EP.04 ไม่คู่ควร

2269 Words
04 ไม่คู่ควร หญิงสาวหย่อนสะโพกนั่งลงบนขอบเตียงหลังจากที่ขึ้นมาถึงห้องนอน ทว่าคำพูดเมื่อไม่กี่นาทีก่อนของชบากับเพื่อนยังคงดังก้องอยู่ภายในโสตประสาท เป็นคำพูดที่ตอกย้ำว่าเธอมาอยู่ที่นี่ในฐานะนางบำเรอของเขาเท่านั้นไม่ได้มีสิทธิ์อะไรเหนือคนอื่นในคฤหาสน์หลังนี้ มือเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเปิดดูหน้าข่าวบันเทิงยอดฮิตที่มีการค้นหามากที่สุดในตอนนี้ซึ่งก็ไม่พ้นข่าวของดาราสาวชื่อดังกับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง "การควงกันมางานนี้ถือเป็นการสยบข่าวลือที่ว่านางเอกสาวดาวรุ่งถูกนักธุรกิจหนุ่มเขี่ยทิ้งรึเปล่าคะ?" "แหมพี่ ๆ ก็ มีนไม่ได้ให้ความสนใจกับข่าวนี้เลยค่ะเพราะก็อย่างที่รู้กันดีว่าไม่ใช่ตัวมีนแน่ ๆ อีกอย่างช่วงนี้มีนเองก็ยังเล่นละครเรื่องใหม่ให้กับทางคุณเวหา ไม่คิดเลยนะคะว่าจะมีคนโยงมาว่าเป็นมีน" มีนาเอ่ยตอบคำถามของนักข่าวด้วยน้ำเสียงปกติพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้มเป็นการบอกว่าข่าวที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้นั้นไม่ใช่เธอแน่นอน "นั่นสิคะถ้าในข่าวเป็นน้องมีนจริง ๆ วันนี้คงไม่ควงกับคุณเวหามาออกงาน" "ค่ะ อีกอย่างความสัมพันธ์ระหว่างเราตอนนี้ก็ปกติดีไม่มีเรื่องอะไรแบบนั้นแน่นอนค่ะ" "แหม ใช้คำว่าระหว่างเราแบบนี้แปลว่าความสัมพันธ์ในตอนนี้ต้องมีอะไรพิเศษกว่าปกติใช่ไหมคะ?" คำถามของนักข่าวสาวทำให้มีนายิ้มอย่างเขินอายแต่ไม่ได้ตอบคำถามนั่นก็ทำให้กลุ่มนักข่าวพากันเขียนข่าวไปต่าง ๆ นานา มือเรียวกดปิดหน้าจอลงหลังจากดูบทสัมภาษณ์ของดาราสาวจบซึ่งเธอเองก็เคยเห็นมีนาบ่อย ๆ ตามนิตยสารหรือข่าวบันเทิงและมีนาเองก็เป็นคนที่เหนือเวหามักจะเรียกตัวไปออกงานด้วยบ่อย ๆ ตามงานเลี้ยง ถึงแม้มีนาจะไม่ใช่ผู้หญิงคนเดียวที่เขานั้นควงแต่ก็ถือว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวในตอนนี้ที่เขาควงบ่อยที่สุด "มัวหวังอะไรอยู่นะเฌอร์วา" เธอได้แต่พูดเตือนสติตัวเองที่เผลอคาดหวังลม ๆ แล้ง ๆ ในสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ในตอนนี้เขาคงจะมีความสุขอยู่กับผู้หญิงที่เขาเลือก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเรื่องของเธอกับเขามันไม่มีทางเป็นไปได้แต่เธอก็หักห้ามความรู้สึกที่ไม่ให้คิดเกินเลยกับเขาไม่ได้เลยสักครั้ง วันต่อมา... "มาแล้วเหรอ" เสียงของมะลิที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเฌอร์วาเดินเข้ามา "ขอโทษที่ลงมาช้านะคะพี่มะลิ" หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกผิดเพราะปกติแล้วเธอจะต้องตื่นเช้าเพื่อมาช่วยมะลิและคนอื่น ๆ ทำอาหารในครัวไม่ว่าจะเป็นวันหยุดหรือมีเรียนก็ตาม แต่ทว่าวันนี้เธอตื่นสายกว่าทุกวันเพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบเช้าแล้วเพราะมัวแต่คิดเรื่องของเขาจนนอนไม่หลับ "ไม่เป็นไร แล้ววันนี้มีเรียนเช้าเหรอ?" "ค่ะ" "ถ้างั้นไปกินข้าวเถอะเดี๋ยวจะไปสายเอา" มะลิบอกพร้อมตักแกงในหม้อใส่ถ้วยเพื่อเตรียมไปวางไว้บนโต๊ะอาหารหลังห้องครัวซึ่งเป็นที่ทานอาหารของเหล่าแม่บ้านและคนสวน "วันนี้ตั้งโต๊ะอาหารสายเหรอคะ?" เธอเอ่ยถามเพราะระหว่างที่เดินเข้ามาหามะลิในครัวก็หันไปมองทางโต๊ะอาหารที่ยังไม่มีการจัดจานอาหารใด ๆ อย่างเช่นทุกวันเพราะเวลาทานอาหารเช้าของเหนือเวหาคือเจ็ดนาฬิกาฉะนั้นจำต้องรีบจัดเตรียมอาหารขึ้นโต๊ะก่อนเวลาที่ร่างสูงจะลงมา "เปล่าหรอก เมื่อคืนนายไม่ได้กลับน่ะวันนี้เลยไม่ต้องตั้งโต๊ะ" มะลิตอบพร้อมกับยกถ้วยอาหารในมือไปวางบนโต๊ะเพื่อเตรียมรับประทานร่วมกับคนอื่น ๆ ในขณะที่เฌอร์วาได้แต่ยืนนิ่งเพราะคำพูดของมะลิยังคงฉายซ้ำอยู่ในหัว "วามัวเหม่ออะไรรีบมากินข้าวสิจะได้ไปเรียน" เสียงของมะลิฉุดรั้งสติของเธอให้กลับมาอีกครั้งก่อนที่เท้าเรียวจะเดินเข้าไปยังหลังครัวเพื่อทานอาหารเช้าก่อนไปมหาวิทยาลัย @บริษัท N กรุ๊ป "นายพักก่อนไหมครับ" อลันเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับหยิบแฟ้มเอกสารที่เหนือเวหาเซ็นเรียบร้อยแล้วขึ้นมาถือไว้ "อืม มีเอกสารสำคัญอะไรอีกก็เอาเข้ามา" "ครับ" อลันรับคำก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไป เหนือเวหาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ทำงานพร้อมหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากเหลือเพียงแค่เขาที่อยู่ในห้องเพราะเมื่อคืนหลังจากออกจากงานเลี้ยงเขาก็ตรงเข้าไปที่โกดังเพื่อตรวจเช็กความเรียบร้อยของสินค้าก่อนจะส่งถึงมือลูกค้าเพราะเขาไม่ชอบความผิดพลาด กว่าทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยก็เช้าเขาจึงตรงมาที่บริษัทแทนการกลับบ้าน ครืด~ ครืด~ เสียงสั่นครืดคราดของโทรศัพท์มือถือที่วางคว่ำหน้าอยู่บนโต๊ะทำงานทำให้เหนือเวหาเปิดเปลือกตาขึ้นมาอีกครั้งพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเมื่อปรากฏชื่อของคนสำคัญทำให้เขากดรับสายอย่างไม่มีทางเลือก "ครับคุณย่า" (รับสายย่าได้แล้วเหรอ) น้ำเสียงประชดประชันของผู้เป็นย่าทำให้ร่างสูงลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ พร้อมกับยกมือขึ้นมานวดคลึงขมับเป็นการผ่อนคลาย "คุณย่าโทรหาผมมีอะไรรึเปล่าครับ" (นี่ถ้าย่าไม่มีธุระจะโทรหาหลานชายคนเดียวไม่ได้เลยสินะ) "มันไม่ใช่แบบนั้นครับ เพียงแต่ช่วงนี้ผมงานยุ่ง" (ยุ่งจนไม่มีเวลามาหาย่าเลยเหรอ ถึงปล่อยให้คนแก่นั่งกินข้าวคนเดียวอยู่บ่อย ๆ) "คุณย่าก็รู้ว่าผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น" (ไม่รู้ล่ะ เย็นนี้แกต้องมาหาย่าที่บ้านสวนเพราะย่าจะไม่ยอมให้แกบ่ายเบี่ยงอีกแล้ว) พูดจบหญิงสูงวัยก็วางสายทันทีทำให้เหนือเวหาได้แต่ถอนหายใจออกมาเพราะที่เขาไม่อยากไปหาผู้เป็นย่าก็เพราะรู้ว่าย่าของเขาจะพูดเรื่องอะไร ซึ่งแต่ละครั้งก็ไม่พ้นเรื่องของคนที่เขาเกลียดเข้าไส้ หลายชั่วโมงต่อมา "ทำไรอยู่?" เสียงของวิฬาร์ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวเอ่ยขึ้นในขณะที่เธอกำลังค้นหาข้อมูลของบริษัทต่าง ๆ เพื่อเตรียมจะยื่นหนังสือขอเข้าฝึกงาน "หาข้อมูลบริษัทที่รับนักศึกษาฝึกงานน่ะ" "บอกให้มาฝึกที่เดียวกับฉันก็ไม่เอา" "ไม่เอาหรอก ฉันเกรงใจ เดี๋ยวฉันลองยื่นเอกสารเองดูก่อนถ้าเขาไม่รับฉันคงต้องพึ่งแกแล้วแหละ" เฌอร์วาบอกยิ้ม ๆ เพราะวิฬาร์บอกให้เธอเข้าไปฝึกงานที่บริษัทของญาติด้วยกันแต่เธอเกรงใจอีกอย่างเธออยากลองยื่นขอฝึกงานเองดูก่อน "ระดับนักศึกษาเกรดเอแทบจะทุกวิชาอย่างแกถ้าบริษัทไม่รับอย่างฉันคงหาที่ฝึกงานไม่ได้แล้วแหละ" วิฬาร์ว่าออกมาทำให้เฌอร์วาหัวเราะเบา ๆ กับคำพูดของเพื่อนสาวแล้วก้มหน้าสนใจโทรศัพท์ในมือต่อ "เออเดี๋ยวฉันต้องไปทำธุระต่อแล้วนี่แกกลับยังไงให้ฉันแวะไปส่งก่อนไหม?" วิฬาร์เอ่ยขึ้นหลังจากที่นั่งได้สักพักเพราะเธอต้องไปทำธุระต่อ "ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันเรียกแท็กซี่ดีกว่าแกรีบไปเถอะ" เพราะทางไปคอนโดมิเนียมของวิฬาร์กับทางกลับคฤหาสน์ของเหนือเวหามันอยู่คนละทางอีกอย่างก็ไกลกันไม่น้อยเธอจึงไม่อยากให้เพื่อนเสียเวลาขับรถวนไปมา "เอางั้นเหรอ? ถ้างั้นฉันไปก่อนนะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้" "โอเค ขับรถดี ๆ นะ" สองสาวโบกมือลากันก่อนที่วิฬาร์จะเดินแยกออกไปยังโรงจอดรถของคณะ ในขณะที่เฌอร์วาเองก็เก็บของใส่กระเป๋าเพื่อเตรียมไปเรียกแท็กซี่หน้าคณะเช่นเดียวกัน "คุณวาครับ" ในระหว่างที่หญิงสาวกำลังจะเดินข้ามถนนเพื่อไปรอเรียกรถแท็กซี่เสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นทำให้เธอหันหน้าไปมองทางต้นเสียง "ลุงชวนมาทำอะไรที่นี่คะ?" เธอเอ่ยถามชวนชายวัยกลางคนซึ่งเป็นคนขับรถของคุณหญิงเกษรซึ่งเป็นคนเรียกชื่อเธอไว้เมื่อครู่ด้วยความสงสัย "คุณหญิงท่านให้ลุงมารับหนูไปที่บ้านสวนน่ะ" "คุณท่านให้มารับเหรอคะ ลุงพอจะทราบไหมคะว่ามีเรื่องอะไรด่วนรึเปล่า" "ลุงเองก็ไม่รู้หรอก รีบไปเถอะเดี๋ยวท่านรอ" "ค่ะ" เธอพยักหน้าก่อนจะเดินตรงไปทางรถตู้คันสีดำที่จอดรออยู่ไม่ไกล หลังจากรถเคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัยมือเรียวก็เปิดกระเป๋าสะพายข้างใบโปรดหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อจะโทรบอกเหนือเวหาว่าเธอคงจะกลับบ้านค่ำเพราะปกติแล้วเวลาเธอจะไปไหนมาไหนจะโทรบอกเขาก่อนทุกครั้ง แต่ทว่าเมื่อนึกถึงภาพที่เห็นเมื่อคืนและคำพูดของมะลิเมื่อเช้าที่บอกว่าเขาไม่ได้กลับมานอนที่คฤหาสน์เธอจึงเลือกที่จะไม่กดโทรหาเขาเนื่องจากกลัวว่าจะรบกวนเวลาของเขาจนทำให้เขาหงุดหงิดเอาได้ ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงรถตู้คันสีดำก็เคลื่อนเข้ามาจอดในบ้านหลังใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ที่ดูร่มรื่นตาซึ่งเป็นบ้านสวนของคุณหญิงเกษรย่าของเหนือเวหา "มาแล้วเหรอคะคุณวา" เมื่อเดินเข้ามาภายในบ้านเสียงของหญิงวัยกลางคนก็เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม "สวัสดีค่ะป้าเอื้อ คิดถึงจังเลยค่ะ" เอื้อเป็นหญิงวัยกลางคนและเป็นแม่บ้านคนสนิทของคุณหญิงเกษรที่เมตตาและเอ็นดูเธอไม่น้อยในตอนที่เธอยังอยู่ที่นี่ "ป้าก็คิดถึงคุณวาค่ะ ไม่เจอกันเกือบเดือนคุณวาของป้าสวยขึ้นเยอะเลยค่ะ" เฌอร์วายิ้มรับอย่างเขินอายกับคำพูดของหญิงวัยกลางคนตรงหน้า "ป้าเอื้อก็ยังดูสาวเหมือนเดิมเลยค่ะ แล้วนี่กำลังจะเอาชาไปให้คุณท่านเหรอคะ?" "ใช่ค่ะ คุณวาจะเอาไปให้คุณท่านเองไหมคะ คุณท่านนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นค่ะเดี๋ยวป้าจะได้ไปทำมื้อค่ำก่อน" "ได้ค่ะ เดี๋ยววาไปช่วยนะคะ" หญิงสาวรับถาดเหยือกชามาถือไว้พร้อมยิ้มให้แม่บ้านวัยกลางคนก่อนจะเดินตรงไปยังห้องนั่งเล่นของบ้าน “มาแล้วเหรอ” หญิงชราเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเฌอร์วาเดินถือถาดชาเข้ามา “สวัสดีค่ะคุณท่าน” เฌอร์วาเดินเข้าไปนั่งลงบนพื้นพรมตรงหน้าของหญิงสูงวัยที่นั่งอยู่พร้อมกับวางถาดชาในมือลงบนโต๊ะกระจกใกล้ ๆ แล้วยกมือขึ้นกราบลงไปที่ตักของหญิงสูงวัย “บอกให้เรียกว่าย่าก็ไม่ยอมเรียกเสียทีนะเด็กคนนี้” คุณหญิงเกษรเอ็ดเสียงไม่จริงจังนักเพราะเคยบอกให้เฌอร์วาเรียกเธอว่าย่าอยู่หลายครั้งแต่ทว่าหญิงสาวกลับไม่ยอมเรียกเสียที “แค่คุณท่านรับอุปการะวาไว้แม้ว่าพ่อของวาจะเสียไปแล้วแค่นี้ก็เป็นพระคุณมากสำหรับวาแล้วค่ะ” เฌอร์วาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขอบคุณและเกรงใจกับความเมตตาของคุณหญิงเกษรที่มีต่อเธอ แม้พ่อของเธอจะทำสิ่งเลวร้ายไว้กับลูกชายและลูกสะใภ้ของท่านแต่ท่านก็ไม่เคยพูดถึงหรือพูดจากระทบกระแทกจิตใจของเธอเลยสักครั้ง แต่ทว่ากลับกันหญิงสูงวัยเมตตารับอุปการะเธอไว้หลังจากที่พงศ์พัฒน์เสียไปและส่งเสียเธอให้เล่าเรียนจนกระทั่งปีสุดท้ายของการศึกษา “เอาเถอะเรื่องราวที่มันผ่านไปแล้วก็อย่าไปนึกถึงมันเลย ฉันบอกแล้วไงว่าตอนนี้หล่อนเป็นเหมือนหลานสาวของฉันส่วนเรื่องอะไรที่มันไม่ดีก็อย่าไปจดจำให้มันปวดใจมีแต่จะเจ็บปวดกันเสียเปล่า ๆ” เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและรู้สึกผิดของหญิงสาวตรงหน้าหญิงสูงวัยก็ยื่นมือไปลูบศีรษะเธอเบา ๆ อย่างอ่อนโยนเต็มไปด้วยความเอ็นดู “แต่เรื่องบางเรื่องมันก็ไม่ได้ลืมได้ง่าย ๆ นะครับคุณย่า โดยเฉพาะเรื่องเลว ๆ ของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นฆาตกร เพราะว่าผมไม่มีวันลืมมันแน่ ๆ" เสียงของเหนือเวหาดังขึ้นทำให้คุณหญิงเกษรที่นั่งอยู่บนโซฟาหันไปมองทางต้นเสียงเช่นเดียวกับเฌอร์วาที่หันมองตามไปก่อนจะเห็นร่างสูงที่คุ้นตาเดินเข้ามาในขณะที่สายตาคมกริบจ้องมองเธอนิ่งจนเธอต้องก้มหน้าหลบสายตา "อึก!"  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD