CHAPTER 5 ฉายานักสับราง

1828 Words
• Garfield part “น้องนิวมากับใครว่ะ” ผมเองก็สงสัยไม่ต่างจากไอ้เค ว่าคนที่กอดคอน้องเดินออกไปนั่นเป็นใคร ท่าทางสนิทสนมในแบบที่ตอนคุยหน้าแทบจะติดกัน ถ้าไม่โลกสวย ก็คงคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากว่าทั้งสองคนเป็น ‘แฟน’ กัน “ชื่อปั้น เด็กวิดวะ” คำพูดของไอ้หยาทำให้ผมที่กำลังจมกับความคิดของตัวเองต้องหันมอง “มึงรู้จักเหรอ” ผมเลิกคิ้วถาม “เปล่า แค่รู้ว่าวีรกรรมเยอะ” “หญิง?” เป็นไอ้เคที่ตั้งคำถาม ถึงแม้จะรู้ว่าวีรกรรมที่ว่าของผู้ชายคงไม่พ้นเรื่องผู้หญิง แต่มันก็ยังถามให้ตัวเองได้แน่ใจ ซึ่งก็ดี ผมเองก็อยากรู้ “อือ ฉายานักสับราง” ได้ยินฉายาแล้วผมก็ยิ่งสงสัยเข้าไปอีก ว่าทำไมไอ้น็อตถึงกล้าปล่อยน้องมากับไอ้เด็กนั่น ทั้งที่มันหวงนักหวงหนากับพวกผม ขู่แล้วขู่อีกว่าอย่าได้เข้าใกล้ แล้วทำไมถึงปล่อยให้มากับเสือผู้หญิงแบบนั้นได้ สงสัยได้ไม่นานคนที่กำลังบ่นในใจก็เดินเข้ามา มันทักทายพวกผม คิ้วเข้มเลิกขึ้นเมื่อเห็นว่าผมไม่ละสายตาไปจากมัน “อะไร” “กูพึ่งเห็นน้องมึงเดินออกไป” “แล้ว?” นี่ก็ประหยัดคำจังไอ้ห่า “มึงรู้รึเปล่าว่ากูเห็นน้องมากับใคร” มันทำท่านึก จากนั้นก็พยักหน้า แสดงว่ารู้แล้วแต่ยังเฉย “ทีพวกกูห้ามนักห้ามหนา แต่กับไอ้เด็กคาสโนว่ามึงไม่เห็นทำอะไร” เป็นไอ้หยาที่พูดขึ้นอย่างตัดพ้อ ไอ้น็อตถึงกับพึมพำ ‘เป็นเหี้ยไร’ เมื่อเห็นสีหน้างอแงเหมือนเด็กไม่ได้ดังใจของมัน “ก็ทีพวกกูบอกห้ามจีบห้ามเต๊าะ แค่คิดจะชอบมึงยังบอกเดี๋ยวเจอตีน แต่ไอ้เด็กนั่นที่ชื่อเสียดังกระฉ่อน ทำไมมึงถึงไม่ห้ามมันบ้างล่ะ” “แล้วกูจะห้ามมันทำไม” ไอ้น็อตเลิกคิ้วถามราวกับว่าเรื่องที่ไอ้หยาพูดไร้สาระ “มึงไม่ห่วงน้องบ้างเหรอว่ะ ไอ้เด็กนั่นไม่ธรรมดาเลยนะเว้ย” คราวนี้ไอ้หยาจริงจังขึ้น “ห่วง แต่เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” “มึงไม่กลัวว่ามันจะทำน้องเสียใจบ้างเลยเหรอ” ผมถามขึ้นเมื่อทนไม่ไหวที่เห็นคนหวงน้องยังทำเฉย ตอนที่น้องมีข่าวกับผมมันยังรีบแจ้นมาหาถึงคณะ บอกสีหน้าจริงจัง ‘อย่าเข้าใกล้น้องกูอีก’ แต่กับไอ้เด็กนี่มันกลับไม่ทำห่าอะไรเลย สองมาตรฐานมาก “แล้วมึงเกี่ยวอะไร” ไอ้น็อตตวัดตามองผมด้วยสีหน้าเหวี่ยง ๆ อะไรอีกล่ะ มองกูแบบนี้ทำไมอีก “ก็แค่อยากรู้” ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าทำไมมันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้านั่นเป็นน้องผม ผมคงไม่ปล่อยให้เข้าไปยุ่งกับคนประเภทนั้น “ไม่ต้องอยากรู้” บอกผมแบบนั้นก่อนที่จะยืดตัวลุกจากเก้าอี้ “แล้วก็ไม่ต้องไปหาน้องกูที่คณะอีก” มองผมด้วยสีหน้าข่มขู่สุดฤทธิ์แล้วมันก็เดินไป ไอ้ห่าน็อตมันกวนตีน กีดกันจนกูอยากสอยน้องให้ร่วงเหมือนมะม่วงเลยไอ้สัส หมั่นไส้! End part. “เมื่อกี้คนที่มีข่าวกับแกหนิ” ปั้นพูดขึ้นหลังเราขึ้นมาอยู่บนรถ สายตายังมองตามหลังกลุ่มของพี่ฟิลด์ กระทั่งพี่เขาเดินเข้าไปจนมองไม่เห็นแล้วนั่นแหละ มันถึงได้ขับรถออกมาจากสนาม “อือ” ครางอือเป็นคำตอบ “มันมายุ่งกับแกอีกไหม” คนถามไม่ได้มองกัน ยังมองตรงไปยังท้องถนนข้างหน้า ถึงแม้จะติดใจนิด ๆ ที่ปั้นเรียกพี่ฟิลด์ว่า ‘ไอ้’ แต่ฉันก็ส่ายหน้า “ไม่นะ ฉันจะมีอะไรให้เขายุ่ง” ฉันกับพี่ฟิลด์แทบไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่เราสองคนจะต้องข้องเกี่ยวกัน ถ้าไม่ใช่เรื่องข่าว ฉันว่าตัวเองกับพี่เขาคงไม่ต่างจากเส้นขนานที่ไม่มีวันโคจรบรรจบกัน เพราะตั้งแต่พี่เขามาขอโทษที่คณะเมื่อหลายวันก่อน ฉันก็พึ่งเจอเขาอีกในวันนี้ “ใครจะไปรู้” “แกไม่ลงรอยกับพี่ฟิลด์?” ฉันอดไม่ได้ที่จะสอดรู้ ก็ท่าทางของปั้นดูแล้วเหมือนคนมีอคติ เมื่อกี้ที่เดินสวนกัน ฉันจับสังเกตได้ว่ามันมองพี่ฟิลด์แบบแปลก ๆ “ก็ไม่เชิง” ปั้นไหวไหล่ “ที่จริง มันเคยเป็นเพื่อนสนิทของเฮียอี้” เฮียอี้ที่ปั้นพูดถึงคือพี่ชายแท้ ๆ ของอ้าย คนที่เข้ามาทักฉันก่อนลงแข่ง แล้วเฮียอี้ก็ยังเป็นพี่รหัสของปั้นด้วย “เฮียอี้มีแฟนที่คบกันตั้งแต่มอสี่ แต่โดนไอ้ฟิลด์มันแย่งไป” ปั้นเล่าว่าพี่ฟิลด์กับพี่อี้เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนประถม เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทที่แค่มองตาก็รู้ใจ พี่อี้ไว้ใจพี่ฟิลด์มาก ขนาดที่ยอมให้แฟนตัวเองไปไหนมาไหนกับเพื่อนสนิทโดยไม่คิดมาก กระทั่งขึ้นมอหกในเทอมสอง พี่อี้เริ่มรู้สึกว่าแฟนสาวกับเพื่อนสนิทดูแปลกไป เหมือนสองคนกำลังมีความลับ แถมยังชอบแอบสบตากันอยู่บ่อย ๆ แม้ในเวลาที่มีพี่อี้อยู่ด้วยก็ตามที ความระแวงทำให้พี่อี้แอบตามดูคนทั้งคู่ แล้วก็ทำให้รู้ว่าพวกเขานัดเจอกันสองต่อสองโดยที่พี่อี้ไม่รู้อยู่บ่อยครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นพี่อี้ก็ยังพยายามคิดในแง่ดี ไม่ปักใจว่าทั้งคู่จะหักหลัง จนในที่สุดความไว้เนื้อเชื่อใจทั้งหมดได้พังลง พร้อมกับภาพคนรักและเพื่อนรักยืนจูบกันอยู่หน้าบ้านของตัวเอง “หลังจากนั้นเป็นไงต่อ” “เฮียอี้ก็เลิกกับแฟน แล้วก็ตัดขาดกับไอ้ฟิลด์” ทั้งที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปี สุดท้ายผิดใจกันเรื่องผู้หญิง “แต่สองคนนั้นก็ไปกันไม่รอดนะ เลิกกันหลังคบได้ไม่กี่วัน” ฉันพยักหน้ารับรู้โดยไม่ได้ถามอะไรต่อ “เฮียอี้มันเห็นว่าแกเป็นเพื่อนสนิทฉัน มันเลยอยากให้ฉันมาเตือนแก ฉันเองก็ไม่อยากเห็นแกไปพัวพันกับคนที่เคยหักหลังกระทั่งเพื่อนสนิทของตัวเอง” ปั้นบอกกันอย่างจริงจัง มันหันหน้ามาสบตาฉันหลังจากที่รถจอดติดไฟแดง “ฉันอยากให้รอบตัวแกมีแต่คนดี ๆ นะหนูนิว” “จ้า รู้แล้ว” “รู้ก็ดี แค่หล่อไม่ได้การัณตีความดีหรอก” “หมายถึงตัวเองเหรอ” ฉันเอียงคอถามแล้วจิ้มลงไปยังหัวไหล่แน่น ๆ ของคนขับ เพื่อนสนิทมองฉันแล้วยกยิ้มตรงมุมปาก “แบบนี้เขาเรียกทั้งหล่อทั้งดีจ๊ะ แม่สาวน้อย” ฉันโก่งคออ้วกอากาศออกมาแทบไม่ทัน เห็นอย่างนั้นปั้นก็หัวเราะพออกพอใจ หลังรับเหมือนฝันกับบอสขึ้นรถมา บรรยากาศที่เคยเครียดก่อนหน้าก็ไม่เหลือ เหลือแค่เสียงคุยแปดหลอด แล้วก็เสียงด่าทอของคู่กัดประจำกลุ่มอย่างบอสกับปั้น ทำให้เรื่องของพี่ฟิลด์ปลิดปลิวออกจากหัวฉันไปจนหมด “เย็นนี้ออกตี้ไหม” คนที่กำลังเคี้ยวปลาหมึกตุ้ย ๆ เอ่ยถามกัน หลังจากที่ซื้อของจนล้นมือ เราก็มานั่งกินในจุดที่ตลาดจัดไว้ให้ “พักร่างบ้างเหอะ” “พักอะไร ผ่านมาตั้ง...” บอสทำท่านึกแล้วยกนิ้วขึ้นมานับ “สามวันแล้วเหอะ ไหน ๆ ก็อยู่ครบ ไปออกรบกัน” ออกรบที่ว่าคือชื่อร้านนั่งชิวที่เรามักไปดื่มกันบ่อย ๆ คนไม่เยอะ บรรยากาศดี กับแกล้มเด็ด “เอาดิ พวกเฮียอี้ก็พึ่งชวน” ปั้นโชว์หน้าจอกลุ่มให้เราสามคนดู “ฝันว่าไง อยากไปไหม” ฉันหันไปถามฝัน หลังนางเอาแต่นั่งฟังไม่ออกความคิดเห็น “เพื่อนไปฝันก็ไป คิดไว้แล้วด้วยว่าคืนนี้จะใส่ชุดไหน” “สุดยอดค่ะชะนีฝัน” ไอ้บอสกับเหมือนฝันแท็กมือกันอย่างถูกคอ สุดท้ายฉันที่อยากนอนเปื่อยอยู่ห้องก็ต้องออกท่องราตรี ด้วยความที่มิตรสหายทั้งหลายอยากออกรบ นินิวจึงต้องเข้าเมืองตาหลิ่วแล้วก็หลิ่วตาตาม “งั้นสองทุ่มครึ่งจะมารับ เริ่มที่นิว บอส แล้วก็ฝัน” ปั้นชี้มือมาที่เราทีละคน ว่าจะมารับตามลำดับที่พักที่ปั้นอยู่ใกล้สุด ซึ่งแน่นอนว่าฉันเป็นคนแรก แล้วค่อยเป็นบอสที่อยู่ซอยถัดไป ส่วนฝันเป็นคนสุดท้าย เพราะว่าหอพักอยู่ก่อนถึงออกรบแค่ไม่ไกล “โอเค” หลังตกลงกันเรียบร้อยว่าจะไปรถปั้นแค่คันเดียว พวกเราก็รีบกินแล้วรีบกลับ เพราะเหมือนฝันกับบอสต้องการเวลาในการแต่งตัว ถ้าหน้าไม่เต็ม ผมไม่เป๊ะ ชุดไม่เปี๊ยะ สองคนนี้จะไม่ยอมออกจากห้อง “ไปออกรบ?” เฮียน็อตถามขึ้นหลังเห็นฉันเดินออกจากห้องด้วยเสื้อครอปแบบสายเดี่ยวสีดำ แล้วก็กางเกงสกินนี่เข้ารูปสีเดียวกัน “อือฮึ เดี๋ยวปั้นมารับค่ะ มีเหมือนฝันแล้วก็บอส” ฉันรายงานโดยไม่ต้องให้พี่ชายเป็นฝ่ายถาม พอรู้ว่าฉันไปกับใครบ้างคนหล่อก็พยักหน้า “ระวังตัว อย่ากลับดึก มีอะไรโทรหาเฮีย” “รับทราบค่ะ ไหนมาหอม” ฉันเดินเข้าไปหาพี่ชายแล้วยืดตัวหอมแก้มทั้งซ้ายขวา ให้รางวัลที่อนุญาตให้ฉันออกไปเที่ยว แต่ความจริงเฮียน็อตก็ไม่ค่อยห้ามฉันนักหรอก มีแค่ช่วงปีหนึ่งเท่านั้นที่เฮียค่อนข้างดุ พอรู้ว่าฉันไปแล้วไม่เมาเละ ไม่เหลวไหล ดูแลตัวเองได้ เฮียก็เริ่มปล่อย ถึงอย่างนั้นก็จะถามทุกครั้งว่าไปกับใครแล้วก็ไปที่ไหน เผื่อว่าเกิดอะไรขึ้นจะได้ตามไปถูก “เอาเสื้อไปคลุมด้วย” เฮียน็อตเอาแจ็กเกตตัวเองยื่นให้ฉัน ฉันเองก็มีหน้าที่รับไว้ห้ามปฏิเสธ “งั้นนิวไปแล้วนะคะ ไอ้ปั้นรอ” “อือ” ร่ำลาเสร็จก็รีบจ้ำออกจากห้อง กลัวว่าคนที่รออยู่ข้างล่างจะกินหัว “รากกำลังงอก” ขึ้นรถได้ก็โดนค่อนขอดเบา ๆ ไปหนึ่งกรุบ ฉันไม่ได้ใส่ใจแล้วคาดเบล พอเห็นว่าทุกอย่างโอเคปั้นก็ออกรถมุ่งหน้าพาไปเมา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD