องศาครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจป้อนเม็ดยาเข้าไปในปากของรติรัตน์พร้อมทั้งหาน้ำมาให้เธอดื่ม จากนั้นก็เดินออกไปด้านนอกเพื่อสูบบุหรี่ตรงระเบียง นัยน์ตาคู่คมกวาดมองไปรอบ ๆ ด้วยไม่แน่ใจว่าคอนโดมิเนียมนี้อยู่ในโครงการของบริษัทเขาหรือเปล่า ไม่รอช้า เขาส่งไลน์ไปหาเลขาคนสนิทให้ช่วยตรวจสอบทันที พร้อมทั้งขอรายละเอียดประวัติของรติรัตน์ จะได้รู้ว่าต้องวางตัวต่อเธอยังไง
องศามองสำรวจห้องของเธออย่างสนใจ ภายในตกแต่งด้วยโทนสีดำสลับเทา ทุกอย่างถูกจัดวางไว้ได้อย่างลงตัวเหมาะสมกับเธอดี ทั้งสวยสง่า และดูมีรสนิยม เข้ากันกับเขาได้ดีในเรื่องแบบนี้
ชายหนุ่มตัดสินใจสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชั่น หากจะทำเองคงทำไม่ทันเพราะตอนนี้เขาหิวมากและไม่รู้ว่าห้องของเธอมีอะไรให้ทำบ้าง
คอนโดของเธอถือว่าอยู่ไม่ไกลจากห้องของเขา เพราะมองไปก็เห็นคอนโดที่เขาอาศัยอยู่ ซึ่งเขาเลือกห้องที่นั่นเพราะความสูงและเดินทางสะดวกใกล้กับบริษัท ชีวิตที่อยู่เมืองนอกคนเดียวมาตลอดสิบกว่าปีทำให้เขารักอิสระ
องศาดับบุหรี่แล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง เขาไม่กล้าทิ้งเธอไว้คนเดียว สาเหตุที่เธอป่วยก็มาจากความเอาแต่ใจของเขา ต่อไปเขาคงจะเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้แล้ว เพราะเธอช่างบอบบางเหลือเกิน
หลายชั่วโมงผ่านไป องศาวัดอุณหภูมิร่างกายของรติรัตน์อีกครั้งก็เห็นว่าไข้ลดลงแล้ว เขาจึงเดินออกไปด้านนอกอีกรอบเพราะไม่อยากรบกวนเธอ ส่วนอาหารที่สั่งก็มาถึงแล้ว หากเธอตื่นขึ้นมาแล้วหิวก็จะได้มีอาหารไว้กิน
ไม่นานนักรติรัตน์ก็สะลึมสะลือตื่นขึ้นมา เธอรู้สึกสบายตัวมากขึ้นแล้วจึงเดินเข้าไปอาบน้ำ พอได้อาบน้ำก็รู้สึกหัวโล่ง ๆ หนำซ้ำความหิวจนแสบท้องก็เข้ามาแทนที่ เธอเลือกหยิบชุดอยู่บ้านที่สวมใส่สบายก่อนจะใช้ผ้าเช็ดผมแบบลวก ๆ เพราะเป็นคนผมหยักศกเธอจึงต้องรอให้มันแห้งก่อนถึงจะหวีได้
รติรัตน์เดินออกจากห้องไปทั้งที่ผมยังเปียกหมาด ๆ อยู่ เธอขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงโทรทัศน์
ใครอยู่ในห้องเธอกันนะ
“ตื่นแล้วเหรอครับ... เป็นยังไงบ้าง มาให้ผมวัดไข้หน่อยสิ” องศาเรียก รติรัตน์จึงค่อย ๆ ขยับตัวเข้ามาใกล้ทั้งที่เธอยังงุนงงอยู่ “ไม่มีไข้แล้ว งั้นไปทานข้าวก่อนนะครับ จะได้ทานยาอีกรอบ”
“เอ่อ… ไม่คิดว่าคุณจะยังอยู่” เธอแปลกใจ
“ก็คุณไม่สบายแบบนี้ จะให้ผมทิ้งคุณไปได้ยังไงล่ะครับ”
“ขอบคุณค่ะ แต่ถึงเวลาทำงานของคุณแล้วนี่หน่า เดี๋ยวคุณจะเสียรายได้เอานะคะ”
“ขาดวันเดียวไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็อยู่ให้คุณเลี้ยงไง”
“ค่าตัวคุณตั้งแพง พิงค์เลี้ยงคุณทุกวันไม่ไหวหรอกค่ะ” หญิงสาวหัวเราะแห้ง
“ฮ่า ๆ ผมลดราคาให้เอาไหมครับ ราคาพิเศษสำหรับพิงค์คนเดียว แค่อาหารสามมื้อ กับเตียงนอนนุ่ม ๆ ก็พอแล้ว”
“พิงค์ซีเรียสนะคะ ที่บ้านคุณจะเอาอะไรกินถ้าคุณไม่ทำงาน ให้พิงค์หางานอื่นให้คุณทำไหมคะ” พลันน้ำเสียงของรติรัตน์จริงจังขึ้น
“หวงผมเหรอครับ”
“เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย จะหวงได้ยังไงคะ... แต่ถ้าทอยเป็นแฟนพิงค์ พิงค์คงไม่ยอมให้ผู้หญิงคนอื่นมาแตะต้องตัวแฟนพิงค์แน่ ๆ เพราะพิงค์เป็นคนหวงของค่ะ”
องศามันเขี้ยวที่ได้ยินเธอบอกว่าหวงจนอดเอามือไปไล้แก้มเธอไม่ได้ ใบหน้าขาวเนียนไร้ไฝฝ้าจนแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าเธออายุจะสามสิบปีแล้ว เพราะหน้าของเธอยังดูราวกับเป็นเด็ก แต่งหน้าก็สวย หรือจะหน้าสดก็ยังดูดี แถมกลิ่นแชมพูกับครีมบำรุงผิวของเธอก็ช่างหอมยั่วยวนใจเขาเหลือเกิน เขาไม่รู้ว่าคู่หมั้นของเธออดทนกับความสวยแบบนี้ได้ยังไง แต่ที่แน่ ๆ เธอถึงยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ซึ่งนั่นมันก็ดีสำหรับเขา
“ผมก็เป็นคนหวงของเหมือนกัน”
“แล้วตกลงทอยไม่ไปทำงานเหรอคะ มันดึกแล้วนะ”
“คืนนี้ไม่ไปครับ ผมเป็นห่วงคุณ”
“ขอบคุณค่ะ ฮือ คุณทำไมต้องมาทำดีกับพิงค์แบบนี้ด้วย ตั้งแต่เกิดมานอกจากแม่พิงค์ คุณยายกับน้าเดือน และเพื่อนสนิทสองคนแล้ว ก็ไม่เคยมีใครสนใจว่าพิงค์จะเป็นตายร้ายดียังไง” รติรัตน์ปล่อยโฮออกมาอย่างเสียไม่ได้เพราะมีหลายเรื่องเกิดขึ้นพร้อมกัน ทั้งเรื่องที่โดนคู่หมั้นหลอก แล้วก็เรื่องที่เสียตัวให้ชายหนุ่มเมื่อคืน ต่อให้ภายนอกคนอื่นจะมองว่าเธอเป็นคนสวยและแข็งแกร่งมากแค่ไหน ทว่าเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีมุมอ่อนแอและต้องการที่พึ่ง
“ชู่ว์… ผมไม่นึกว่าคุณจะเป็นคนอ่อนไหวแบบนี้” องศาโอบกอดร่างบางไว้แนบอก เธอร้องไห้เหมือนเด็กหลงทาง ตั้งแต่เขารู้จักเธอ นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เธอร้องไห้ “ทานข้าวต้มให้หมดชาม คุณจะได้หายไว ๆ นะครับ ถ้าคุณไม่มีใคร ผมจะเป็นที่พึ่งให้คุณเอง”
“ขอบคุณค่ะทอย พิงค์รู้สึกดีจังค่ะ... พิงค์ขอถามได้ไหมคะว่าทำไมทอยถึงเลือกทำงานนี้... ขอโทษค่ะที่ถามเรื่องส่วนตัวมากเกินไป ทั้งที่เราเพิ่งรู้จักกัน”
“เงินดีครับ ผมเป็นดาวหนึ่งของที่นั่นเลยนะ คุณตาถึงที่เลือกผม” องศาไหวไหล่
“เอ่อ… แล้วทอยเคยคิดจะทำงานอื่นไหมคะ”
เขาพยักหน้า มองเธอด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
“เคยครับ คุณจะจ้างผมไปทำอะไรล่ะครับพิงค์”
“พิงค์พอจะรู้จักคนเยอะอยู่ค่ะ เผื่อทอยสนใจงานอื่น พิงค์จะได้ช่วยหาให้ เอ่อ… แล้ววันหนึ่งทอยต้องรับลูกค้ากี่คนคะ” ถามเสร็จรติรัตน์ก็หน้าแดง เธอแสร้งตักข้าวต้มเข้าปากแก้เขิน ทำให้องศามองว่าเธอเป็นคนจิตใจดี เพราะขนาดเพิ่งรู้จักกันยังแสดงความห่วงใยแบบนี้
“สรุปแล้วคุณจะรับเลี้ยงผมใช่ไหมครับพิงค์”
“กำลังจะซึ้งแล้วเชียว... ถ้าพิงค์เลี้ยงคุณ พิงค์ต้องจ่ายให้คุณเดือนละเท่าไหร่คะ ถ้าไม่เอาเงินไปชอปปิง ซื้อรองเท้า หรือกระเป๋า บางทีพิงค์อาจจะมีเงินจ่ายคุณ”
องศาได้ฟังก็อมยิ้ม ทำไมเธอถึงได้น่ารักขนาดนี้กันนะ ดูสิ หน้านิ่วคิ้วขมวดแล้ว คงเพราะกำลังคำนวณเงินอยู่ละสิ เขาไม่ได้ตั้งใจโกหกเธอนะ วันที่เขาพร้อมและมั่นใจแล้วถึงจะบอกเธอ แต่ตอนนี้ขอไหลตามน้ำไปก่อนแล้วกัน
“ตามที่ผมเคยบอกคุณ ขอแค่คุณเลี้ยงข้าวกับให้ผมนอนเตียงเดียวกับคุณ ผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”
“ถ้างั้นพิงค์จะให้เงินคุณใช้เดือนละสามหมื่นบาทนะคะ ค่าใช้จ่ายในบ้านพิงค์จะออกเอง คุณเอาเงินนี้ส่งไปให้ที่บ้านแล้วกัน พิงค์จะได้สบายใจ คุณทำงานที่นั่น จากที่พิงค์คำนวณแล้วน่าจะได้แสนห้าถึงสองแสน หรืออาจจะมากกว่านั้น ซึ่งมันต่างกันมากเลยค่ะ” พูดไปรติรัตน์ก็แอบลำบากใจอยู่เล็กน้อย “แต่พิงค์ให้ทอยได้เท่านี้ค่ะ ดีนะที่คอนโดนี้ไม่ต้องผ่อน รถก็ซื้อสด พิงค์อยู่ตัวคนเดียวเลยไม่มีภาระมาก ก็มีแต่ค่าอาหารกับค่าน้ำมันรถ และพวกของใช้จิปาถะ” รติรัตน์ร่ายยาวพลางนับนิ้ว “พิงค์จะแบ่งเงินเดือนให้ทอยเพราะพิงค์ไม่อยากให้ทอยกลับไปทำงานแบบนั้นอีกเลยค่ะ แล้วพิงค์จะหางานใหม่ให้ทำนะคะ... ตกลงไหม ถ้าตกลง เรามาร่างสัญญากันเลยค่ะ พิงค์ไม่อยากเอาเปรียบคุณ”
องศาอดใจไม่ไหว เขาใช้สองมือประคองใบหน้าสวยของเธอไว้พร้อมทั้งบดจูบลงบนริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อนั่น
‘ผมต่างหากล่ะที่จะดูแลคุณ ผมจะพาคุณบินไปชอปปิงที่ฝรั่งเศส รอให้ถึงเวลาก่อนนะ ขอให้ผมได้รู้จักคุณมากกว่านี้ก่อน คุณจะกลายมาเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด... ผมสัญญาครับพิงค์’