05
ไม่ได้สำคัญ
"เวหาย่าบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก"
"ไม่พูดคงไม่ได้หรอกครับ เผื่อว่าบางคนคงจะลืมไปว่าใครที่มันทำให้พ่อกับแม่ผมต้องตาย" ร่างสูงเอ่ยเสียงเย็นบ่งบอกว่าสิ่งที่พงศ์พัฒน์นั้นทำไว้เขาไม่มีวันลืมและความแค้นที่มีก็จะไม่มีวันจางหายเช่นเดียวกัน
"เวหา!"
"อึก! ถะ…ถ้าแบบนั้นวาขอตัวไปช่วยป้าเอื้อในครัวก่อนนะคะ" เพราะรู้ว่าคำพูดของเขาจงใจตอกย้ำทำให้เธอเจ็บปวดก็ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับเขาในตอนนี้เพราะกลัวจะกลั้นหยาดน้ำตาไม่ให้ไหลรินออกมาไม่ได้ เธอไม่ชินกับมันเลยจริง ๆ เวลาที่ได้ยินคำพูดและสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของเขา
"ไปเถอะ" คุณหญิงเกษรมองหญิงสาวที่ก้มหน้าเดินออกไปด้วยความสงสารเพราะเหนือเวหามักจะพูดจาทำร้ายจิตใจอยู่บ่อยครั้ง
"ย่าบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าพูดเรื่องนี้อีก ย่ารู้ว่าเรื่องนั้นมันฝังใจแกแต่ย่าอยากให้แกแยกแยะว่าพงศ์พัฒน์กับเฌอร์วาเป็นคนละคนกัน" ใช่ว่าเธอจะไม่เสียใจที่สูญเสียลูกชายเพียงคนเดียวกับลูกสะใภ้ไปก่อนเวลาอันควรเพราะฝีมือของคนคนหนึ่ง แต่เพราะเธอเข้าใจและแยกแยะได้และมันไม่ใช่ความผิดของเฌอร์วาที่ไม่รู้เรื่องราวด้วยแต่ทว่านั่นไม่ใช่กับหลานชายของเธอที่จงเกลียดจงชังหญิงสาวตลอดมา
"พ่อกับลูกมันก็คงไม่ต่างกันหรอกครับ นิสัยฆาตกร"
"ฮึก!" หญิงสาวที่ยืนฟังอยู่หน้าประตูสะอื้นฮึกออกมากับคำพูดของเหนือเวหาซึ่งมันเป็นความจริงที่เธอปฏิเสธไม่ได้เพราะพ่อของเธอได้ทำแบบนั้นลงไปจริง ๆ ถึงเธอจะโกรธพงศ์พัฒน์แต่ก็ไม่สามารถเกลียดพ่อที่เลี้ยงดูเธอมาอย่างดีได้ ลึก ๆ แล้วเธอก็หวังว่ามันจะไม่ใช่เรื่องจริงแต่เธอก็ไม่มีหลักฐานมายืนยันได้ แม้จะมีคำถามว่าทำไมแต่คนที่จะให้คำตอบก็ไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว
เฌอร์วารีบยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกอย่างลวก ๆ ก่อนจะรีบเดินออกไปจากตรงนี้ทันทีเพราะไม่อยากได้ยินถ้อยคำที่ทำให้เธอเจ็บปวดอีกแล้ว
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...
อาหารหลากหลายเมนูถูกนำมาจัดวางอยู่บนโต๊ะอาหารในห้องรับประทานอาหารของบ้านโดยมีคุณหญิงเกษรนั่งอยู่ประจำหัวโต๊ะและหลานชายเพียงคนเดียวนั่งอยู่ฝั่งทางขวามือของโต๊ะอาหาร
"วางลงเถอะแล้วมานั่งทานข้าวด้วยกัน" เสียงของหญิงสูงวัยเอ่ยขึ้นในขณะที่เฌอร์วากำลังจะตักข้าวในโถใส่จานให้ตามหน้าที่อย่างที่เคยทำประจำไม่ว่าจะอยู่ที่นี่หรือคฤหาสน์ของเหนือเวหา
"แต่..."
"คุณวาไปนั่งเถอะค่ะเดี๋ยวตรงนี้ให้คนอื่นทำดีกว่า" เอื้อเอ่ยขึ้นพร้อมยกโถข้าวในมือของเฌอร์วาส่งให้กับสาวใช้คนอื่นทำแทนก่อนจะพาหญิงสาวไปนั่งยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเหนือเวหา
เธอก้มหน้างุดเมื่อเผลอสบตากับสายตาคมกริบแสนเย็นชาของคนฝั่งตรงข้ามที่มองมาที่เธอนิ่งแต่เธอกลับรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจที่ฉายออกมาผ่านแววตาคู่นั้น
"ช่วงนี้เรียนหนักเหรอถึงไม่ค่อยมาเยี่ยมย่าบ้างเลย" เสียงของหญิงสูงวัยเอ่ยขึ้นทำให้เฌอร์วาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
"เอ่อ...ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่ช่วงนี้วาไม่ค่อยได้กลับมาช่วยงานที่นี่เลย" เพราะแต่ก่อนเธอมักจะกลับมาเยี่ยมคุณหญิงเกษรกับเอื้อบ่อย ๆ แต่เพราะตอนนี้เธอกำลังศึกษาอยู่ปีสุดท้ายทำให้เรียนหนักจนไม่ค่อยได้กลับมา
"ในสายตาหล่อนมองย่าเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนั้นเหรอ?"
"มะ...ไม่ใช่นะคะ! วาแค่..."
"เอาเถอะ แล้วช่วงนี้เรื่องเรียนเป็นยังไงบ้าง"
"ทุกอย่างโอเคดีค่ะ"
"อืม นี่ก็ปีสุดท้ายแล้วนี่แล้วเรื่องฝึกงานล่ะดูไว้แล้วหรือยัง"
"ค่ะ ตอนนี้ก็กำลังจะยื่นเอกสารขอเข้าฝึกงาน"
"จะไปยื่นที่อื่นทำไมในเมื่อบริษัทเราก็มี มาฝึกงานที่บริษัทของเราสิ"
"คุณย่าครับ" เหนือเวหาเอ่ยขึ้นเสียงดังทำให้เฌอร์วาสะดุ้งก้มหน้างุดในทันทีเพราะน้ำเสียงของเขาบ่งบอกได้ชัดเจนว่าไม่พอใจที่จะให้เธอเข้าไปฝึกงานที่บริษัท
"จะเสียงดังไปทำไม แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าที่บริษัทงานยุ่งซึ่งนี่มันก็เป็นโอกาสดีที่จะให้เฌอร์วาเข้าไปฝึกงานถือเป็นการช่วยงานแกไปด้วย"
"แต่ผมไม่ต้องการ"
"นั่นมันก็เป็นปัญหาของแกเพราะย่าจะให้เฌอร์วาเข้าไปฝึกงานที่บริษัทในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาของแกไม่ใช่ผู้ช่วยแก"
"..."
"มะ...ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะคุณท่าน ตอนนี้วายื่นเอกสารไปหลายที่แล้วเดี๋ยวเขาคงตอบรับกลับมาค่ะ" หญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่เอ่ยขึ้นเมื่อได้จังหวะ เธอรู้ว่าเหนือเวหาไม่ต้องการให้เธอเข้าไปเกี่ยวพันกับบริษัทของเขาฉะนั้นเธอจึงเลือกที่จะโกหกออกไปทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วเธอยังไม่ได้ทำการยื่นเอกสารขอเข้าฝึกงานไปที่บริษัทไหนเลย
"ตอบรับกลับมาก็ปฏิเสธไปสิว่าได้ที่ฝึกงานแล้ว"
"แต่..."
"เอาเป็นว่าย่าคุยเรื่องนี้เข้าใจแล้วนะ กินข้าวเถอะ" สิ้นเสียงของคุณหญิงเกษรก็ไม่มีใครเอ่ยใด ๆ ออกมาทำให้เฌอร์วาค่อย ๆ ช้อนสายตาขึ้นมองเหนือเวหาเมื่อเห็นสายตาคมกริบที่มองมาก็ทำให้เธอรีบก้มหน้าลงทันที
"หึ" ร่างสูงแค่นหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยันแต่เขาก็ขัดความต้องการของผู้เป็นย่าไม่ได้
หลังจากผ่านเวลาอาหารมื้อเย็นไปเฌอร์วาก็เข้าไปนวดให้กับคุณหญิงเกษรในห้องโถงของบ้านอย่างเช่นทุกครั้งเมื่อตอนที่ยังอยู่ที่นี่
"อยู่ที่นู่นเป็นยังไงบ้าง คงจะทุกข์ใจไม่น้อยเลยใช่ไหม?" คำถามของคุณหญิงเกษรทำให้เฌอร์วาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับหญิงสูงวัย คำถามของคนตรงหน้าแทบจะทำให้เธอร้องไห้ออกมาเธอทั้งเจ็บปวดใจอยู่ซ้ำ ๆ ทั้งเหนื่อยล้าแต่เธอต้องทนให้ได้เพื่อพ่อของเธอ เธอเข้าใจดีว่าการสูญเสียคนที่รักไปมันทรมานมากแค่ไหน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอไปจากเขาไม่ได้เพราะเธอสงสารเขา
"ฮึก...วาทนได้ค่ะ วารู้ว่าคุณเวหาเจ็บปวดมากเพราะพ่อของวา แค่นี้วาทนได้ค่ะ"
"ย่าเข้าใจความรู้สึกของหล่อนดีนะ ถ้าเมื่อไรที่ทำทุกอย่างอย่างสุดใจสุดความพยายามแล้วแต่มันยังไม่มีอะไรดีขึ้นก็ถอยออกมา ย่ายังต้อนรับหล่อนเสมอ"
"ฮึก...คุณท่าน" เฌอร์วาน้ำตาไหลออกมาด้วยความตื้นตันก่อนจะกราบลงแทบเท้าของหญิงสูงวัยด้วยความรู้สึกขอบคุณ
"ไม่ว่ายังไง ย่าก็ยังยืนยันคำเดิมว่าหล่อนเป็นหลานสาวคนหนึ่งของย่า" คุณหญิงเกษรเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเฌอร์วาด้วยความเอ็นดู
"คุณย่าครับ" เสียงของเหนือเวหาดังขึ้นทำให้เฌอร์วาขยับตัวออกห่างจากหญิงสูงวัยเล็กน้อยก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้ามา
"มีอะไรล่ะ"
"พอดีผมมีงานต่อครับเลยจะมากราบลา"
"อืม จะกลับแล้วเหรอถ้างั้นก็ให้เฌอร์วาติดรถไปด้วยแล้วกันนี่ก็ค่ำมืดแล้ว"
"ผมจะไปทำงานต่อครับไม่ได้กลับบ้าน เวลามายังมาได้ถ้ากลับไม่ได้นั่นก็เป็นปัญหาของเธอครับ" เสียงและสายตาของเหนือเวหาทำให้เธอก้มหน้างุดมองพื้นทันที
"แค่แวะไปส่งที่บ้านมันหนักหนาขนาดนั้นเชียวหรือ เดี๋ยวนี้คำพูดของย่าไม่สำคัญกับเราแล้วใช่ไหมเวหา" เหนือเวหาเงียบไปแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่วายตวัดสายตามองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนพื้นอย่างคาดโทษทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของเธอเลยสักนิด
เวลาต่อมา...
"คุณโกรธวาเหรอคะที่ไปไหนแล้วไม่ได้บอกก่อน" เฌอร์วาเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบที่ปกคลุมภายในรถหลังจากที่รถเคลื่อนตัวออกมาจากบ้านสวนของคุณหญิงเกษรได้สักพัก
"เธออย่าสำคัญตัวเองผิดไปหน่อยเลยเฌอร์วา ลูกสาวฆาตกรอย่างเธอไม่ได้มีความสำคัญกับฉันขนาดนั้น"
"เพราะฉะนั้นเธอจะไปไหนมาไหนมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่ฉันต้องรับรู้"
"อึก!" หญิงสาวสะอึกก้มหน้าพร้อมกับบีบมือตัวเองแน่น ที่ผ่านมาเวลาเธอจะออกไปไหนมาไหนหรือมีธุระอะไรก็จะคอยรายงานเขาตลอดจนลืมไปว่าเขานั้นไม่ได้อยากรู้เพราะเธอไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเขาเลยสักนิด