bc

พิศวาสรักนางบำเรอจำยอม

book_age18+
765
FOLLOW
2.5K
READ
drama
like
intro-logo
Blurb

ชีวิตของ ‘นลินดา’ เหมือนนิยายเน่า เมื่อหญิงสาวถูกขอมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก ทว่าไม่ทันไรพ่อแม่บุญธรรมก็ให้กำเนิดลูกของตนเอง เธอจึงกลับกลายเป็นคนใช้คอยรองมือรองเท้า ‘เอริณ’ ลูกสาวตัวจริงของบ้าน

เมื่อ ‘รามิล’ ทายาทมาเฟียรัฐเซียมาให้ความสนใจนลินดา เอริณที่เป็นคู่นอนชั่วคราวของรามิล ก็ยิ่งเกลียดนิลินดาจนหาเรื่องไล่ออกจากบ้าน ทั้งที่เขาเป็นต้นเหตุแท้ๆ ทว่าชายหนุ่มกลับช่วยเหลือเธอด้วยการยื่นข้อเสนอนางบำเรอสวาทมาให้ราวกับเขารอเวลานี้อยู่แล้ว!

chap-preview
Free preview
บทนำ
บทนำ           ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่โตของเศรษฐีครอบหนึ่ง ซึ่งชีวิตพรั่งพร้อมทุกอย่าง มีเงินทองให้จับจ่ายใช้สอยอย่างไม่ขาดมือ แต่พวกเขากลับไม่มีความสุขกับการใช้ชีวิตคู่ที่ยังไม่สมบูรณ์ซะทีเดียว นั่นก็เป็นเพราะว่าทั้งสองยังไม่มีลูกน้อยเป็นบ่วงคล้องใจ ทั้งๆ แต่งงานมานานเกือบสิบปีแล้ว อรสุดาผู้เป็นภรรยาอยากมีลูกใจจะขาด หญิงสาวพยายามทำทุกวิธีทาง ทั้งทางธรรมชาติและทางวิทยาศาสตร์ ทว่าไม่มีลูกสักที และตอนนี้หญิงสาวก็กำลังนั่งน้ำตาซึม ขณะดูรายการทีวีแล้วมีโฆษณาครีมอาบน้ำเด็ก โฆษณาขั้นรายการ           “ลูกของดาราคนนี้น่ารักมากเลยนะคะ...คุณวิน”           ปวินทร์ละสายตาจากหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่านอยู่ เพื่อมองโฆษณาตามคำบอกของภรรยา พร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วย           “อืม...ครับ เด็กคนนี้น่ารักจริงๆ โตขึ้นคงสวยเหมือนแม่”           เอ่ยบอกภรรยาแล้ว ก็หลุบสายตาอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ โดยไม่ทันได้มองดวงตาของภรรยาซึ่งแดงก่ำมีน้ำตาคลอเบ้า สะอื้นออกมาเบาๆ ขณะเอ่ยตัดพ้อกับสามี           “ทำไมเราไม่มีบุญเหมือนคนอื่นๆ ทั้งปรึกษาหมอ ทั้งกิ๊ฟท์แต่ก็ไม่สำเร็จ...เราอยากมีลูกใจจะขาด เรามีเงินทองมากมายที่จะเลี้ยงลูกได้เป็นอย่างดี แต่ทำไม...ทำไม...ลูกไม่มาเกิดกับพวกเรา” อรสุดาสะอื้นร้องไห้จนตัวสั่นโยน พลันนั้นก็เหลือบสายตาเห็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ ซึ่งมีภาพและเนื้อหาข่าวเขียนถึงทารกที่ถูกทิ้งในกองขยะ ก็คว้าหนังสือพิมพ์มากำไว้แน่น น้ำตานองใบหน้า น้อยใจกับวาสนาของตัวเองที่ไม่มีโอกาสได้เป็นแม่คน           “เด็กแรกเกิดถูกทิ้งอยู่ในกองขยะ ถูกมดแมลงรุมกันปางตาย โธ่...ทำไมไม่มาเกิดกับเรา ทำไมต้องไปเกิดกับแม่ใจยักษ์ใจมารที่ทิ้งลูกได้ลงคอ”           “อร...หยุดร้องไห้เถอะครับ สักวันลูกต้องมาเกิดกับพวกเราแน่นอน” ปวินทร์โอบกอดปลอบประโลมให้ภรรยาหายเสียใจ ใช่ว่าจะมีแค่ภรรยาที่อยากมีลูก เขาเองก็อยากมีลูกมาก เขากับภรรยาสรรหาและทำทุกอย่างแล้วแต่ก็ยังไร้วี่แวว จนเขาเริ่มถอดใจ แทนที่จะหยุดร้องไห้ อรสุดากลับร้องไห้หนักกว่าเดิม “เราทำกิ๊ฟท์ไปหลายรอบแล้วนะคะ แต่ลูกก็ไม่มาเกิดกับเรา อรคงเป็นพวกบาปหนา ถึงไม่มีลูกเหมือนคนอื่นๆ” “อย่าโทษตัวเองสิครับ...เชื่อผมนะครับว่าสักวันเราต้องมีลูกด้วยกันแน่ๆ” ปวินทร์ได้แต่หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น และในนาทีนี้เขาทำได้แค่เพียงเอ่ยปลอบภรรยาให้หายจากอาการโศกเศร้า แต่ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัวสมอง จึงเอ่ยถามภรรยาว่า “อร...เคยได้ยินเรื่องลูกอิจฉาไหมครับ” “ลูกอิจฉายังงั้นหรือคะ” อรสุดายกมือเช็ดคราบน้ำตา เลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความงุนงงขณะเอ่ยถามต่อ “คุณวินหมายถึงอะไรคะ” “ผมเคยได้ยินคนเฒ่าคนแก่พูดว่า ใครมีลูกยาก ให้ไปขอเด็กมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม หลังจากนั้นไม่นานก็มีลูกของตัวเอง ลูกที่เกิดมาจึงเรียกว่าลูกอิจฉายังไงล่ะครับ” “เหมือนเป็นการแก้เคล็ดที่มีลูกยากใช่ไหมคะ” อรสุดาพึมพำแกมถามไปในตัว เริ่มคิดตามที่สามีเอ่ยบอก “ครับ ใช่แล้วครับ บางรายรอเป็นสิบๆ ปี ทำกิ๊ฟท์ไปไม่รู้กี่รอบ แต่ก็ไม่มีลูก แต่พอขอเด็กกำพร้ามาเลี้ยง ไม่ทันข้ามปีเมียก็ท้องแล้ว” คำบอกเล่าของสามีทำให้อรสุดามีความหวังขึ้นมาทันที “ถ้ายังงั้นเราลองทำเรื่องขอเด็กกำพร้ามาเลี้ยงดีไหมคะ เผื่อว่าอรจะท้อง มีลูกอิจฉาให้พวกเราจริงๆ” ปวินทร์พยักหน้ารับกับคำปรึกษาจากภรรยา “ผมก็คิดจะทำแบบนั้นนานแล้วแต่ไม่ได้บอกอรสักที” “ถ้ายังงั้นพรุ่งนี้เราไปติดต่อขอเด็กกำพร้ามาเลี้ยงเลยนะคะ อรใจร้อน อยากเป็นแม่คนแล้วค่ะ” “ได้ครับ พรุ่งนี้เราจะไปสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่เช้าเลยครับ แต่ถ้าเรารับเด็กกำพร้ามาเลี้ยงแล้วเราไม่มีลูกของตัวเองก็ไม่เป็นไร เราจะเลี้ยงดูเด็กคนนี้เป็นอย่างดี เสมือนเขาเป็นลูกของเราเอง” “ค่ะ เราจะเลี้ยงเด็กคนนี้ให้ดีที่สุดค่ะ” อรสุดาคลี่ยิ้มกว้างใบหน้าระบายไปด้วยความสุข เธอจะขออุปการะเด็กกำพร้ามาเป็นลูก หากเป็นเหมือนคนเฒ่าคนแก่พูดว่า เมื่อมีลูกบุญธรรมแล้วจะมีลูกอิจฉาเกิดตามมาก็ยิ่งเป็นการดี แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอจะเลี้ยงเด็กกำพร้าคนนี้ไม่ต่างจากลูกในไส้ของเธอเอง   สามสัปดาห์ต่อมา...หลังจากทำเอกสารเรื่องติดต่อขอรับเด็กกำพร้ามาเป็นบุตรบุญธรรม และผ่านการตรวจสอบจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเรียบร้อยแล้ว ในวันนี้เป็นวันที่ อรสุดาตื่นเต้นมากที่สุด หญิงสาวเตรียมตัวตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อไปรับเด็กกำพร้ามาเป็นลูก บุญธรรม “อรตื่นเต้นจังเลยค่ะ คุณวิน อีกไม่กี่นาทีเราก็จะได้เห็นเด็กที่รับมาเลี้ยงแล้ว” “ผมก็ตื่นเต้นไม่แพ้คุณ อยากรู้ด้วยว่าเด็กจะเข้ากับเราได้ไหม” ปวินทร์หันมาคลี่ยิ้มให้กับภรรยา ขณะขับรถเลี้ยวเข้าไปในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า “มือของอรเย็นไปหมดแล้วค่ะ” ไม่ได้เอ่ยบอกเพียงเท่านั้น อรสุดาเอื้อมมือไปจับต้นแขนของสามี เพื่อให้พิสูจน์ว่าเธอตื่นเต้นจนมือไม้เย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งก็ไม่ปาน “ผมคิดว่ามือของผมเย็นกว่านะครับ” ปวินทร์เอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะร่วน พอจอดรถในลานจอดรถได้แล้ว ก็เอื้อมมือไปวางบนพวงแก้มของภรรยา เอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มว่า “เห็นไหมครับว่าเย็นเฉียบ เพราะผมตื่นเต้นกว่าอรอีก” “ค่ะๆ เชื่อแล้วค่ะ” อรสุดาหัวเราะร่วน พอมองเห็นผู้อำนวยการสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ามายืนรอต้อนรับ ก็รีบลงจากรถในทันที “ไปเถอะค่ะ คุณสุมาลินมารอพวกเราแล้ว” “ครับผม” ปวินทร์กุมมือภรรยาให้เดินตรงไปหาผู้อำนวยการที่ชื่อสุมาลิน พร้อมกับยกมือไหว้ทักทายอีกฝ่ายพร้อมๆ กันกับภรรยา   “สวัสดีค่ะคุณสุมาลิน” “สวัสดีครับ” “สวัสดีค่ะ เชิญคุณทั้งสองเข้าไปในห้องทำงานของดิฉันเลยค่ะ เด็กรอคุณอรสุดาแล้วค่ะ” ผู้อำนวยการทักทาย พร้อมกับผายมือเชิญด้วย “ตื่นเต้นจังเลยค่ะ คุณวิน” อรสุดาหันมาเอ่ยบอกสามี ขณะกุมมือกันเดินเข้าไปในห้องของผู้อำนวยการ และทันทีที่เห็นเด็กหญิงวัยห้าขวบที่ตนเองได้ติดต่อขอไปเป็นลูกบุญธรรม ซึ่งนั่งก้มหน้านิ่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆ กับพี่เลี้ยง ก็ปรี่เข้าไปสวมกอดไว้แน่น “หนูน่ารักมากเลยลูก ไปอยู่กับคุณแม่นะคะ” อรสุดาเอ่ยพูดกับเด็กน้อย พลางหอมแก้มยุ้ยๆ ซ้ายขวาฟอดใหญ่ด้วยความรัก เด็กน้อยไม่ตอบ นอกจากเงยหน้าขึ้นมองผู้อำนวยการสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่ตนเองเรียกว่า ‘แม่ใหญ่’ ราวกับกำลังขอความเห็นจากท่าน   “นลิน ยกมือไหว้คุณแม่สิลูก” สุมาลินหรือแม่ใหญ่เอ่ยบอก และเด็กน้อยก็รีบทำตามอย่างรวดเร็ว “สวัสดีค่ะ คุณแม่” ปากน้อยๆ กล่าวสวัสดีเสียงใสพร้อมกับยกมือไหว้ด้วยกริยาอ่อนช้อยเพราะถูกแม่ใหญ่และพี่เลี้ยงสอนมาดี “น่ารัก น่าเอ็นดูที่สุดเลยลูก” อรสุดายิ้มกว้างหอมแก้มลูกบุญธรรมอีกหลายฟอด ก่อนจะหันไปเอ่ยถามความเห็นจากผู้อำนวยการ “ให้เด็กใช้ชื่อเดิมที่เอ่อ...แม่ของเธอตั้งให้ตั้งแต่แรกเกิดใช่ไหมคะ”           สุมาลินพยักหน้ารับคำต้องการให้เป็นเช่นนั้น ท่านไม่อยากให้ผู้อุปการะเปลี่ยนชื่อเด็ก เผื่อว่าสักวันพ่อแม่ที่แท้จริงกลับมาตามหาลูก ก็จะได้ตามพบได้ง่ายๆ จากชื่อเดิมที่พวกเขาได้ตั้งไว้   “ใช่ค่ะ เด็กถูกทิ้งไว้พร้อมกับระบุชื่อว่านลินดา ดิฉันเรียกสั้นๆ ว่านลิน คุณอรสุดาใช้ชื่อนี้ได้เลยค่ะ”           “แม่ของเด็กช่างรู้จักตั้งชื่อนะคะ ความหมายดีซะด้วย เพราะนลินแปลว่าดอกบัว” อรสุดาทอดสายตามองเด็กน้อย ถูกชะตากับเด็กคนนี้เป็นอย่างมาก           “ใช่แล้วค่ะ นลินแปลว่าดอกบัว...มีคำโบราณบอกว่าดอกบัวเป็นดอกไม้ที่อยู่ใต้น้ำ แต่สุดท้ายก็โผล่พ้นอยู่เหนือผืนน้ำ กลายเป็นดอกไม้ที่บอบบางและบริสุทธิ์ยิ่งนัก” สุมาลินทรุดตัวลงนั่งยองๆ อยู่ด้านหน้านลินดา สองมือที่เคยอุ้มชูเด็กน้อยมาหลายปีเอื้อมไปประคองใบหน้าแดงปลั่งไว้ แล้วเอ่ยสั่งสอนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะให้นลินดาไปอยู่กับพ่อแม่บุญธรรม           “นลิน จำคำพูดของแม่ใหญ่ไว้นะลูก จงเป็นเด็กดี ทำตัวให้เหมือนดั่งดอกบัว ซึ่งสักวันก็จะเผยความงดงามอยู่เหนือผืนน้ำ ที่ผ่านมาหนูถูกพ่อแม่แท้ๆ ทิ้งไป แต่หนูก็ยังโชคดีมีคุณแม่อรสุดาและคุณพ่อปวินทร์รับไปเลี้ยงดู จงรู้จักทดแทนคุณ และทำตัวเป็นลูกที่ดีของท่านทั้งสองนะคะ”           “ค่ะ แม่ใหญ่ นลินจะจำคำพูดของแม่ใหญ่ไว้ค่ะ” นลินดารับคำเสียงแผ่วเบา ตาแดงๆ เหมือนกำลังจะร้องไห้เมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีก็ต้องจากแม่ใหญ่ไปแล้ว           และก็ถูกแม่ใหญ่ห้ามในทันที “อย่าร้องนะนลิน แม่ใหญ่สอนให้ลูกของแม่ทุกคนต้องเข้มแข็ง อย่าร้องไห้ให้กับอุปสรรคหรือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ”           “ค่ะ แม่ใหญ่ นลินจะไม่ร้องไห้ค่ะ” แม้อยากร้องไห้มากเพียงใด แต่นลินดาก็เชื่อฟังคำพูดของแม่ใหญ่และพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้สุดกำลัง           “ไปกับคุณแม่อรสุดาได้แล้ว แม่ใหญ่ขอให้หนูโชคดีในชีวิต” ว่าแล้วแม่ใหญ่ก็ยกร่างของเด็กน้อยให้ลงจากเก้าอี้ จับมือเล็กไปส่งให้กับอรสุดาและปวินทร์ที่ยืนรออยู่           “ฝากดูแลลูกของดิฉันด้วยนะคะ” สุมาลินเอ่ยฝากฝังเป็นครั้งสุดท้าย           “ค่ะ เราจะดูแลนลินดาให้ดีที่สุดเหมือนเป็นลูกของเราเองเลยค่ะ” อรสุดารับคำ พลางก้มลงอุ้มนลินดามาไว้ในอ้อมแขน           “ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมกับภรรยาจะดูแลนลินต่อจากคุณสุมาลิน เราจะให้การศึกษาแก่นลินโดยไม่ขาดตกบกพร่องครับ” ปวินทร์ให้คำมั่นสัญญาอีกคน พลางเอื้อมมือรับกระเป๋าเสื้อผ้าซึ่งมีแค่ไม่กี่ตัวของนลินดามาจากสุมาลิน ก่อนจะกล่าวคำลา           “เรากลับก่อนนะครับ”           “ค่ะ ดิฉันจะไปส่งที่รถค่ะ” สุมาลินเดินตามไปยังรถยนต์ รู้สึกใจหายอยู่บ้างเมื่อเด็กน้อยที่ตนเองเลี้ยงมาตั้งแบเบาะกำลังจะจากไปอยู่กับคนอื่น และก่อนปวินทร์จะปิดประตูรถยนต์ ก็ไม่ลืมก้มหน้าไปอวยพรให้กับนลินดาอีกครั้ง “ขอให้โชคดีเป็นที่รักของพ่อและแม่นะนลิน...”             คำอวยพรของแม่ใหญ่แห่งสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าสัมฤทธิ์ผลอยู่ได้ไม่นาน นลินดาเป็นที่รักของพ่อแม่บุญธรรม แค่เพียงปีเดียวเท่านั้น เมื่อในเช้าวันหนึ่งอรสุดาออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับที่ตรวจครรภ์และบอกข่าวดีกับสามีว่า           “คุณวินคะ เรากำลังจะมีลูกด้วยกันแล้ว อรท้องแล้วค่ะ”           “โอ้วว...ผมดีใจที่สุดเลย เราจะมีลูกของเราแล้ว”           “ฝันของเรากำลังจะเป็นจริงแล้วค่ะ คุณวิน”           “ผมมีความสุขที่สุดเลยครับ”           “อรก็เหมือนกันค่ะ อรตั้งชื่อลูกไว้แล้วนะคะ หากเป็นผู้หญิงอรจะให้เอริณค่ะ” อรสุดาเอ่ยบอกด้วยความตื่นเต้น ใบหน้ามีรอยยิ้มแห่งความสุขประดับให้เห็น           ว่าที่คุณพ่ออย่างปวินทร์ก็มีความสุขไม่แพ้ภรรยา ขณะโอบกอดร่างของภรรยาไว้ก็เอ่ยถามพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง “ถ้าลูกเป็นผู้ชาย...อรจะตั้งชื่อว่าอะไรครับ” อรสุดาส่ายหน้าปฏิเสธ เอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะร่วน “อรยังนึกไม่ออกค่ะ แต่อรมั่นใจว่าเราต้องได้ลูกผู้หญิงแน่นอนค่ะ อรดีใจจนแทบร้องไห้ออกมาให้ได้ ในที่สุดเราก็มีลูกของเราแล้ว”           สองสามีภรรยาสวมกอดกันไว้แนบแน่น ดีใจและมีความสุข เมื่อมีลูกน้อยกำลังถือกำเนิดอยู่ในท้อง แน่นอนว่าทันทีที่มีลูกอิจฉาเกิดขึ้น นลินดาเด็กที่ถูกขอมาเลี้ยงก็หมดความ หมายในทันที 

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
13.8K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
4.0K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
6.5K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
13.4K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
38.9K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook