คาลเวิร์ตจ้องมองมิล่าจนเธอต้องกลืนน้ำลายลงคอ หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาหนักแน่นพยายามไม่หลบสายตาเหมือนกับทุกครั้ง
“มันเข้ามาหา?” มิล่าพยักหน้ายอมรับ เพราะยังไงคาลเวิร์ตก็รู้จากลูกน้องของเขาอยู่ดี
“แล้วไม่ได้ทำอะไร?”
“ค่ะ เขากำลังจะทำแต่พี่มาซะก่อน” คาลเวิร์ตมองใบหน้าของสาวลูกครึ่งนิ่ง ใบหน้าของเธอยังมีคราบน้ำตาอยู่ ก่อนที่เขาจะพยักหน้าเข้าใจและหมุนตัวออกจากห้องไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีก
แต่ไม่ทันที่เธอจะได้โล่งอก มาร์โคก็เข้ามาหาเธอเสียก่อน เขาเดินมาหยุดที่ปลายเตียงนอนของเจ้าหล่อน
“มีอะไรคะ...”
“นายเสียเวลาไปบ่อน และรีบกลับมาที่นี่เพราะเป็นห่วงคุณ” มาร์โคว่าเสียงนิ่งเรียบ ดวงตาคมของเขามองว่าที่นายหญิงด้วยสายตาที่ต่างออกไป
“ฉันรู้ค่ะ...แล้วพี่ไม่ห่วงฉันเหรอ” เธอยิ้มบาง ๆ ให้กับชายหนุ่ม อันที่จริงเขามีศักดิ์เป็นพี่ชายของเธอเสียด้วยซ้ำ มาร์โคเป็นลูกของคุณลุงของเธอ
“...อย่าทำให้คุณคาร์นเหนื่อยเลย” หญิงสาวหลุบตาต่ำลง แม่ของเธอที่เป็นลูกน้องของครอบครัวนี้ก็บอกเธอแบบนี้เช่นกัน
“ค่ะ...” เธอตอบรับพร้อมกับเลื่อนตัวลงดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัว ก่อนที่มาร์โคจะเดินออกไปจากห้องของเธอ
ในตอนที่แม่บอกให้เธอแต่งงานกับเขา เธอก็รับรู้ว่ามันไม่ใช่คำร้องขอ มันเป็นคำสั่งที่เธอเลี่ยงไม่ได้
เธอรู้อีกว่าคนที่ทรยศหักหลังครอบครัวนี้ไม่ตายดี ซึ่งแม่เธอได้ทำมันลงไปเพราะเข้ามาช่วยพ่อของเธอไว้ ขณะเดียวกันเธอก็รู้ว่ากฎของที่นี่โหดแค่ไหน แม่ของเธอไม่ได้ถูกฆ่าเพราะคุณแม่ของพวกเขา แต่แม่ของเธอถูกขังลืมไปเป็นเดือน มิล่ากลัวว่าเคเรนด์จะถูกทำโทษอย่างนั้น...แม้ว่าเขาจะใช้ยานรกนี้กับเธอเอง
การไปทำงานในทุกเช้าของมินตราทรมานมากเมื่อต้องโบกมือลาบุตรชาย กรุงโรมไม่งอแง เขาสามารถอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมกับพี่เลี้ยงสาวได้อย่างสบาย ๆ ด้วยนิสัยที่ไม่ค่อยพูดค่อยจา แต่คนที่ไม่สบายและมีโรคประจำตัวก็ทำให้คนเป็นแม่อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี
“กรุงโรมมาให้แม่หอมก่อน” เด็กเล็กส่ายหน้า แม่เขาหอมแก้มจนแก้มเล็กเปื้อนลิปสติกมากขนาดนี้ยังอยากจะหอมอีก
“สุดหล่อของแม่อย่างอแงนะ” กรุงโรมขมวดคิ้ว คนงอแงน่าจะเป็นแม่ของเขาเสียมากกว่า เธอว่าก่อนจะโอบกอดร่างเล็กของเขาอีกครั้ง
“แม่รักลูกนะ” มินตราฝังจมูกลงที่แก้มเล็กของเขาอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะผละอ้อมกอดออก ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวด้วยความรู้สึกเป็นห่วงที่มี “พี่ก้อย...น้องฝากโรมด้วยนะคะ”
“โอเคค่ะ โรมมากับพี่มา” ตัวเล็กโบกมือให้แม่ของเขาหย็อย ๆ ก่อนที่คนเป็นแม่จะหมุนตัวเดินจากไป ซึ่งพี่เลี้ยงสาวก็เลี้ยงกรุงโรมมาได้หลายเดือนด้วยความที่เป็นเด็กไม่พูดไม่จาและไม่ซนทำให้เธอทำงานไม่ยากเท่าเด็กคนอื่นที่เคยทำงานด้วย
“วันนี้โรมอยากทำอะไรครับ”
“...อยากนอนครับ” เขาตอบเพียงแค่นั้น ก่อนจะเดินไปนอนที่โซฟาในคอนโดของแม่เขา โดยที่พี่เลี้ยงสาวไม่ทันสังเกตว่าอาการง่วงซึมของเด็กวัยสองขวบไม่ใช่ความปกติของเด็ก
เวลาที่ประเทศไทยผ่านไปนานแต่ที่อิตาลีเพิ่งเช้า คาลเวิร์ตไม่ได้ไปทำงานหากวันนั้นเขาไม่อยากไป อาชีพที่ทำงานกับความโลภของคนอย่างเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรมาก มีเพียงกลยุทธ์ที่จะทำให้คนมาเล่นพนันเสียมากกว่า เพราะหลังจากนั้นคนก็จะติดและไม่ไปไหน
สนามยิงปืนทางด้านหลังคฤหาสน์ก็เป็นอีกที่ที่เขาจะตื่นมาทำกิจกรรมในช่วงเช้า มาร์โคกำลังดวลปืนกับเจ้านายหนุ่ม เขาไม่เคยชนะด้วยความที่คาลเวิร์ตถูกฝึกมาให้ชนะลูกน้องทุกคนอยู่แล้ว ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่นายน้อยอย่างเคเรนด์เอาชนะลูกน้องของคาลเวิร์ตทุกคนยามบุกมาที่นี่
“เมื่อคืน...คุณเคเรนด์ออกจากห้องของคุณมิล่าทางหน้าต่างครับ” คาลเวิร์ตพยักหน้ารับ ทำเอามาร์โคหมดคำจะพูด เขาควรรู้สึกอะไรบ้างเพราะอย่างน้อยมิล่าก็เป็นว่าที่เมียของเขา
“แบบนี้จะดีเหรอครับ เธอกำลังจะแต่งงานกับคุณแต่ก็มีสัมพันธ์กับคุณเคเรนด์อีก” คาลเวิร์ตส่ายหน้า เขากำลังประกอบปืนกระบอกสั้นอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร ทำเอามาร์โคไม่รู้จะพูดอะไรอีก
“ผมยิงก่อนนะครับ” คาลเวิร์ตพยักหน้าให้ ก่อนที่คนเป็นลูกน้องจะเข้าประจำตำแหน่งยิงปืน ขณะที่คาลเวิร์ตก็รับรู้ว่ามิล่ายังรักน้องของเขาอยู่ เธอยอมแต่งงานเพราะถูกบังคับ อีกนัยหนึ่งก็ไม่อยากคบหากับเคเรนด์ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าทำไม และเขาก็ไม่ได้อยากแตะต้องตัวเธอ มาเฟียหนุ่มถึงเลือกพึ่งวิทยาศาสตร์ในการทำลูก แต่แล้ว
ครืดด ครืดด~
โทรศัพท์เครื่องหรูของมาร์โควางอยู่บนโต๊ะไม่ไกลจากเขา คาลเวิร์ตหันไปมองลูกน้องที่กำลังยิงปืนอยู่ ซึ่งมาร์โคก็ใส่ที่ครอบหูเพื่อกันเสียงดังทำให้ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์
เห็นอย่างนั้นร่างหนาก็เลยเดินไปหยิบโทรศัพท์ของคนเป็นลูกน้องขึ้นมา เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นชื่อของปลายสาย ก่อนจะเลื่อนสายตามองเวลา...เวลานี้ที่ไทยคงเพิ่งเที่ยง
ติ๊ด!
[ฮัลโหลค่ะ คุณมาร์โค ฉันโทรมารบกวนหรือเปล่า] คาลเวิร์ตชะงักเล็กน้อย เขาไม่ได้ยินเสียงนี้นานแค่ไหนกันนะ เสียงของเธอสดใสไม่เปลี่ยน
“_”
[ยูหู้ววว ไม่ว่างเหรอคะ วันนั้นที่ฉันต้องตัดสายไป...ขอโทษด้วยนะคะ] สำเนียงภาษาอังกฤษของเธอต่างจากสำเนียงทางประเทศเขาเล็กน้อย คาลเวิร์ตไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่กระแอมเสียงออกมาเบา ๆ
[ยังอยู่ใช่ไหมคะ ถ้าคุณคาร์นสะดวกที่จะมาวันไหน อยากให้คุณโทรบอกฉันก่อนนะคะ]
“_”
[เป็นวันหยุดก็จริง แต่ฉันไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนะคะ]
“_”
[ฉันจะได้จัดตารางงานให้ค่ะ จะเลือกวันที่ไม่มีคนให้นะคะ]
“_”
[โอเคไหมคะ คุณมาร์โค คุณคะ...คุณมาร์โคได้ยินฉันหรือเปล่าคะ...] คาลเวิร์ตขมวดคิ้วตั้งนานกับคำว่าไม่ได้ตัวคนเดียวของเธอ มันหมายความว่าอย่างไรกัน ทว่า
“เอ่อ...ใครโทรมาครับ”
[หือ...]
ติ๊ด!
คาลเวิร์ตตกใจกดตัดสายในทันที ซึ่งการสะดุ้งของเขาทำให้คนเป็นลูกน้องตกใจไปด้วย คาลเวิร์ตห่างไกลจากคำว่าสะดุ้งมากแค่ไหนเขารู้ แม้แต่เสียงระเบิดที่ดังใกล้หูเขายังไม่สะดุ้งเลย...แล้วอะไรทำให้คนเป็นนายสะดุ้งมากขนาดนี้กัน
มาเฟียหนุ่มกระแอมเสียงออกมาเล็กน้อย เขาวางโทรศัพท์ของลูกน้องคนสนิทลงบนโต๊ะโดยไม่ได้พูดอะไร ก่อนที่เขาจะเดินไปหยิบปืน ทว่า
“นายลืมกระสุนครับ” คาลเวิร์ตชะงักเล็กน้อย ก่อนที่มาร์โคจะเดินเอากระสุนปืนไปให้อีกฝ่าย พอให้เสร็จมาร์โคก็เดินกลับมาหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้น เขามองหน้าจอที่โชว์สายที่ได้รับเมื่อครู่ด้วยรอยยิ้มบาง ๆ เขาอยากให้มินตราเป็นนายหญิงมากกว่ามิล่าเสียอีก...
ขณะเดียวกันเจ้าของสายโทรออกก็ได้แต่ยืนงงกับสิ่งที่ได้ยิน ใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างห้ามไว้ไม่อยู่ เธอกำลังคิดว่าพ่อของกรุงโรมรับสายเธอ
มินตรายกยิ้มบาง ๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะยังใจเต้นแรงขึ้นมาแบบนี้อีกแม้ว่าจะไม่ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำ ผ่านมาสามปีเขาคนนั้นคิดถึงเธอหรือเปล่า แค่คิดก็นึกขำตัวเอง เขาจะคิดถึงเธอทำไมกัน...ไม่ใช่เรื่องเลย
แต่แล้ว
ครืดด ครืดด~
“อ๊ะ!...” หญิงสาวสะดุ้งอย่างแรงให้กับสายเรียกเข้า ก่อนที่เธอจะพ่นลมหายใจออกมาเมื่อเห็นชื่อของต้นสายที่โทรมา
ติ๊ด!
“โอเค ฉันกำลังไปอยู่บนรถแล้ว ๆ” มินตราโกหก เธอกำลังเดินออกจากที่ทำงานต่างหาก
[โอเค นึกว่าลืมแล้ว] โทรศัพท์ถูกตัดสายไป ก่อนที่หญิงสาวจะรีบไปขึ้นรถของตนที่โรงจอดรถ
วันนี้มินตรามีนัดไปช่วยงานเพื่อนของเธอที่สภากาชาด เพื่อรณรงค์ให้คนมาบริจาคเลือดและสเต็มเซลล์ หญิงสาวเรียนจบเทคนิคการแพทย์ งานของเธอมีหลายสายด้วยกัน เธอเลือกเข้าทำงานที่ศูนย์ผู้มีบุตรยากมากกว่าทำงานที่โรงพยาบาล เพราะเป็นสาวสังคมเบื่อระบอบราชการเหมือนกับพ่อกับแม่แถมค่าตอบแทนก็สูงลิบลิ่ว ขณะเดียวกันที่เพื่อนสนิทระหว่างเรียนนั้นเลือกทำงานที่สภากาชาด
เธอไม่ได้ติดต่อเพื่อนคนนี้มานานเพราะไม่ได้สนิทกันมากขนาดนั้น แต่ก็เป็นเพื่อนคนเดียวที่คบระหว่างเรียน แต่หลังจากที่มีลูก และลูกต้องรับเลือดตลอดอย่างนี้ทำให้เธอต้องคอยติดต่ออีกฝ่ายตลอด
ร่างบางในเสื้อกาวน์สั้นสะกดสายตาของใครหลายคนที่มองมา ผมสลวยสีดำสนิทของเธอถูกปล่อยยาวจนเลยเอวบางไป มินตราก้าวขาอย่างฉับไวเข้าไปในตึกขนาดใหญ่ แต่แล้ว
“ยัยมิน!! ทางนี้!” มินตราชะงักฝ่าเท้า เธอหันไปตามเสียงเรียกคุ้นเคย ก่อนจะเดินตามไปหาเจ้าของเสียงเรียกนั้น
“ว้าว วันนี้คนสวยมาช่วยงานแฮะ” เพื่อนชายของเธอเอ่ยปากแซว ก่อนที่มินตราจะยกยิ้มให้ เพราะอย่างนี้เสียกระมังเธอถึงมีแฟนเยอะมากจนนับไม่ถ้วน มินตราอดีตดาวคณะฯ ดาวมหา’ลัย รวมถึงเวทีประกวดนางงามชื่อดังระดับประเทศ เธอผ่านมาทุกเวที
“ทันไหมเนี่ย...”
“ทันสิ ไม่งั้นแกไม่เห็นฉันแล้ว” มินตรายิ้มเขินที่มาสาย เธอลางานช่วงบ่ายเพื่อจะได้มาช่วยเพื่อนทำงาน
“แล้วยังไงอ่ะ คลังเลือดน้อยเหรอ” แม้จะไม่ได้รับการตอบกลับแต่การพยักหน้าเบา ๆ ของเพื่อนเธอก็ทำให้ใจดวงน้อยรู้สึกไม่ดี
“แล้ว...สเต็มเซลล์ล่ะ มีคนบริจาคเยอะปะ” เธอว่าพลางช่วยเพื่อนจัดแจงอุปกรณ์ต่าง ๆ ใส่กล่อง
“ก็พอมี แต่แกก็รู้ว่ามันไม่ตรงกันง่าย ๆ ถ้าเมื่อไรตรงกับกรุงโรม...ฉันจะโทรหาแกคนแรกเลย”
“ขอบใจนะ”
“หึ ฉันทำตามหน้าที่ ไม่ต้องขอบใจหรอก แต่แกนี่สิ งานแกก็ไม่ใช่ เงินก็ไม่ได้...ขอบคุณที่มาช่วยนะ หน้าแกคงเรียกคนมาสนใจได้เยอะอยู่” มินตรายิ้มเขิน เธอเป็นหน้าเป็นตาให้กับคณะฯ มานานแล้ว ขณะเดียวกันสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งเดียวที่เธอจะสามารถช่วยให้กรุงโรมได้รับเลือดตลอด
“แต่ก็อย่างว่า...คนให้ความสำคัญน้อย อุบัติเหตุใหญ่ต้องใช้เลือดก็เยอะ...เลือดมีเท่าไรก็ไม่พอ”
“_” มินตราก้มหน้าลง รู้สึกจุกอยู่ในอกทุกครั้งเวลาได้ยินว่าเลือดอาจจะไม่พอ ขณะที่กรุงโรมต้องรับเลือดทุกเดือนอย่างนี้
“แล้วลูกแกเป็นไงบ้าง ฉันว่าจะไปเยี่ยมแต่งานเยอะมาก”
“...หือ ก็ดีแหละ”
“เห้อ...สุดหล่อของเรา แกต้องเข้มแข็งนะ เขาโตมาต้องหล่อมากแน่ ๆ เลย” หญิงสาวพยักหน้า หยดน้ำตาที่กำลังจะหยดลงทำให้เธอต้องรีบยกมือขึ้นเช็ด
“...ฉันเริ่มทำใจแล้วล่ะ” มินตราพูดขึ้น เธอเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน ๆ ที่มองเธออยู่ “ฉันไม่อยากหลอกตัวเองไปวัน ๆ แต่ก็พยายามทำให้เต็มที่”
“_”
“ฉันไม่อยากเห็นเขาทรมานเลย” ไร้เสียงตอบกลับมีเพียงแค่การยกมือลูบหัวไหล่มน ทุกคนรู้ถึงความรุนแรงของโรค ชีวิตของกรุงโรมมันห้าสิบห้าสิบมาตั้งแต่เกิด จะหลอกตัวเองไปวัน ๆ ก็กระไรอยู่
“ฉันทำ ฮึก...ได้เพียงแค่รอ รอ...” ร่างบางถูกโอบกอดโดยเพื่อนของเธอ ไหล่บางสั่นเทิ้มเมื่อคิดไปไกลว่าตัวเองอาจจะไม่เห็นกรุงโรมฉบับผู้ใหญ่แล้ว เขาอาจจะอยู่ได้ไม่นาน เพียงแค่คิดหัวใจก็แทบสลาย...