และจังหวะที่เข้าไปใกล้นั้น เอริณก็ขว้างแก้วไวน์ออกมากระแทกโดนหน้าผากของมารดาเข้าอย่างจังจนแก้วไวน์แตกบาดหน้าผากเลือดอาบทันที
“โอ๊ยยย...”
ผู้เป็นมารดาร้องครางด้วยความเจ็บปวด ยกมือกุมหน้าผากกดห้ามเลือดพร้อมกับทรุดตัวนั่งลงบนพื้นหญ้า
“อร...” ปวินทร์รีบเข้าไปประคองร่างของภรรยา ซึ่งร้องครวญด้วยความเจ็บปวด “อร...เป็นยังไงบ้าง มีเลือดไหลออกมาด้วย ขอผมดูแผลหน่อย”
“อร...อรไม่เป็นไรค่ะ คุณวินดูลูกก่อน เอริณเป็นยังไงบ้างคะ”
ขณะเอ่ยบอกสามี อรสุดาก็พยายามจะลุกขึ้นยืนกวาดสายตามองหาลูกหัวแก้วหัวแหวนด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ต้องห่วงเอริณ ลูกไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่จะพาอรไปหาหมอก่อน เลือดไหลไม่หยุดเลย” ผู้เป็นสามีเอ่ยบอกเสียงเป็นกังวล แล้วประคองร่างบางของภรรยาให้ลุกขึ้นยืน
แทนที่จะทำตามคำบอกของสามี อรสุดากลับส่ายหน้าปฏิเสธ เป็นห่วงลูกสาวมากกว่าอาการบาดเจ็บของตนเอง
“อรอยากไปดูลูกก่อนค่ะ”
“ไปหาหมอก่อน...อร”
ปวินทร์ไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น พอประคองภรรยาให้ลุกขึ้นยืนได้แล้วก็ตะโกนเรียกคนรับใช้ด้วย
“ป้ากาญ...ป้ากาญอยู่ไหน”
ไม่ต้องรอนาน ป้ากาญซึ่งอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุและเฝ้าดูเอริณอาละวาดอยู่ห่างๆ พอถูกเจ้านายเรียกก็รีบวิ่งมาหาในทันที
“ค่ะ คุณท่าน ป้ามาแล้วค่ะ”
ปวินทร์หันไปมองแม่บ้าน แล้วเอ่ยสั่งรัวเร็ว “บอกคนขับรถให้เอารถออก แล้วตามนลินมาด้วย ให้ไปโรงพยาบาลกับคุณอร”
“ค่ะๆ คุณท่าน”
ป้ากาญรีบทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว และขณะวิ่งไปตามนลินดาก็อดบ่นอุบอยู่คนเดียวไม่ได้
“เฮ้อ...ลูกที่ขอมาเลี้ยง นิสัยดีแสนดี แต่ไม่รักไม่สนใจ ส่วนลูกของตัวเองกำลังเข้าข่ายลูกทรพีทำร้ายพ่อแม่ กลับรักลูกจนไม่ลืมหูลืมตา”
ในขณะเอริณอาละวาดด่าผู้หลักผู้ใหญ่แทบทุกรายจนงานเลี้ยงต้องเลิกรา ซึ่งมีสาเหตุมาจากอารมณ์เสียและโกรธเพราะหนุ่มคนรักไม่มาร่วมงานเลี้ยง
แต่ทว่า...จริงๆ แล้วชายหนุ่มที่เอริณหมายปองและบอกกับทุกคนว่าจะมีการประกาศงานหมั้นในคืนนี้ ได้เดินทางมาถึงงานเลี้ยงเกือบสามสิบนาทีแล้ว แต่ไม่ได้มาทักทายเจ้าของงาน เพราะเขาเดินไปด้านหลังบ้านตรงไปยังห้องครัวด้วยต้องการกาแฟดำสักแก้วเพื่อดื่มแก้อาการเมาค้าง
“ปวดหัวชะมัด รู้ยังงี้ไม่ลุกมาจากเตียงนอนก็ดี”
รามิล เจ้าของร่างใหญ่ใบหน้าหล่อเหลาบาดใจสาวๆ ทั่วทั้งประเทศบ่นอยู่คนเดียว ขณะเดินลัดเลาะไปด้านหลังคฤหาสน์หลังใหญ่ เขาอยากได้กาแฟร้อนสักแก้วให้คาเฟอีนช่วยไล่แอลกอฮอล์ออกจากร่างกายก่อนจะไปร่วมงานเลี้ยง ซึ่งตอนอยู่ในประเทศอังกฤษ เอริณลงทุนมาส่งการ์ดเชิญให้เขาถึงห้อง และแน่นอนว่าจบลงด้วยเรื่องบนเตียงด้วยความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย
“หวังว่าจะมีคนใช้อยู่ในห้องครัวสักคน”
บอกกับตัวเองไปแล้ว เจ้าของร่างใหญ่ก็โผล่หน้าไปตรงช่องประตูห้องครัว เห็นคนรับใช้ร่างบางผมยาวแลดูนุ่มสลวยยืนหันหลังให้ จึงเอ่ยเรียกว่า
“น้อง!”
“อุ้ย! โอ๊ยย...”
นลินดากำลังปอกผลไม้อยู่คนเดียวเงียบๆ พอถูกเรียกเสียงดังก็สะดุ้งตกใจ มีดปอกผลไม้คมกริบแฉลบบาดมือตัวเองในทันที
“น้องสาว เป็นอะไรครับ”
เพราะนลินดายืนหันหลังให้จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอได้ยินเสียงร้องครางเพราะความเจ็บ รามิลก็รีบเดินเข้าไปในห้องครัวก้าวไปประชิดร่างบาง เพื่อมองว่าอะไรคือต้นเหตุให้หญิงสาวร้องเพราะความเจ็บปวด
“มีดบาดมือหรือครับ”
น้ำเสียงที่เอ่ยถามเต็มไปด้วยความเป็นห่วงจนนลินดาจับความรู้สึกได้ หญิงสาวหันมามองหน้าอีกฝ่ายแล้วอึกอึกเอ่ยตอบออกมา
“เอ่อ...ค่ะ มีดบาดนิดหน่อยค่ะ”
“ขอผมดูแผลหน่อยสิ”
ไม่ได้บอกปากเปล่าเท่านั้น รามิลคว้ามือเล็กที่เจ้าตัวกุมไว้มาดูด้วย พอเห็นบาดแผลมีเลือดไหลซึม ก็ขบกรามนึกโกรธตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้หญิงสาวนัยน์ตาเศร้าคนนี้ต้องเลือดตกยางออก
“แผลไม่ลึกมาก แต่เลือดยังไหลอยู่ เดี๋ยวล้างทำความสะอาดแผลก่อนนะครับ”
นลินดาไม่มีโอกาสร้องห้าม เมื่อชายหนุ่มผู้หล่อเหลาดึงตัวเธอให้ขยับกายไปตรงอ่างล้างจานแล้วเปิดน้ำก๊อกล้างแผลให้ด้วย
“คุณมีพลาสเตอร์ไหมครับ ผมจะปิดแผลให้คุณ”
“ไม่มีค่ะ”
นลินดาปฏิเสธ ลอบมองบุรุษพยาบาลจำเป็น สังเกตเห็นได้ว่าชายผู้นี้เป็นลูกครึ่ง นอกจากร่างสูงใหญ่แล้วยังมีดวงตาสีฟ้าสวยงามชวนหลงใหล ซึ่งหญิงสาวยังไม่รู้ว่าเขาคือใคร และเข้ามาในห้องครัวทำไม
“ถ้าไม่มีไม่เป็นไรครับ เอาผ้าเช็ดหน้าของผมกดห้ามเลือดไว้ก่อนก็แล้วกัน”
ว่าแล้วรามิลก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกง พับเป็นรูปสามเหลี่ยมแล้วพันรอบนิ้วเล็กที่ถูกมีดบาดยังมีเลือดซึมอยู่
“เรียบร้อย...อย่าลืมหาพลาสเตอร์มาพันแผลนะครับ”
รามิลเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มกว้าง นึกชอบผลงานของตนเองที่พันแผลได้เรียบร้อยทั้งๆ เพิ่งทำเป็นครั้งแรก และแน่นอนว่าหญิงสาวคนนี้เป็นคนแรกที่เขาทำแผลให้
“ขอบคุณมากค่ะ”
นลินดายิ้มบางๆ ขณะเอ่ยขอบคุณ ก่อนหลุบสายตาลงมองนิ้วของตนเอง และนั่นทำให้ไม่มีโอกาสได้เห็นดวงตาของรามิล ซึ่งกำลังอยู่ในอาการนิ่งขึงเพราะถูกน็อกด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจจากเธอ
‘ให้ตายเถอะ เป็นรอยยิ้มที่พิฆาตหัวใจเราจริงๆ’
รามิลร้องครางอยู่ในใจ ทั้งชีวิตพบเจอผู้หญิงเซ็กซี่มาเป็นร้อย แต่ไม่เคยมีใครยิ้มได้บาดใจเขาเท่ากับผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าในยามนี้
ทางด้านของนลินดาพอหลุบสายตามองบาดแผลเห็นว่าไม่มีเลือดไหลซึมแล้ว ก็เอ่ยบอกพร้อมกับทำท่าจะแกะผ้าเช็ดหน้าออกจากนิ้วด้วย
“เลือดคงไม่ไหลแล้ว เดี๋ยวฉันคืนผ้าเช็ดหน้าให้คุณนะคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ พันไว้แบบนั้นนั่นแหละดีแล้ว” รามิลปฏิเสธพร้อมกับจับยึดมือเล็กไว้ไม่ให้หญิงสาวทำตามที่เอ่ยบอก
นลินดาบอกไม่ถูกว่าทำไมถึงรู้สึกอุ่นวาบไปถึงหัวใจ ในทุกคราที่ชายผู้นี้ได้กุมมือเล็กของเธอไว้ ด้วยสงสัยว่าเขาคือใครและมาทำอะไรในห้องครัว หญิงสาวจึงเอ่ยถามไปว่า
“เอ่อ...คุณเป็นใครคะ”
รามิลไม่ทันได้เอ่ยตอบ ไม่ทันได้แนะนำตัว ก็มีเสียงของป้ากาญตะโกนเรียกนลินดาเสียงดัง
“นลิน! คุณท่านให้พาคุณผู้หญิงไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”
นลินดาตกใจกับคำบอกของป้ากาญ หญิงสาวดึงมือมาจากมือใหญ่ที่กุมมือเธอไว้ รีบวิ่งไปหาป้ากาญแล้วเอ่ยถามอย่างร้อนรน
“คุณผู้หญิงเป็นอะไรคะ”
“ถูกคุณเอริณปาแก้วไวน์ใส่จนแก้วแตกบาดหน้าผากคุณผู้หญิง นลินรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”
“ค่ะๆ ป้า”
นลินดาวิ่งออกจากห้องครัวไปพร้อมๆ กับป้ากาญทิ้งให้รามิลมองตามไปจนลับสายตา
“ชื่อนลินยังงั้นหรือ นลินแปลว่าดอกบัว อืม...ชื่อนี้ช่างเหมาะกับเธอจริงๆ ผิวพรรณนุ่มนวลหอมละมุนเหมือนดอกบัวไม่มีผิด”
รามิลพึมพำพร้อมด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา แม้เสียดายอยู่บ้างที่ยังไม่ได้ทำความรู้จักกับหญิงสาวคนนี้
แต่ก็ไม่มีอะไรยากสำหรับเขา หากผู้ชายอย่าง ‘รามิล มิคาอิล’ ลูกชายคนเดียวของ
เดนิซอฟ มิคาอิล มาเฟียอันดับต้นๆ ในรัสเซียต้องการข้อมูลของใครสักคน สาบานได้ว่าไม่เกิน 24 ชั่วโมง เขาก็จะได้ประวัติของหญิงสาวมาอยู่ในมือทันที
และขณะเดินออกจากห้องครัวไปอีกคน รามิลก็อดหัวเราะด้วยความขบขำไม่ได้ เมื่อเอ่ยสัพยอกตัวเองว่า
“รามิล...นายจะบ้าไปแล้วหรือ นายกำลังชอบคนใช้ ทั้งๆ มีดารานางแบบให้นายฟันไม่เลือกหน้า”
ใช่! รามิลกำลังเป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาชอบหญิงสาวที่เพิ่งพบหน้าไม่ถึงสิบนาที ชอบ
รอยยิ้มพิฆาตใจของหญิงสาว จนนึกอยากสืบประวัติว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครมาจากไหน และเขายอมทุ่มเงินไม่อั้น เพื่อให้ได้หญิงสาวมาเล่นเกมรักกับเขาในอนาคต