“มีครอบครัวมันก็ดี จะได้มีคนคอยปรึกษาพูดคุย ร่วมทุกข์ร่วมสุข อีกอย่างเอ็งก็จะได้ไม่เหงา” ลุงมิ่งเอ่ยเตือนหลานสาว จากคนที่เคยมีประสบการณ์รัก แม้จะพังไม่เป็นท่าก็ตาม
“เอาไว้...ถ้าเจนพร้อมมีใครเมื่อไหร่ จะบอกลุงเป็นคนแรกเลยดีมั้ย” หญิงสาวปรับน้ำเสียงให้ร่าเริง เมื่อเห็นอาการเศร้าของผู้เป็นลุง รู้ว่ายังเสียใจกับเรื่องในอดีต และโทษตัวเองว่าเป็นคนผิด แม้เรื่องจะผ่านมาเนิ่นนานแล้ว
“เออ!...อย่าให้มันนานนักล่ะ เดี๋ยวข้าจะตายซะก่อน ยังไม่ทันได้เห็นหน้าหลานเขย”
“แหม ของแบบนี้มันก็ต้องใช้เวลาเลือกเฟ้นหน่อยสิ ผู้ชายเพอร์เฟคสมัยนี้ก็หายากจะตาย ไอ้ที่หล่อๆ รวยๆ ก็ดันชอบกันเอง ที่เหลือๆ มาก็มีแต่หลุดมาตรฐาน”
“ก็อย่าตั้งไว้สูงนักสิวะ”
“ได้ งั้นขอแค่เป็นผู้ชายก็พอ ดีมั้ย” เสียงหัวเราะคิกของหลานสาวเรียกกำปั้นจากผู้เป็นลุง หล่นตุ๊บลงกลางหัว
“โอ๊ย!...เจ็บนะลุงมิ่ง”
“เอ็งนี่นะ พูดดีด้วยไม่ได้เลย”
“ฉันล้อเล่น” หลานสาวหัวเราะจนตาหยี รู้สึกดีขึ้น เมื่อได้ต่อปากต่อคำกับลุง เป็นการลับสมองตอนเช้า
เธอขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ยังรู้สึกหวิวๆ อ่อนเพลีย มึนหัวจนต้องเอนหลังพิงโซฟา และหลับตาลงอีกครั้ง ใบหน้าซีดขาว สภาพระโหยโรยแรงจนคนเป็นลุงต้องส่ายหัว
คอไม่แข็งแล้วทำซ่า
“แล้วนี่เอ็งจำได้มั้ยว่าเมื่อคืนกลับมายังไง”
“…จำไม่ได้อะ...ไอ้เดย์ละมั้งมาส่ง” ในหัวไม่คิดถึงใครเลย ความเป็นไปได้หนึ่งเดียวคือลูกน้องคนสนิท เพราะมันไม่มีทางทิ้งเธอแน่นอน
“ไม่ใช่!”
“หือ?” เจนจิราเงยหน้าขึ้นมองลุงมิ่ง เมื่อได้ยินว่า ไม่ใช่เดย์ที่มาส่ง “แล้วเจนกลับมายังไง อย่าบอกนะว่าลุงไปตามกลับ” ลุงมิ่งเพียงแค่ปรายตามองหลานสาว ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
“โธ่…ลุงทำแบบนี้ได้ไง อายพวกนั้นตายเลย” เจนจิราร้องโอดครวญ แค่คิดภาพตามว่ามีผู้ปกครองแก่ๆ ถือไม้เรียวไปตามหลานสาว ที่หนีเที่ยวไปกินเหล้ากินเบียร์ แล้วลากตัวกลับบ้านด้วยสภาพทุลักทุเล แค่คิดก็ให้รู้สึกสยดสยอง และอับอายจนอยากจะเอาหน้าซุกเข้าไปในหมอน
“ข้าไม่ได้ไปตามเอ็งกลับโว้ย!”
“อ้าวเหรอ...แล้วไป งั้นคงกลับมาเองแหละ” ถึงเมาให้ตาย เธอจำได้ว่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เมายังไงก็คลานกลับห้องเองได้ ไม่มีปัญหา
“นายวิชญ์มาส่ง”
“อ๋อนายวิชญ์มาส่ง…ห๊ะ!!…ลุงว่าไงนะ?”
“เมื่อคืนเอ็งเมาไม่รู้เรื่อง นายวิชญ์ต้องอุ้มมาวางตรงโซฟานี่ จำได้ยัง”
ตายๆ เรื่องจริงหรือนี่...ม่ายยยยย...
“จะ...จำไม่ได้ ลุงอำปะเนี่ย นายวิชญ์จะอุ้มเจนมาส่งได้ไง ก็เมื่อวานเค้าไม่อยู่”
“จะใช่หรือไม่ใช่ ตอนนี้เอ็งก็นอนอยู่บนโซฟาแล้วไง”
“ลุง...ตาฝาดไปหรือเปล่า บางทีอาจจะเป็นไอ้เดย์ ไอ้นิค หรือไอ้พวกนั้นก็ได้ที่มาส่ง” เธอยังพยายามคิดว่าเป็นคนอื่น และพูดปลอบใจตัวเอง...ไม่ใช่เขา ไม่ใช่!
“ข้ายังไม่แก่ขนาดจำคนไม่ได้นะโว้ย บอกว่าเป็นนายวิชญ์ก็นายวิชญ์สิ!”
“ตายแล่ว!!” เจนจิราอยากลาตายเสียเดี๋ยวนี้
ทำไมถึงเป็นเขาไปได้...ฮือ...ฮือ...ไม่นะ มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ
เมื่อวานเธอรู้ว่าเตวิชญ์ไม่อยู่ ถึงชวนลูกน้องคู่หูไปดื่มเหล้าแก้เซ็ง แล้วเจ้านายโผล่มาได้ไงเนี่ย โถ...ชีวิตเหมือนถูกกลั่นแกล้ง ตายๆ เห็นตอนไหนไม่เห็น เสือกมาเห็นตอนเมาจนจำอะไรไม่ได้...ไอ้เดย์!! ทำไมแกไม่รู้จักมาส่งลูกพี่
...ฮืออออ...ไอ้พวกนี้ เลี้ยงเสียเหล้าจริงๆ
มือยกขึ้นตบหน้าผากตัวเอง ช่วงนี้ยิ่งเข้าหน้ากันไม่ติด ทำไรก็ไม่ถูกใจ...ทำไม๊…ทำไมต้องเป็นเขาด้วยที่มาเจอ โอ๊ย!! อยากลาตายวันละสิบรอบ
“ตื่นแล้วก็ลุกไปอาบน้ำอาบท่า ดูสิเหม็นเหล้าหึ่งขนาดนี้ นายวิชญ์อุ้มมาได้ไงไม่รู้ เป็นข้าจะโยนทิ้งไว้หน้าบ้าน”
เจนจิรารีบยกแขนตัวเองขึ้นดม ตามเสื้อผ้า ปอยผม ล้วนแต่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ อยากจะบ้าตาย ถูกอุ้มมาส่งว่าแย่แล้ว คราวนี้หนักกว่าเดิม อับอายจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาบรรยาย ในสายตาเขา เธอคงไม่เหลือดีแล้ว ไม่มีเลย
“ไปอาบน้ำ แล้วก็มากินข้าว” ลุงมิ่งเอ่ยเร่งหลานสาวอีกครั้ง เมื่อเห็นทำท่าซังกะตาย ไม่ยอมลุกจากโซฟาที่ใช้อาศัยนอนมาทั้งคืน
“จ้า ไปแล้ว”
น้ำเสียงท้อแท้ห่อเหี่ยว หมดอาลัยตายอยากของหลานสาว ทำให้ผู้เป็นลุงต้องหรี่ตามอง จะเป็นอะไรนักหนา ก็แค่ลูกน้องเมาเหล้า แล้วเจ้านายแบกมาส่ง ที่เล่าให้ฟังก็แค่แหย่เล่น ไม่คิดว่าหลานสาวจะจริงจังขนาดนั้น
“นี่เอ็งจะซีเรียสอะไรนักหนา นายวิชญ์เค้าคงไม่ถึงกลับไล่เอ็งออกเพราะเมาเหล้าหรอก อีกอย่างวันนี้ก็วันหยุด ไม่ได้ไปทำงานสายสักหน่อย แกจะมาทำท่าจะเป็นจะตายทำไม”
“ลุงไม่เข้าใจหรอก”
เจนจิราดันตัวลุกขึ้น ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกอับอายขายขี้หน้า ไม่รู้เมื่อคืนหลุดปากพูดอะไรน่าอายไปหรือเปล่า...ไม่หรอกน่า ไม่มีอะไรหรอก เธอไม่ใช่คนกินเหล้าแล้วรั่วสักหน่อย หญิงสาวปลอบใจตัวเอง แล้วจะแน่ใจได้ยังไง ในเมื่อเมาเละจนจำอะไรไม่ได้
...โอ๊ยยยยย...
สองเท้าเดินลากขาช้าๆ เข้าไปในห้องนอนตัวเอง เมื่อคืนกะจะดื่มแก้เซ็งให้ลืมปัญหาโลกแตก น่าเบื่อหน่าย แต่กลายเป็นเพิ่มปัญหาให้ตัวเองอีก คราวนี้จะมองหน้าเขาติดได้ยังไง
เจนจิราทิ้งตัวลงบนที่นอน ยังไม่ทันหายตกใจเรื่องเจ้านายอุ้มมาส่งที่บ้าน ก็นึกขึ้นมาได้ว่า ตอนแยกจากพวกนั้นล่ะ...เขาทำยังไงกับเธอ อย่าบอกนะว่า เขาอุ้มออกมาอีกเหมือนกัน ร่างบางดีดตัวลุกขึ้นนั่ง คิ้วเรียวขมวดมุ่น สีหน้ากังวล
...ไม่!...เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง เขาไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด เหตุผลน่ะเหรอ ก็เพราะเตวิชญ์ไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา
เจนจิราถอนหายใจยาว ถ้าเป็นเมื่อก่อนต่อให้เจ้านายอุ้ม หรือแบกเธอใส่หลังกลับบ้าน ก็ไม่รู้สึกรู้สมอะไร อย่างมากก็คงเก็บเอามาเพ้อละเมอเล่นๆ คนเดียว
แต่ตอนนี้ไม่ใช่ แค่เขาเฉียดเข้าใกล้ เธอก็ใจสั่นมีพิรุธตลอด หวังว่าไอ้เดย์ หรือไม่ก็ใครสักคนในวงเหล้า เป็นคนพยุงเธอมาส่งที่รถยนต์เจ้านายนะ ไม่อย่างนั้นจะตามไปเก็บค่าเหล้ากับพวกมันให้หมดทุกตัวเลย