งิ้วฉากสุดท้าย

1580 Words
ยามเหม่า (ยามเหม่า 05.00-06.59น.) ปลายยามเหม่า หวังมู่หยาและสาวใช้อวิ๋นหมี่พร้อมกับสหายคนสนิท พากันเดินมายังเรือนของหวังม่านหลิวตามที่ได้นัดแนะกับมารดาเอาไว้ และนางก็พุ่งตรงไปยังประตูห้องนอนทันทีที่มาถึง ผัวะ! เมื่อประตูเปิดออกกว้าง สายตาทั้งสามคู่ก็ไปหยุดอยู่บนเตียงหลังใหญ่ที่ตั้งเด่นอยู่กลางห้อง กรี๊ดดดด เสียงกรี๊ดของเด็กสาวไม่ใช่เบา ๆ แน่นอนว่านางพยายามกรีดร้องให้เหมือนกับว่าตกใจมาก และยังตั้งใจเปล่งเสียงออกมาให้ดังสุดแรงเกิดเท่าที่นางจะทำได้ เสียงแหลมเล็กของเด็กสาวและเสียงร้องตกใจของสหายที่มาด้วย ทำให้คนที่กำลังหลับและคนที่แกล้งหลับงัวเงียตื่นขึ้นในทันใด ม่านหลิวยังคงมีอาการมึนหัวไม่หาย แต่นางก็พยายามตั้งสติให้ตื่นอย่างเต็มความสามารถ “มู่เอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้น” หวังม่านหลิวลุกขึ้นถามโดยไม่รู้อิโหน่อีเหน่กับสภาพกึ่งเปลือยของตัวเอง แต่ยังดีที่มีคนผู้หนึ่งดึงผ้าห่มผืนบางมาคลุมตัวให้ ก่อนที่ผู้คนจะวิ่งกรูเข้ามาถึงต้นเหตุของเสียงกรีดร้องโวยวาย ในกลุ่มคนเหล่านั้นมีหวังยี่ชวนกับภรรยา และเผิงจิ้งก็มากับพวกเขาด้วย “นี่มันอะไรกัน! ม่านหลิว หัวหน้าโจว! พวกเจ้ากล้าทำเรื่องไร้ยางอายน่ารังเกียจเช่นนี้ในจวนของข้าเชียวหรือ” หวังยี่ชวนโกรธจัดจนมือไม้สั่นปากสั่น เส้นเลือดที่ขมับก็ปูดโปนขณะด่าว่าให้บุตรสาวและชายผู้เป็นแขกที่มาร่วมงานเลี้ยงฉลองด้วยเมื่อคืน แล้วนายท่านหวังก็ทำทีเหมือนว่าเสียใจอย่างหนักจนร่างทรุดลงกับพื้นห้อง แล้วฮูหยินของเขาก็รีบวิ่งเข้าไปพยุงตัวเอาไว้ ส่วนหวังม่านหลิวน่ะหรือ จนถึงตอนนี้นางก็ยังงง ๆ อยู่เลย กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็ตอนที่ร่างบางของนางถูกดึงเข้าซบแผ่นอกหนา ซึ่งเป็นฝีมือของชายแปลกหน้าที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยกัน ภาพที่ทุกเห็นมันฟ้องออกมาได้ชัดเจนว่า พวกเขาทั้งสองเป็นคนรักกันไม่ผิดแน่ แต่ที่ผิดคือพวกเขาแอบทำเรื่องบัดสีผิดประเพณีก่อนแต่งงานต่างหากล่ะ “ทุกคนแยกย้ายกลับเรือนของตัวเองซะ ไปให้หมดทุกคนนั่นแหละ” เสียงเกรี้ยวกราดของนายท่านหวัง ทำเอาแขกทุกคนอกสั่นขวัญแขวนไปตาม ๆ กัน ไม่เว้นแม้กระทั่งภรรยาและบุตรสาวคนเล็ก เมื่อทุกคนออกไปจนหมด เขาจึงหันสั่งหนุ่มสาวทั้งสองด้วยน้ำที่เสียงเย็นยะเยียบ “จัดการตัวเองให้เรียบร้อย แล้วไปหาข้าที่เรือนใหญ่ ให้ไวด้วยล่ะ” พูดจบเขาก็หันหลังเดินกลับเรือนของตน ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเหมือนฝัน แต่เมื่อบิดาเดินจากไปแล้ว สติสัมปชัญญะของหญิงสาวก็เริ่มตื่นเต็มที่ น้ำตาของนางถึงได้ไหลออกมาเป็นสายพร้อมกับเสียงสะอื้นเล็ก ๆ แม้ว่าในส่วนลึกนางอยากจะร้องออกมาดัง ๆ ก็ตามที แต่เสียงของนางก็หลุดออกมาได้แค่นั้น ส่วนมือก็พยายามผลักร่างหนาของชายแปลกหน้าออกไปให้ห่างจากตัว “ระหว่างข้ากับท่าน มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่หรือไม่” นางฝืนอายถามออกไป โดยไม่มองหน้าชายที่ยังนั่งอยู่ข้างตัว “มีหรือไม่มีมันก็ไม่ต่างกัน แต่วางใจเถิดคุณหนูม่านหลิว ข้าจะรับผิดชอบในตัวเจ้าอย่างที่บุรุษควรจะทำทุกประการ” คำมั่นของชายแปลกหน้าไม่ได้ทำให้นางรู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย รังแต่จะทำให้นางร้องไห้ไม่หยุดก็เท่านั้น หลังจากที่เพิ่งได้ครอบครัวกลับคืนมา แต่เหมือนว่านางกำลังจะสูญเสียมันไปอีกครั้งแล้วสินะ โจวซีหยางรู้สึกสงสารหญิงสาวจับใจ แต่เขาก็ยอมเป็นชายที่เห็นแก่ตัว เพราะความรักที่มีต่อนางอย่างแท้จริง เชื่อเถอะ หากไม่ใช่เขาที่เป็นเหยื่อในวันนี้ สองผัวเมียบัดซบคู่นั้น คงได้หาชายอื่นมาใช้เป็นตัวเบี้ยเดินหมากในกระดานนี้อย่างแน่นอน ช่างเป็นบิดาที่เลวทรามต่ำช้าสิ้นดี ภายหลัง โจวซีหยางพยายามปลอบหญิงสาวและทำให้นางสงบลง จากนั้นสองเค่อต่อมา เขากับนางก็มาถึงเรือนใหญ่ตามคำสั่งของหวังยี่ชวน ทั้งคู่ถูกเรียกให้เข้าไปยังห้องทำงานพร้อม ๆ กัน แต่ทันทีที่ทั้งสองก้าวเท้าเข้ามาในห้อง ตุ๊บ! ถุงผ้าที่ดูมีน้ำหนักอยู่ไม่น้อยก็ถูกโยนมากองอยู่ตรงหน้าของพวกเขา “พานางออกไปจากเมืองหลวงซะ” โยนถุงเงินให้แล้วก็ปัดมือไล่อย่างไม่ใยดี “ตระกูลหวังของข้าจะต้องไม่มีสตรีที่ร่านบุรุษอยู่ในจวน เมื่อพานางไปแล้วก็ให้ไปลับ ไม่ต้องกลับมาให้ข้าเห็นหน้าอีก เพราะนางจะไม่มีชื่อในตระกูลหวังอีกต่อไป เงินนั่นคงพอให้พวกเจ้าประทังชีวิตอยู่ได้หลายเดือนทีเดียวถ้ารู้จักประหยัด” “ข้าจะพานางไปจากเมืองหลวงทันทีก็ต่อเมื่อเราได้ผ่านพิธีกราบไหว้ฟ้าดินแล้วเท่านั้น ถ้าท่านจัดพิธีแต่งงานให้กับเราสองคนเร็วเท่าไหร่ เราก็จะไปจากที่นี่เร็วเท่านั้น” โจวซีหยางไม่ได้ตื่นกลัวต่อคำสั่ง แต่ยังใช้วาทะต่อรองเหมือนกับว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง ผิดคาดจากที่หวังยี่ชวนวางแผนเอาไว้ เขาคิดว่าหัวหน้าพ่อค้าจรคนนี้ จะรีบรวบเอาถุงเงินแล้วพานางเด็กนั่นออกไปจากจวนทันทีหลังจากที่เขาพูดจบเสียอีก แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เจ้าหนุ่มคนนี้ดื้อด้านยิ่งนัก แถมยังหันมาต่อรองกับเขาได้อย่างหน้าตาเฉย มันเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าเขาจะต้องทำตามอย่างที่มันขอ มันควรจะหวาดกลัวต่อเขาจนหัวหด และรีบพานางเด็กนั่นหนีออกไปจากเมืองนี้ทันทีไม่ใช่หรืออย่างไร ขณะที่โจวซีหยางกำลังรอคำตอบจากหวังยี่ชวนอยู่นั้น หญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่เป็นนานก็มีโอกาศได้พูดบ้าง “ท่านพ่อ ข้าขอพูดได้หรือไม่” “ว่ามาสิ แต่ให้รู้เอาไว้ คนที่นำพาความอัปยศมาสู่วงศ์ตระกูลเช่นเจ้า ไม่มีสิทธิ์มาต่อรองอะไรทั้งสิ้น” “ข้าทราบเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่จะขอเชิญป้ายวิญญาณของท่านแม่ไปกับข้าด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ” ม่านหลิวรู้ดีว่าบุตรสาวไม่มีสิทธิ์จัดการกับป้ายวิญญาณของบุพการีได้ตามใจชอบเหมือนคนที่เป็นบุตรชาย หรือในขณะที่บิดายังมีชีวิตอยู่ แต่นางเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านแม่ จะยากดีมีจนนางก็อยากจะนำมารดาไปอยู่ด้วย “ฮึ! แค่ป้ายวิญญาณที่ไร้ค่าไม่ต่างกับตัวเจ้า อยากได้นักก็ไปเอาเลยสิ” เป็นคำตอบที่หวังม่านหลิวไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของผู้เป็นบิดา เหมือนท่านอยากผลักใสนางกับท่านแม่ให้ออกไปจากตระกูลเต็มที แม้ว่านางจะดีใจที่ได้รับอนุญาตให้พาป้ายวิญญาณของมารดาไปด้วย แต่ก็รู้สึกเสียใจมากเช่นกัน กับการแสดงออกที่ไร้เยื่อใยของคนที่นางพร่ำเรียกว่าท่านพ่อ “ขอบคุณเจ้าค่ะ” ถึงจะถูกบิดาว่าให้ แต่นางก็ยังก้มหน้ารับ และกล่าวคำขอบคุณด้วยความซาบซึ้งอยู่ดี “ส่วนเรื่องงานแต่งที่เจ้าขอ ถึงมันจะมากไปหน่อยแต่ข้าจะยอมให้ก็ได้ ถือเป็นสิ่งสุดท้ายที่บิดาพึงทำให้บุตรก็แล้วกัน ข้าจะหาคนทำพิธีให้แค่นั้น แต่อย่างอื่นถ้าคิดว่าพ่อค้าจรอย่างเจ้ามีปัญญา ก็เชิญหามาเองก็แล้วกัน ข้าให้เวลาทำพิธีไม่เกินเที่ยงของวันนี้” พอพูดจบ หวังยี่ชวนก็เรียกคนสนิทของตนให้เข้าพบ แล้วสั่งให้ไปตามผู้ดำเนินงานพิธีแต่งงานมาให้ “ข้าจัดการให้แล้ว ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของเจ้า” หวังยี่ชวนกล่าวด้วยน้ำเสียงดูแคลนและเย้ยหยันอยู่ในที เพราะในใจก็คิดว่า พ่อค้าตัวเล็ก ๆ เช่นโจวซีหยางไม่มีปัญญาหาสิ่งของมาได้ทันเวลาแน่ ฝ่ายโจวซีหยาง เขาแค่เป่าปากเพียงหนึ่งครั้ง เผิงจิ้งก็โผล่พรวดพลาดเข้ามาแบบไม่คำนึงถึงมารยาทที่ควรจะมี “จัดของสำหรับงานแต่งให้ข้าที หามาให้ครบ รวมถึงชุดแต่งงานของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวด้วย ส่วนสินสอดไม่ต้อง เรามีเวลาแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น” เขารีบสั่งการทันทีที่เผิงจิ้งปรากฏตัว “สองเค่อข้าก็หาของได้ครบแล้ว วางใจได้” เผิงจิ้งบอกด้วยความมั่นอกมั่นใจ จากนั้นก็ผลุนผลันออกไป ไวพอ ๆ กับตอนที่เขาโผล่เข้ามา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD