมดได้ หากถึงวันได้รับตำแหน่งแทนบิดาในวันที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว             แต่ถึงอย่างไรเฮนรี่ก็ดูจะไม่พร้อมนัก สำหรับการเป็นเจ้าของบริษัท เกรงว่าตนเองจะยังไม่เก่งพอ จึงขอเวลาฝึกงานอีกสักระยะ แต่หาใช่ฝึกงานกับบิดา ทว่าเขาสมัครงานไปทั่วทุกที่ที่รับบอร์ดี้การ์ด จนกระทั่งวันหนึ่งได้มาเยือนเมืองไทย ไม่ได้มาทำงานแต่มาพักผ่อน จากนั้นได้มารู้จักพสุจากอุบัติเหตุที่น่าประทับใจเล็กน้อย คือได้บังเอิญเข้าไปช่วยเหลือพสุเพราะเหตุโจรวิ่งราวนั่นเอง เฮนรี่ได้ช่วยเอาไว้ทัน เรื่องเล็กน้อยซึ่งพสุดูแลตัวเองได้ แต่ประทับใจเฮนรี่เอามากๆ และถูกชะตาจึงติดต่อให้เฮนรี่มาคัดเลือกตัวทำงาน ประกอบกับเฮนรี่ก็อยากลองงานใหม่ๆ ในเมืองไทยบ้าง             จึงเป็นที่มาที่ทำให้เฮนรี่มาอยู่ในคฤหาสถ์ตฤณยากรนั่นเอง และตลอดระยะเวลาหนึ่งปีกว่า เหมือนจะมีเหตุบอกเป็นนัย ว่าประกิตจะให้เฮนรี่ดูแลปรายฟ้า เพราะประกิตบอกเล่าเรื่องราวของบุตรสาวคนสวยให้เฮนรี่ฟังทั้งหมด ทำให้เฮนรี่รู้จักปรายฟ้าเป็นอย่างดี ก่อนที่เธอจะกลับมาเมืองไทยในวันนี้ แต่นั่นล่ะสิ่งที่เขารู้ กับสิ่งที่ปฏิบัติจริงช่างตรงข้ามกันเหลือเกิน เมื่อเอาเข้าจริงๆ เจ้านายคนสวยช่างเอาแต่ใจจนน่าปวดหัว   
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD