หลิวชิงเย่วมองอย่างไม่สบอารมณ์ ส่วนมู่ยวี่เฉินนิ่งเงียบต่อไม่ได้แล้ว ในเมื่อเรื่องเหลวไหลพวกนี้โยนใส่หัวเขาเต็มๆ หากเขายังนิ่งเฉยคงจะบ้าเต็มทน
“อาเฉียงเรื่องนี้เป็นเรื่องของนายกับสะใภ้หลี่ หากนายยังเป็นลูกผู้ชายอยู่ควรจะจัดการเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว ไม่ใช่ว่าปล่อยให้แม่นายมายืนด่าภรรยาตบแต่งของนายแบบนี้
แม้ว่าเราทั้งสองคนจะมีปัญหาเรื่องแก่งแย่งตำแหน่งงานกัน นายคิดว่าคนอย่างฉันจะทำชั่วถึงขั้นมีความสัมพันธ์กับภรรยาคนอื่นเหรอ นายหยามฉันได้ แต่ไม่ควรหยามเกียรติของนายทหารที่ทั้งนายและฉันใส่เครื่องแบบอยู่”
หลี่เหว่ยเฉียงเมื่อโดนคนไม่ชอบหน้าตอกจนหน้าหงาย ความโกรธจากที่ลดหายไปมากแล้ว กลับมาอีกครั้ง
“ใครจะไปรู้อาจจะเป็นจริงอย่างที่แม่ฉันพูดก็ได้ แต่ไม่ว่ายังไงฉันไม่มีทางหย่ากับหลิวชิงเย่วแน่นอน” การที่ออกหน้าแทนแบบนี้เขาไม่มีทางเชื่อหรอกว่าทั้งสองคนไม่มีความรู้สึกให้กัน
เมื่อมู่ยวี่เฉินทบทวนคำพูดนี้ของหลี่เหว่ยเฉียง ชายหนุ่มจึงคิ้วขมวด ก่อนจะถามหลิวชิงเย่วอีกครั้ง
“สะใภ้หลี่ ตอนแต่งงานคุณอายุเท่าไหร่”
“หยุดนะ ไม่ใช่เรื่องของนาย อย่ามายุ่ง” หากหลิวชิงเย่วตอบไปจะรู้ได้ทันทีว่าตอนนั้นหญิงสาวไม่สามารถจดทะเบียนสมรสได้เพราะอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ เขาจึงได้ยัดเงินให้คนรู้จักทำเรื่องจดทะเบียนให้ หากสืบสาวราวเรื่องขึ้นมาคงเป็นเรื่องใหญ่แน่
“ทำไมฉันจะตอบไม่ได้ หรือว่ามันมีอะไรที่ฉันไม่ควรรู้” เมื่อตอบคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของร่างนี้แล้ว จากนั้นเธอจึงหันมาตอบพี่ใหญ่มู่
“ฉันแต่งงานตอนนั้นยังไม่ถึงสิบเจ็ดปี ยังขาดอีกหลายเดือน ตอนนี้แต่งงานมาสองปีอายุฉันยังไม่เต็มสิบเก้าเช่นกัน ว่าแต่พี่ใหญ่มู่ถามทำไม”
“การจดทะเบียนสมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายนั้น ฝ่ายหญิงจะต้องอายุสิบเจ็ดปีเต็ม รวมทั้งฝ่ายชายด้วยแต่ถ้าไม่ถึงเกณฑ์จะต้องมีญาติผู้ใหญ่เซ็นรับรองให้ และคิดว่าแม่เฒ่าหลี่คงไม่ยินยอม หรือว่าเรื่องนี้ผู้ใหญ่บ้านจะเซ็นให้” เพียงแค่มองสีหน้าของหลี่เหว่ยเฉียง เขาก็รู้แล้วว่าจะต้องมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น
“หมายความว่ายังไงคะพี่เฉียง พี่ไม่ได้จดทะเบียนกับคุณหนูเย่วชิงใช่ไหม” ซวี่เซิ่งเสว่ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น หากเป็นเช่นนั้นลูกของเธอก็จะไม่ใช่ลูกนอกสมรสอีกแล้ว
“จดสิ ทำไมจะไม่จด”
หลี่เหว่ยเฉียงยังคงยืนยันหนักแน่น แต่สายตากลับมองไปที่มู่ยวี่เฉินอย่างไม่พอใจ เมื่อหลิวชิงเย่วเห็นอาการแบบนี้เธอไม่ใช่คนโง่ ย่อมรู้ว่าเรื่องการจดทะเบียนของเธอนั้นต้องเป็นไปอย่างไม่ชอบธรรม
“จดหรือไม่ไม่สำคัญกับฉันแล้ว แต่ตอนนี้ฉันต้องการหย่า หากคุณไม่ยอมหย่า ฉันจะไปแจ้งสำนักงานทะเบียนพลเรือนเพื่อสืบเรื่องนี้ให้ชัดเจน ในเมื่ออายุฉันยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะจดทะเบียนได้ ทำไมจึงมีใบทะเบียนสมรสของฉันออกมา” หลิวชิงเย่วยืนยันในความคิดของตัวเองไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องการจะหย่า
“หลิวชิงเย่ว! ที่คุณจะหย่าจากผมเพราะยวี่เฉินใช่ไหม”
หลี่เหว่ยเฉียงตวาดเสียงดังลั่น ครั้งนี้เขาโมโหจริง จากนั้นเดินเข้าหาหญิงสาวอย่างคุกคาม แต่กลับโดนมู่ยวี่เฉินผลักไหล่ออก
“นายไม่ควรจะทำร้ายภรรยาอีกนะเหว่ยเฉียง หากเรื่องนี้เข้าถึงกองทัพคิดว่าการเลื่อนขั้นของนายจะยังคงอยู่ไหม ฉันเตือนนายด้วยความหวังดี ยิ่งเรื่องที่นายทำร้ายภรรยาหากดังไปถึงค่ายทหารนายคิดว่าจะเป็นยังไง ตอนนี้ฉันกล้าสาบานเลยว่าฉันไม่เคยคิดอะไรกับภรรยานายแน่”แต่หลังจากที่หย่าแล้วฉันไม่รู้ ประโยคสุดท้ายมู่ยวี่เฉินคิดเพียงคนเดียวในใจ
หลี่เหว่ยเฉียงแม้ว่าจะไม่อยากที่จะหย่า แต่หากเรื่องทั้งหมดไปถึงกองทัพหรือว่าค่ายทหารที่เขาประจำการอยู่ เขาคงไม่มีทางที่จะได้เลื่อนขั้นแน่ เมื่อคิดเช่นนั้นสุดท้ายชายหนุ่มจึงพยักหน้าตกลง
“ตกลงฉันยินยอมที่จะหย่าแต่โดยดี แต่จำไว้ว่าจะไม่มีใครมาแทนที่เธอได้ และฉันจะไม่แต่งงานหรือจดทะเบียนสมรสกับใครอีก หากเมื่อไหร่เธอคิดที่จะกลับมา ฉันยินดีต้อนรับเสมอ”
หลิวชิงเย่วคิดในใจว่านี่คือคำพูดพระเอกในละครใช่ไหม ประมาณว่าผมยังรอคุณอยู่เสมอนะ แหวะ! อยากจะอ้วกจริงๆ
แต่กลายเป็นซวี่เซิ่งเสว่แทน ที่แทบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินคำพูดสามีสุดรัก แม้ว่าจะกำจัดนังหลิวชิงเย่วไปได้ แต่เธอยังไม่ได้เป็นเมียแต่งของสามีอยู่ดี แล้วแบบนี้เธอทำทุกอย่างไปเพื่ออะไรกัน
“ถ้าหล่อนจะหย่าก็เก็บข้าวของไปตั้งแต่วันนี้เลย อย่ามาอยู่ให้รกตาฉันที่บ้านอีก” นางจ่างซื่อจัดการไม่ให้หลิวชิงเย่วอยู่ที่บ้านต่อ
“รับทราบค่ะ เพราะฉันไม่คิดที่จะอยู่ต่อเพียงวินาทีเดียวเช่นกัน อีกทั้งฉันไม่จำเป็นต้องกลับไปที่นั่นอีกแล้วเพราะว่ามีเพียงเสื้อผ้าเก่าๆ หากใครอยากได้เข้าไปเอาได้เลย จริงสิ อีกเรื่องหนึ่ง สินเดิมของฉันที่แม่เฒ่าหลี่เอาไปใช้ภายในสองปี จะคืนไหม
เมื่อคืนฉันได้คุยกับคุณเหว่ยเฉียง เขาบอกว่าไม่รู้เรื่องที่แม่เฒ่าหลี่เอาเงินของฉันไปใช้จ่าย เพราะเขาส่งเงินมาให้ทุกเดือนอยู่แล้ว”
ก่อนไปขออีกสักหมัดก็แล้วกัน เธอไม่หวังว่าจะได้เงินคืนหรอกนะ เพียงแค่ต้องการให้บ้านหลี่นั้นอยู่อย่างลำบากกับคำนินทาของชาวบ้านก็พอ หลังจากนั้นก็เป็นจริงอย่างหลิวชิงเย่วพูด บ้านหลี่แทบจะเข้าหน้าใครไม่ได้อีกเลยในหมู่บ้านนี้ ทุกคนมองด้วยความรังเกียจตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
“อะไรกัน สินเดิมอะไร ไม่มีทั้งนั้น”
นางจ่างซื่อไม่ยอมรับและคิดว่าการที่หลิวชิงเย่วนั้นไม่กลับไปเอาของที่บ้านอย่างน้อยๆ ต้องเหลือของมีค่าไว้ให้เธอนำไปขายไม่มากก็น้อย
“นั่นสินะ ฉันรู้อยู่แล้วว่าไม่ได้คืน คุณได้ยินเองคงเข้าใจแล้วสินะว่าฉันไม่ได้พูดโกหก ว่าแต่ไปจัดการเรื่องหย่าให้เสร็จวันนี้เถอะ เรื่องทั้งหมดจะได้จบเสียที”
หลิวชิงเย่วประกาศเสียงดัง ทำให้ชาวบ้านทำหน้าเหมือนเห็นผี มีอย่างที่ไหนหญิงสาวท้าสามีหย่า แบบนี้อย่าหวังว่าต่อไปจะหาคนดีๆ มาแต่งงานได้อีกเลย
“วันนี้คงไม่ทันหรอก ผมต้องหาพยานไปด้วย อย่างน้อยก็ต้องหนึ่งคน” หลี่เหว่ยเฉียงไม่อยากที่จะรีบหย่า หวังว่าหลิวชิงเย่วจะเปลี่ยนใจ
หลิวชิงเย่วได้ยินเช่นนั้นจึงรีบหันไปหาพี่ใหญ่มู่ด้วยสายตาที่อ้อนวอน ยังไงวันนี้เธอจะต้องได้หย่า หากรอต่อไปอีกไม่รู้ว่าหลี่เหว่ยเฉียงจะเล่นแง่อะไร หลังจากนี้ต่างคนก็ต่างใช้ชีวิตใหม่ก็แล้วกัน มู่ยวี่เฉินเห็นสายตาอ้อนวอนของคนตรงหน้าก็อดที่จะสอดมือเข้ามายุ่งอีกครั้งไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปเป็นพยานให้เอง แต่ต้องรอหน่อยนะขอเอาหมู่ป่าทั้งสองตัวกลับบ้านก่อน อาหยางไปตามคนมาหน่อยแล้วไปตามคนเชือดหมูมาด้วย พี่แบกกลับไปก่อน สะใภ้หลี่ ไม่ใช่สิคงต้องเรียกว่าชิงเย่ว ยังไงผมฝากอยู่กับน้องเล็กก่อนนะ ขอไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดสักครู่”
หากเข้าอำเภอสภาพเลือดหมูป่าท่วมตัวแบบนี้คงไม่ดีแน่
“ขอบคุณมากนะคะพี่ใหญ่มู่ที่เป็นธุระเรื่องหย่าให้ ต่อไปในอนาคตหากมีเรื่องใดที่ฉันพอจะช่วยได้ให้รีบบอกทันที ฉันยินดีที่จะช่วย” หลิวชิงเย่วสำนึกในบุญคุณเสมอสำหรับความช่วยเหลือของมู่ยวี่เฉินในครั้งนี้
เมื่อทุกคนจากไปแล้วจึงเหลือเพียงหลี่เหว่ยเฉียงที่ยืนรออยู่ เขาไม่คิดแม้จะกลับไปเอาเอกสารที่บ้าน แต่ก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเพราะไม่เข้าใจว่าหลิวชิงเย่วไม่คิดจะกลับไปเอาเอกสารที่บ้านเหรอ
“ผมขอโทษนะชิงเย่วที่ทำร้ายคุณ”
“ช่างมันเถอะ ยังไงฉันก็เจ็บตัวไปแล้วมันเรียกคืนกลับมาไม่ได้แล้วล่ะ” หญิงสาวตอบกลับโดยไม่คิดจะมองหน้าของคนที่กำลังจะเป็นอดีตสามี
“ว่าแต่คุณไม่คิดจะกลับไปเอาเอกสารส่วนตัวที่บ้านหรือยังไง แม้ว่าคุณจะไม่เอาเสื้อผ้าแต่เอกสารคุณควรจะกลับไปเอานะ”
หลี่เหว่ยเฉียงเอ่ยขึ้น ‘เวรแล้วไงชิงเย่ว ลืมเรื่องนี้ได้ยังไงแม้ว่าจะเก็บทุกอย่างเข้ามิติแต่ไม่มีใครรู้เห็นกับเธอด้วยหรอกนะ’
“เดี๋ยวรอพี่ใหญ่มู่มาก่อนจะได้ไปพร้อมกันทีเดียวเลย”