ประเทศญี่ปุ่น
"แต่งตัวสวยแบบนี้จะมีคนพาไปไหนนะ" ฝ่ายมารดารีบเอ่ยแซว ตอนเห็นว่าลูกสาวเดินลงบันไดมา แต่งตัวได้สวยกว่าทุกวัน
"พี่ปรานจะพาไปเลี้ยงมื้อสุดท้ายของที่นี่ค่ะ" ใบหน้าจิ้มลิ้มอวดยิ้มกว้าง ยามพูดถึงรุ่นพี่คนสนิทที่คอยดูแลเธอมาหลายปี จนเริ่มรู้สึกผูกพันเฉกเช่นคนรัก
"แสดงว่าเราพร้อมจะกลับไทยแล้วใช่ไหม" นับตั้งแต่วันที่สามีเสีย ท่านจำเป็นต้องย้ายถิ่นฐานพาลูกสาวกลับไปประเทศบ้านเกิดตามกฎหมายอันศักดิ์สิทธิ์
"ถ้าไปอยู่นู้นแล้วแม่มีความสุข นามิก็ต้องพร้อมอยู่แล้วค่ะ" เพราะเธอไม่เคยเห็นรอยยิ้มมารดา นับตั้งแต่วันที่บิดาเสียเมื่อหลายเดือนก่อน
ร่างบางในชุดเดรสสีหวานตรงมาสวมกอดแม่ผู้เป็นที่รัก ก่อนจะชโงกมองตะกร้าถักไหมพรม
"อยากได้สีไหนล่ะลูก ใกล้จะหนาวอีกแล้วนะ"
"อากาศที่นู้นคงไม่หนาวเท่าที่นี่หรอกค่ะ แต่แม่ถักไว้ก็ดีนะ นามิจะได้อวดเวลาไปถ่ายงาน"
"เลิกมาหอมได้แล้ว หน้าเปลื้อนไม่สวย เดี๋ยวพี่ปรานของเราจะไม่มองนะ" ท่านขยับออกจากกอดลูกสาว พอเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มก็อยากถนอมไว้ดูนานๆ
"ก็ดีสิคะ นามิไม่มีแฟนเมื่อไหร่ จะอยู่เฝ้าแต่บ้านเลยคอยดู"
ติ่ง~ ติ่ง~
"มาแล้วนั่นไง ลูกสาวแม่คงไม่โสดสักวันหรอก" เสียงอ๊อดจากรั้วหน้าบ้าน ดึงให้สองแม่ลูกรีบเหลียวมองหน้าต่างกระจก
"ไปๆ ค่ะ เดี๋ยวพี่ปราณรอนาน" ร่างบางรีบดึงแขนมารดาให้ไปส่งหน้ารั้วบ้านเช่นทุกครั้ง ทำเหมือนตัวเองยังเป็นเด็กๆ ที่ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง
"แม่จะหกล้มก่อนนะนามิ ใจเย็นๆ ก็ได้"
"สวัสดีครับคุณน้า" ชายหนุ่มเอ่ยทักทาย ผ่านน้ำเสียงอบอุ่นเหมือนนิสัย เมื่อเห็นว่านามิแสดงท่าทีตื่นเต้น ทำเขากลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
"รีบพาลูกน้าไปเที่ยวนานๆเลยนะปราณ ไม่อายพี่เขาบ้างเหรอลูก" ลูกสาวออกอาการจนท่านรู้สึกอายแทนชายหนุ่ม
"นานๆทีพี่ปราณถึงจะว่างนี่คะ วันนี้เลี้ยงมื้อสุดท้ายที่นี่ แต่ต้องไม่ใช่ของที่นู้นนะคะ"
"ตกลงครับ ถ้าคุณน้าอยากได้อะไรโทรบอกผมเลยนะครับ" เขายังหันไปวรารัตน์ต่อ เพราะท่านชอบทำอาหารให้ทานบ่อยครั้ง เวลาที่ผ่านซุปเปอร์มาเก็ตจะโทรมาถามท่านก่อนเข้าบ้าน
"จ้า ค่อยๆ ขับรถนะ"
"ไม่ต้องห่วงค่าแม่" นามิยื่นใบหน้าข้ามรั้วระดับเอวมาหอมมารดาฟอดใหญ่ ก่อนหมุนตัวเดินตามชายหนุ่มไปที่รถยนต์
ณ โรงภาพยนตร์แห่งนึง
"พี่ปราณจะบินตามไปที่นู้นเมื่อไหร่คะ ให้นามิไปกับแม่ก่อนต้องเหงาแน่ๆ" น้ำเสียงสดใสถาม ระหว่างที่นั่งรอเวลาเข้าในโรงภาพยนตร์
"พี่เคลียร์งานที่นี่เสร็จก็จะบินตามไปเลยนะ ทีนี้เราจะได้อยู่ที่นู้นไม่ต้องย้ายไปไหนแล้ว" ฝ่ามืออบอุ่นวางบนศรีษะเล็กอย่างทนุถนอม ไม่กล้าล่วงเกินเธอมากกว่านี้ เพราะนามิก็มีชื่อเสียงระดับนึงในวงการแฟชั่น
"แสดงว่าในอนาคตของพี่ปราณต้องมีนามิอยู่ด้วยใช่ไหม" คางมนรีบเกยใส่หัวไหล่ใหญ่ เขาเป็นเสมือนที่พักพิงให้ความอบอุ่นอยู่เสมอ
"ไม่เลยมั้ง" คนบอกว่าให้กับความขี้เล่นของนามิ จนเงยหน้าพบว่าถึงเวลาที่หนังเรื่องโปรดกำลังจะเข้าฉาย
"ไปกันดีกว่าค่ะ เสร็จแล้วนามิจะให้พี่ปราณพาไปกินราเมงร้านนั้นอีก"
"ได้เลยครับ" ชายหนุ่มหันไปส่งยิ้ม ก่อนเอื้อมไปจับมือบางให้เธอลุกขึ้นยืนเดินไปตามทางเดิน
@ อีกด้านนึง
"หนี้รอบที่แล้วมึงยังไม่จ่ายกูไม่ใช่เหรอ? คิดว่าการไปแจ้งตำรวจแล้วมึงจะรอดไปได้หรือไง!" คาเรนกดน้ำเสียงต่ำ ขณะยืนอยู่ภายในห้องกระจกที่มองเห็นรอบด้านของบ่อนคาสิโน ก่อนหันมามองนักพนันคนนึง ที่กำลังเสพติดความโลภจนถอนตัวไม่ขึ้น
"ผมขอโทษ แต่ผมกำลังหาเงินมาใช้ให้อยู่นะครับ" คนบอกพยามดิ้นขัดขืน ให้หลุดจากมือพวกบอดี้การ์ดที่กดตัวเขากดลงแนบโต๊ะทำงาน
"แค่ขอโทษมันเทียบไม่ได้สักนิดกับการที่กูต้องเสียเงินและเสียเวลา" มือหนาล้วงเอาอาวุธปลายแหลมขนาดสั้น ขึ้นมาลูบโชว์ความคมกริบสะท้อนเงา
"ยะอย่าทำอะไรผมนะครับ ผมกลัวแล้วจริงๆ ผมจะรีบหาเงินมาคืนนะครับ"
"ก่อนเข้ามาบ่อนนี้ มึงต้องรู้จักกฏของกู"
"นายไม่ให้โอกาสคนรอบสอง" ดั๊มพ์เอ่ยเตือน
"ตะแต่ผมสัญญานะครับ ผมจะหาเงินมาคืนจริงๆ ปล่อยผมไป....อื้ออ!!!" พอมาเฟียหนุ่มส่งสัญญาณ ลูกน้องทำเทปกาวมาพันปิดปากคนพูด พยามดิ้นขัดขืนเต็มแรง
"จะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีซะเปล่าๆ แต่เอาเหอะ กูจะให้โอกาสมึง" มือหนากระแทกวางมีดพกสั้นลงด้านข้างใบหน้านักพนัน
"ฮืออ..อ่ออย"
"ขายมันให้กับเสี่ยวันชัยซะ นรกดีๆที่มึงอยากเจอเอง!" ร่างสูงหลีกออกจากโต๊ะทำงาน ก้าวขายาวตรงไปนั่งบนโซฟาตัวโปรด มีสาวสวยร่ายล้อมรอบด้าน
"อย่าเครียดสิคะ คืนนี้ยังมีอะไรดีๆรอคุณคาเรนอีกนะคะ"
.............................................