บทที่ 12 เป็นอิสระเสียที

1654 Words
หลี่เหว่ยเฉียงได้ยินเช่นนั้นความโกรธกลับมีขึ้นมาอีก ไม่รู้ว่าทำไมภรรยาคนนี้จึงดูเหมือนจะไว้ใจมู่ยวี่เฉินเสียเหลือเกิน แต่กับเขากลับถอยห่าง “ดูเหมือนคุณจะไว้ใจมันเหลือเกินนะ” “คุณไม่ควรเรียกลับหลังพี่ใหญ่มู่ว่ามันนะคะ เพราะหากมีใครเรียกคุณแบบนี้คุณคงไม่ชอบเหมือนกันใช่ไหม” หลิวชิงเย่วตอบกลับอย่างไม่ชอบใจ มู่ฟ่านปิงยืนยิ้มอยู่ข้างๆ เพราะชอบใจที่พี่ชิงเย่วของเธอปกป้องพี่ใหญ่ของเธอ จากนั้นหลิวชิงเย่วไม่สนใจคนที่กำลังจะเป็นอดีตสามีอีก เธอจึงหันมาคุยกับมู่ป่านปิงด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ หลี่เหว่ยเฉียงยืนมองภาพนี้คล้ายหัวใจจะเจ็บปวด ยิ่งคิดว่าจะต้องหย่าจากหญิงสาวตรงหน้าความรู้สึกไม่ยินยอมยิ่งถาโถมเข้าใส่ สุดท้ายทำได้เพียงข่มความเจ็บปวดในใจเพราะตอนนี้มันเหมือนสายไปแล้ว แต่เขาได้แต่สาบานกับตัวเอง ไม่ว่ายังไงเขาจะทำให้หลิวชิงเย่วกลับมารักเขาอีกครั้งให้ได้ หลังจากนั้นไม่นานมู่ยวี่เฉินเดินมาพร้อมกับชาวบ้านที่จะมาช่วยแบกหมูป่าอีกตัวกลับไป โดยมีมู่หยางเดินตามมาด้วยเพื่อมารับน้องเล็กของพวกเขา หลิวชิงเย่วและชายหนุ่มอีกสองคนจึงกลับไปที่บ้านหลี่อีกครั้งเพื่อให้เธอเข้าไปเอาเอกสารส่วนตัวออกมา ก่อนจะเหมาเกวียนของหมู่บ้านเข้าอำเภอเพื่อไปที่สำนักงานทะเบียนพลเรือนเพื่อทำเรื่องหย่าให้เสร็จสิ้น หลังจากจัดการเรื่องหย่าเรียบร้อยแล้ว หลิวชิงเย่วจึงเดินจากมาพร้อมมู่ยวี่เฉินที่ยอมเสียเวลามาเป็นพยานในการหย่าในครั้งนี้ให้กับเธอ “จะเอายังไงต่อหลังจากนี้ จะอยู่ที่นี่หรือว่าจะไปตั้งรกรากที่อื่น” มู่ยวี่เฉินถามขณะที่เดินตามหญิงสาวเพื่อหาที่พักให้กับเธอ “อาจจะอยู่ที่นี่สักระยะ จากนั้นคงไปตั้งรกรากที่อื่น ไม่แน่อาจจะกลับไปที่เซี่ยงไฮ้ อย่างน้อยๆ ฉันเคยอยู่ที่นั่นมาก่อน” ยิ่งตอนนี้เธอหย่าขาดจากสามีแล้วเธอจึงขอย้ายทะเบียนบ้านกลับไปที่บ้านเดิม เท่าที่มีความทรงจำของร่างนี้ บ้านหลังนั้นเหมือนจะปล่อยเช่าให้คนสนิทของพ่อเธออยู่ แต่ถ้าคนเช่าดูแลดีเธอคงไม่ไล่เขาออกหรอก อย่างมากคงหาบ้านหลังเล็กๆ อยู่ใหม่ และหาร้านค้าเพื่อเปิดขายเสื้อผ้าและพวกของความสวยความงามของผู้หญิง เธอเชื่อว่าไม่ว่าจะยุคสมัยไหน สินค้าพวกนี้ย่อมเป็นของที่ตลาดต้องการ หากหาเงินได้มากเธอจะทยอยซื้อที่ดินเก็บไว้ ต่อไปในอนาคตคงทำกำไรให้เธอมากแน่ “อืม ให้ผมช่วยอะไรไหม เพราะผมประจำการอยู่ที่เซี่ยงไฮ้เหมือนกัน ครั้งนี้อาหยางกับเสี่ยงปิงลาออกจากโรงเรียนผมตั้งใจจะพาน้องทั้งสองคนไปด้วย ผมเป็นทหารสามารถย้ายทะเบียนบ้านน้องๆ ไปได้ คุณจะไปพร้อมพวกเราไหม แต่คงอีกหลายวันกว่าจะจัดการเรื่องในหมู่บ้านและบ้านเดิมเสร็จ” มู่ยวี่เฉินเอ่ยชวน แม้จะรู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเคยอยู่เซี่ยงไฮ้มาก่อนแต่ตอนนั้นเธอยังมีครอบครัว แต่ตอนนี้เธอเหลือตัวคนเดียวเขาอดที่จะห่วงไม่ได้ “จริงเหรอคะพี่ใหญ่มู่ ฉันดีใจจังเลยที่สองแฝดจะไปอยู่เซี่ยงไฮ้ ฉันจะได้มีเพื่อนและไม่เหงาแล้ว ตกลงค่ะฉันจะไปพร้อมพวกพี่นะ” หลิวชิงเย่วดีใจที่รู้ว่าสองแฝดจะย้ายตามพี่ใหญ่มู่ไปที่เซี่ยงไฮ้ด้วย ส่วนสาเหตุที่เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ เพราะไม่อยากเห็นบ้านหลี่ให้ระคายตา ต่อให้หย่ากันแล้วเธอเชื่อว่าพอเธอมีกิจการใหญ่โต แม่เฒ่าหลี่กับลูกสะใภ้คนโปรดคงจะมาก่อกวนไม่มีที่สิ้นสุดแน่ ไม่สู้เธอย้ายไปตั้งรกรากที่ไกลๆ ดีกว่าเหรอ “ก่อนจะแสดงอาการดีใจ ผมว่าคุณไปหาที่พักก่อนไหม ผู้หญิงตัวคนเดียวพักโรงแรมดีๆ หน่อย จะได้ปลอดภัย” มู่ยวี่เฉินเบรกความดีใจของหญิงสาว หลิวชิงเย่วหุบยิ้มพร้อมทำหน้ามุ่ยใส่ จนชายหนุ่มที่หันมาเห็นเกิดความเอ็นดูไม่น้อย ‘นายเป็นอะไรอาเฉิน แค่เห็นหน้าตาเธอนายกลับใจเต้นโครมคราม นายบ้าไปแล้ว’ ชายหนุ่มแอบเอามือจับหัวใจของตัวเองไม่ให้เธอเห็น พักใหญ่ ทั้งสองคนเดินมาถึงโรงแรมประจำอำเภอ มู่ยวี่เฉินจึงเข้าไปติดต่อเช่าห้องพัก เมื่อจ่ายเงินเสร็จแล้วจึงเดินกลับมายื่นกุญแจห้องให้กับหญิงสาว “ค่าห้องพักเท่าไหร่คะ ฉันจะจ่ายคืนให้” หลิวชิงเย่วหยิบเงินยื่นออกมาให้ “ไม่เป็นไรหรอก ผมเช่าไว้หนึ่งอาทิตย์นะ หลังจากนั้นผมจะมารับแล้วเราจะเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ด้วยกัน อยู่คนเดียวอย่าดื้ออย่าซนล่ะ วันนี้ผมต้องกลับก่อนเป็นห่วงอาหยางและเสี่ยวปิง” ชายหนุ่มไม่รอคำตอบจากนั้นจึงเดินออกมาจากโรงแรม เพื่อจะเช่าเหมาเกวียนกลับหมู่บ้านไปหาน้องทั้งสองคน หลิวชิงเย่วได้แต่กระทืบเท้าที่โดนสั่งห้ามดื้อห้ามซน ทำเหมือนเธอไม่ต่างจากเด็กน้อย จากนั้นเธอจึงเดินขึ้นห้องพักเพื่อพักผ่อน ในเมื่อตอนนี้เธอเป็นอิสระแล้ว เธอควรจะพักผ่อนให้เต็มอิ่มเสียที พรุ่งนี้เธอจะลองเดินหาตลาดมืดเพื่อไปขายสินค้า เพราะอย่างน้อยๆ เธอจะต้องหาเงินทุนสำรองไว้ภายในหนึ่งอาทิตย์นี้ ทันทีที่หลี่เหว่ยเฉียงกลับมาถึงบ้านด้วยสภาพที่ไม่สู้ดี ตอนนี้อาการของเขาเหมือนกับทำสิ่งสำคัญหล่นหาย ยิ่งมาเจอหน้าแม่กับภรรยาอีกคนทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจเตรียมที่จะเดินหนีเข้าห้องที่หลิวชิงเย่วเคยอยู่ แต่กลับโดนแม่ของตัวเองเรียกไว้ “อาเฉียงลูกหย่ากับนังนั่นแล้วใช่ไหม” “ครับผมกับชิงเย่วเราหย่ากันแล้ว แม่คงพอใจแล้วสินะครับ” หลี่เหว่ยเฉียงตอบกลับน้ำเสียงค่อนข้างเย็นชา “ถ้าอย่างนั้นอาเฉียงจดทะเบียนกับเซิ่งเสว่ได้แล้วใช่ไหม หลานคนแรกของแม่จะได้ไม่เป็นลูกนอกสมรส” นางจ่างซื่อยังคงพูดต่อโดยไม่สนใจคำตอบที่เหมือนจะเป็นคำถามของลูกชาย “ผมยังไม่พร้อมจดทะเบียนกับใคร เอาไว้ก่อนนะครับ ส่วนคุณดูแลลูกในท้องให้ดีอย่าก่อความวุ่นวายอีกก็แล้วกัน” ชายหนุ่มเดินเข้าห้องเก่าของหลิวชิงเย่วทันทีหลังจากพูดจบ ปล่อยให้แม่และภรรยายืนหน้าซีดด้วยความคาดไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้ เวลานี้บ้านมู่ยังคงวุ่นวายเพราะการขายเนื้อหมูป่า ชาวบ้านต่างมารุมล้อมขอซื้อกันมากมาย บางคนมีเงินไม่มากแต่เอาผลผลิตอย่างอื่นมาแลกแทน ทำให้สองพี่น้องอย่างมู่หยางและมู่ฟ่านปิงยิ้มแก้มปริ สุดท้ายสองพี่น้องเหลือเนื้อหมูไว้ทำอาหารเพียงไม่กี่ชั่ง ส่วนคนที่ไปช่วยขนเด็กทั้งสองคนมอบเนื้อหมูให้เป็นสินน้ำใจคนละสามชั่ง ส่วนคนแล่เนื้อสองพี่น้องให้คนละสิบช่างเพราะเหนื่อยกว่าคนที่ไปช่วยขนกลับมา เมื่อทุกคนกลับไปหมดแล้วสองพี่น้องเข้าไปนับเงินกันในบ้าน เงินที่ได้จากการขายเนื้อหมูในครั้งนี้นอกจากจะดีใจแล้ว ก็ยังตกใจเช่นกันเพราะมันมากมายเหลือเกิน สองพี่น้องรีบเอาเงินไปเก็บในห้องพี่ชายใหญ่ เพราะกลัวว่าบ้านลุงใหญ่จะเข้ามาแย่งชิงเพราะว่าตอนนี้พี่ใหญ่ไม่อยู่ “กล้าดียังไง ขายเนื้อแล้วไม่คิดจะแบ่งเนื้อหรือว่าแบ่งรายได้ให้ญาติผู้ใหญ่แบบฉันหรือยังไง ขายหมูป่าตัวใหญ่ตั้งสองตัวคงจะน้ำหนักรวมกันหลายร้อยชั่ง” มู่เผิงเดินอาดๆ เข้ามาในรั้วบ้านด้วยความไม่พอใจ เมื่อได้ยินชาวบ้านพูดกันว่า เจ้าหลานชายหน้าตายอย่างมู่ยวี่เฉินล่าหมู่ป่าได้มาสองตัว มีตัวใหญ่กับขนาดกลาง แม้ว่าตัวขนาดกลางนั้นยังน้ำหนักร้อยกว่าชั่งแล้วตัวใหญ่ล่ะจะกี่ชั่งกัน ความอิจฉาแล่นเข้าจุกอก ทำให้เขาต้องรีบมาเล่นงานหลานฝาแฝดทั้งสองคนเพราะรู้ว่ามู่ยวี่เฉินนั้นไม่อยู่บ้าน “พวกเราจะขายได้เท่าไหร่นั้นมันเกี่ยวอะไรกับลุงเหรอครับ นี่เป็นสิ่งที่พี่ใหญ่เสี่ยงชีวิตหามา ทำไมเราต้องแบ่งให้ลุงด้วย” มู่หยางไม่เหลือความกลัวอีกแล้วเมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าไม่มีสายเลือดเดียวกัน “แกมันหลานทรพี กล้าเนรคุณกับฉันเหรอ ฉันเลี้ยงดูแกมาตั้งเท่าไหร่ กะอีแค่แบ่งเนื้อหมูและเงินให้ฉันมันจะตายหรือยังไง” มู่เผิงชี้หน้าด่ากราดเมื่อไม่มีหลานชายคนโตกับเด็กแค่อายุสิบกว่าปีเขาไม่จำเป็นต้องกลัว “พวกเราไม่ให้ลุงหรอกค่ะ ลุงไม่ได้เลี้ยงเรามา เงินทุกเฟินทุกหยวนเป็นของพี่ใหญ่ต่างหาก” มู่ฟ่านปิงเถียงกลับ “นังเด็กเลวแกกล้าเถียงผู้ใหญ่เหรอ มาให้ฉันตีเสียดีๆ” มู่เผิงง้างมือเตรียมจะตีหลานสาวที่กล้าเถียงเขา แต่กลับได้ยินเสียงอันทรงพลังและแฝงไปด้วยความดุดันเสียก่อน “ใครมันกล้าก็ลองดู”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD