“แต่ละคน ไปร้านนั่งชิวนะเว้ย ไม่ได้ไปเข้าผับ” ปั้นถึงกับสายหน้าเมื่อเห็นการแต่งตัวของบอสกับฝัน
รายแรกแต่งตัวปานคุณชายเสด็จออกจากวัง เซ็ตผมจนเงาวับ เสื้อล็อคใน กางเกงสแล็ค ร้องเท้าคัทชู
ส่วนรายสองเหมือนนางร้ายละครหลังข่าว แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยชุดเดรสรัดรูปสีแดงสดโชว์เรียวขา แล้วก็รองเท้าส้นเข็มสีแดงสามนิ้ว หน้าปากจัดเต็มไม่ต้องสืบ ผมก็ปล่อยสยายดัดลอนเต็มแผ่นหลัง
“ไปที่ไหนไม่สำคัญ สำคัญแค่ว่าเราสวยเท่านั้นจบ” เป็นอีกครั้งที่ไอ้บอสกับเหมือนฝันแท็กมือกันอย่างพร้อมใจ ฉันกับปั้นที่นั่งหน้าเหลือบมองกัน เราสองคนกรอกตามองบน พร้อมกับเสียงถอนหายใจอย่างปลงตก
พอถึงร้าน แน่นอนว่าแค่ก้าวขาเข้าไปโซนนั่งดื่ม เพื่อนชายใจหญิงและเพื่อนหญิงใจหญิงของฉันก็ได้รับความสนใจในทันที
“กูไม่น่ามากับพวกแม่ง” ปั้นยกมือปิดหน้า สาวเท้าไปยังโต๊ะที่จองไว้ ฉันเองก็รีบเดินตามแบบติด ๆ ด้วยไม่อยากตกเป็นเป้าสายตามากไปกว่านี้ ปล่อยให้คนมั่นใจในตัวเองสองคนเดินทอดน่องควงกันอยู่นั่นแหละ
“ไม่คิดว่ามันสองคนจะหนักขนาดนี้” ปั้นยังคงหัวเสียกับการแต่งตัวของสองเพื่อนซี้ มันมองไอ้บอสกับไอ้ฝันที่เดินทักทายโต๊ะนั้นทีโต๊ะนี้ทีแล้วเบ้หน้า “คราวหน้าอย่าได้หวังว่าจะได้มากับกูอีก” เหล้าเต็มแก้วถูกยกดื่มรวดเดียวหมดเพราะขัดตาเพื่อนสนิท
ฉันนั่งขำจนปวดท้อง สงสารไอ้ปั้นก็สงสาร แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อไอ้บอสกับไอ้ฝันก็มั่นใจในการแต่งตัวของตัวเอง ไอ้เราจะไปบั่นทอนก็ไม่ได้อีก
“เอาน่า เดี๋ยวก็ชิน” ฉันรินเหล้าเอาใจคนหน้ามุ้ย
“เรียนจบก็ไม่ชินค่ะ” ปั้นประชดกันด้วยการพูดค่ะขา ฉันจึงยกเหล้าขึ้นชนแก้ว เป็นจังหวะที่นักดนตรีขึ้นแสดงความสนใจก็เลยมุ่งไปยังจุดนั้น
“แกไม่มาร้องเพลงอย่างนี้บ้างอ่ะปั้น” ฉันเพยิดหน้าไปยังหน้าเวที ปั้นเป็นคนร้องเพลงเพราะ แถมเล่นกีต้าร์ค่อนข้างเก่ง ฉันว่าถ้ามันเอาดีด้านดนตรี ก็มีแววว่าจะรุ่ง
“ขี้เกียจ” แต่ก็นั่นแหละ มันขี้เกียจ “แค่อยู่เฉย ๆ ก็สับรางไม่ทันละ ถ้ามาร้องเพลงเล่นกีต้าร์อีก คงไม่ไหว”
“จ้า พ่อคนฮอต” หมั่นไส้ความมั่นหน้าจริง ๆ แต่ก็ว่าไม่ได้หรอก เพราะสิ่งที่เจ้าตัวพูดคือเรื่องจริง
“ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ฉันกระซิบบอกปั้น เพราะเราอยู่กันแค่สองคน
“เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน”
“ไม่เป็นไร ถ้าแกไปใครจะเฝ้าโต๊ะ” ฉันชี้ไปยังกระเป๋าของสองสหายที่ไม่มีวี่แววจะกลับมา
“เออ ๆ รีบไปรีบมา”
ฉันพยักหน้าแล้วเบียดตัวเดินออกมา ถึงจะเป็นร้านนั่งชิว แต่คนเยอะเอาเรื่องอยู่ อาจจะเพราะตั้งอยู่ระหว่างสองมหา’ ลัย นักศึกษาก็เลยมากันหนาตา อีกอย่างวันนี้เป็นวันเสาร์ เลยคึกคักเป็นพิเศษ
“น้องคนสวย มาคนเดียวเหรอ สนใจไปนั่งโต๊ะกับพี่ป่าว” คนเมาวิ่งดักหน้า ในจังหวะที่ฉันกำลังจะเดินกลับเข้าข้างใน ด้วยความที่ห้องน้ำในร้านคนเยอะมาก ฉันที่รอไม่ไหวจึงเดินออกมาหลังร้านเพื่อเข้าห้องน้ำที่อยู่ด้านนอก ทำให้ต้องเจอคนไม่มีสติมาวอแว
“ขอบคุณที่ชวนนะคะ แต่นิวมากับเพื่อน” ปฏิเสธอย่างสุภาพแม้อีกฝ่ายจะมีท่าทีเชิงคุกคาม ฉันก้าวถอยหลังในขณะคนเมาก้าวตามมา
“ชื่อนิวเหรอ น่ารักจัง”
“ถอยออกไปนะ ไม่อย่างนั้นจะตะโกนให้คนช่วย” ฉันขู่ไปเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมหยุดเดินเข้าหา
“ตะโกนเลยค่ะ ถ้าคิดว่าจะมีคนมาช่วย” สายตาน่ารังเกียจจับจ้องริมฝีปาก ลากต่ำลงมายังหน้าอก ฉันยกแขนกอดตัวเอง พยายามมองหาลู่ทาง ว่าจะวิ่งไปจุดไหน ถึงจะสามารถขอความช่วยเหลือได้
ไอ้ผู้ชายคนนั้นยังสาวเท้าเข้าหาไม่ยอมหยุด ฉันเองก็ถอยหลังไปเรื่อย ๆ แถวนี้ไม่ค่อยมีคนซะด้วยสิ เอาไงดีละนินิว จะมาโดนฉุดเพราะปวดเบาไม่ได้นะ
“อ๊ะ!” ฉันสะดุ้งจนสุดตัวเมื่อแผ่นหลังปะทะเข้ากับอกแข็งของบางคน คิดว่าคงจะเป็นพวกเดียวกันกับคนที่กำลังเดินเข้ามา เลยพยายามดิ้นให้หลุดจากวงแขนที่คล้องเกี่ยวอยู่กับเอว
“พี่เองครับ” ฉันหยุดดิ้นแล้วเงยหน้าขึ้นไปมอง เป็นพี่ฟิลด์ ที่กำลังกอดฉันแนบตัวอยู่ตอนนี้
“มึงเป็นใคร มายุ่งอะไรกับเมียกู” เสียงอ้อแอ้ทำให้ฉันละสายตาจากใบหน้าอันหล่อเหลา พี่ฟิลด์ดึงฉันมาหลบอยู่ด้านหลัง ในขณะที่พี่เขาก้าวไปเผชิญหน้า
“ดูสารรูปตัวเองด้วย ผู้หญิงที่ไหนเขาจะเอามาทำผัว” ถึงกับมองแผ่นหลังกว้างด้วยความอึ้ง คิดไม่ถึงว่าคนที่ลงท้ายด้วยครับแทบทุกครั้งที่คุยกันจะปากจัดขนาดนี้
“ไอ้เหี้ย มึงเป็นใคร กล้าดียังไงมาด่ากู” คนเมาพุ่งตัวเข้าหาหวังต่อยให้หายแค้น แต่ดันเป็นตัวเองที่เซล้มหน้าจูบดิน เพราะพี่ฟิลด์หลบทันโดยที่ยังจับมือฉันไม่ยอมปล่อย
“ให้โอกาสเดินออกจากร้านห้านาที” พี่ฟิลด์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยไม่มีแววข่มขู่ มองคนที่ตะเกียดตะกายลุกด้วยสายตาเวทนา
“กูไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าจะเอาเลือดปากมึงล้างตีน!”
“ถือว่าเตือนแล้ว” พี่ฟิลด์แค่นหัวเราะ เขาปล่อยมือฉันแล้วเอี้ยวหน้าหันมาบอก “รอพี่ตรงนี้แป๊บหนึ่งนะ”
“พี่ฟิลด์คะพอเถอะค่ะ นิวว่าเรียกการ์ดมาจัดการดีกว่า”
“ไม่ต้องห่วงครับ พี่ไม่เจ็บตัวง่าย ๆ หรอก” คนพูดยิ้มให้ วางมือใหญ่ลงบนหัวแล้วหมุนตัวหันกลับหลัง
พี่ฟิลด์เดินเข้าไปหาผู้ชายคนนั้นด้วยท่าทีสบาย ๆ ต่างจากอีกฝ่ายที่พุ่งตรงเข้าใส่แบบไม่คิดชีวิต
“ไอ้สัส แน่จริงมึงอย่าหลบ!” มือชี้หน้าพี่ฟิลด์อย่างโกรธจัด เมื่อทำยังไงก็ไม่สามารถแตะตัวพี่ฟิลด์ได้
“เก่งจริงมึงก็แตะตัวกูให้ได้สิ ถ้าทำได้แถมเงินให้หมื่นหนึ่ง” พี่ฟิลด์ยิ้มร่าเหมือนกำลังสนุกที่กวนโอ้ยคนเมาได้ พี่เขาหลบซ้ายทีขวาที บางครั้งก็ยกเท้าถีบก้นคู่ต่อสู้ จนอีกฝ่ายล้มแล้วก็ล้มอีก
“ไอ้ฟิลด์ มึงเล่นไร?” ผู้ชายหน้าเข้มเดินออกมาจากโซนครัว เขาเลิกคิ้วมองคนที่นอนกลิ้งอยู่กับพื้น แล้วหันหน้ามองพี่ฟิลด์รอคำตอบ
“ลูกค้าเฮียจะลวนลามรุ่นน้องผม” พอได้ยินอย่างนั้นพี่เขาก็มีสีหน้าตกใจ ขายาว ๆ รีบก้าวเข้ามาสำรวจตามตัวฉัน
“น้องเป็นอะไรมากไหม เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“นิวไม่เป็นอะไรค่ะ พอดีพี่ฟิลด์มาช่วยทัน” ฉันมองพี่ฟิลด์หลังตอบคำถามเสร็จ พี่ฟิลด์คงรู้ว่าฉันสงสัย เลยพูดไม่มีเสียงว่า ‘เจ้าของร้าน’
“โล่งอกไปที พี่ขอโทษด้วยนะที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ปกติจะมีการ์ดเดินยามอยู่ตลอด แต่พอดีมีของลง พี่ก็เลยเรียกให้ไปช่วย”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ นิวเข้าใจ” ฉันเข้าใจจริง ๆ ว่าไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อีกอย่างฉันก็ไม่ระวังเอง ที่มาเข้าห้องน้ำข้างนอกโดยที่ไม่มีเพื่อนตามมาด้วย
“วันนี้พี่เลี้ยงก็แล้วกัน ถือว่าเป็นการปลอบใจนะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ นิวมากันหลายคน” ฉันโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน เพราะไม่อยากให้พี่เขาเสียเงินโดยใช่เหตุ ฉันรู้ว่าการทำธุรกิจ ทุกสิ่งอย่างคือต้นทุน ไม่ว่าจะเป็นเหล้าเบียร์เสียเงินซื้อแล้วยังต้องเสียภาษี กับข้าวก็มีค่าวัตถุดิบ คนงานก็ย่อมมีค่าจ้าง แล้วไหนจะค่าใช้จ่ายแฝงอีกนับไม่ถ้วน ดังนั้นฉันไม่อยากให้พี่เขาเอาเงินที่กว่าจะหาได้มาละลายกับเรื่องที่ฉันเป็นต้นเหตุ
“ไม่ต้องเกรงใจ น้องไอ้ฟิลด์ก็เหมือนน้องพี่” ฉันมองพี่ฟิลด์อีกครั้งอย่างขอความช่วยเหลือ แต่พี่เขากลับ…
“เลี้ยงผมด้วยนะ วันนี้ไม่ได้พกเงินมา”
ไหนเมื่อกี้ใครบอกคนเมาว่าถ้าแตะตัวได้ให้เป็นหมื่น พอมาตอนนี้กลับบอกไม่มีเงิน