เจนจิรายื่นแก้วไปชนกับแก้วในมือเจ้านาย สีหน้ามุ่งมั่น สายตาจ้องประสานไม่มีหลบ ท่าทางของทั้งคู่เรียกความสนใจจากทุกคนในโต๊ะให้หันมามอง และที่สำคัญอยากรู้ว่าผู้ช่วยสาว จะร่วงหรือจะรอด
เตวิชญ์นั่งดื่มไปเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ ต่างจากผู้ช่วยสาวที่ตั้งหน้าตั้งตาดื่มเอาจริงเอาจัง โดยมีลูกน้องคนสนิทคอยเสิร์ฟให้ทั้งเหล้าและกับแกล้มไม่มีแผ่ว ผ่านไปก็เหลือเหล้าครึ่งกลม
“ลูกพี่ไหวเปล่า” เดย์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้กระซิบถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นลูกพี่สาวยกขึ้นดื่มแก้วต่อแก้ว
“หึ! แค่นี้เด็กๆ” สาวสวยพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ แม้จะรู้สึกมึนๆ แต่ก็ไม่ถึงกับเมา
เตวิชญ์ปรายตามองลูกน้องสาวปากเก่ง เห็นยังยิ้มระรื่น ยกแก้วเหล้าดื่มไม่มีแผ่ว แต่ใบหน้าขาวบัดนี้แดงก่ำไปจนถึงลำคอ สายตาหยาดเยิ้ม ริมฝีปากเรียวแดงปลั่งขยับขึ้นลง ปกติก็พูดเก่งอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งกลายเป็นคนพูดมาก
“พรุ่งนี้ถ้าใครเมา ก็ไม่อนุญาตให้ลา” เจ้านายหนุ่มเอ่ยขึ้นลอยๆ เจนจิราหันขวับไปมองดวงตาเบิกกว้าง
“ได้ไงอะ” หญิงสาวโวยทันที ในใจเธอวางแผนไว้เรียบร้อย ถ้าเมาพรุ่งนี้ก็จะลานอนอยู่บ้าน แล้วเขาดันมาห้ามแบบนี้
“หรือเธอคิดจะเมาหนีงาน”
“เปล๊า...ไม่ได้คิด ใครกันแน่หนีงาน เจนแค่รับคำท้านายวิชญ์ ไม่...ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นซะหน่อย”
“หึ!”
“นายวิชญ์!”
“เอ่อ...นายวิชญ์ครับกินนี่ดีกว่า ไอ้ป๊อบมันทำอร่อยมาก เรื่องกับแกล้มต้องยกให้มันเลย เจ๊เจนด้วยลองชิมดูสิ แล้วจะติดใจ” นิครีบยื่นกับแกล้มมาตรงหน้าทั้งคู่ เมื่อเห็นว่ากำลังจะเกิดศึกน้ำเมา
เตวิชญ์พยักหน้าให้ ส่วนผู้ช่วยสาวหันมามองนิคตาขวางด้วยความขัดใจ ก่อนจะส่งเสียงเร่งเดย์ให้รีบชงเหล้ามาอีก
“ฉันเปลี่ยนใจแหละ” จู่ๆ เตวิชญ์ก็พูดขึ้นมา
“เปลี่ยนใจ? เปลี่ยนใจอะไร” เจนจิราหันมาถามเจ้านาย สีหน้าเอาเรื่อง
“เธอไม่ต้องกินหมดกลมก็ได้ เดี๋ยวจะหาว่ารังแกเด็ก”
“นายวิชญ์อย่ามาดูถูก เจนไหว”
“ไม่ต้อง...มันเปลือง”
“เอ๊ะ!! นายวิชญ์นี่ จะเอาไงแน่ พูดกลับไปกลับมา อย่าบอกนะว่าพรุ่งนี้ก็จะเบี้ยวไม่ยอมเข้าไปเซ็นงานให้ตามสัญญา”
“ฉันบอกเหรอว่าจะเบี้ยว”
“ก็นายวิชญ์พูดอยู่เมื่อกี้ว่าเปลี่ยนใจแล้ว”
“...”
“นายวิชญ์!! ทำไมเป็นคนแบบนี้ คนไม่มีสัจจะ”
“เฮ้ย! เจ๊ เบาๆ นั่นเจ้านายนะ”
นิครีบพูดขึ้นเมื่อเห็นผู้ช่วยสาวโกรธจนหน้าดำหน้าแดง ปกติก็คงไม่กล้าโวยขนาดนี้ คงเพราะฤทธิ์น้ำเมาที่ดื่มเข้าไป จึงทำให้หญิงสาวใจกล้ามากกว่าเดิมหลายเท่า
“เมื่อกี้แกก็ได้ยินใช่มั้ย ว่านายวิชญ์ท้าฉันหนึ่งกลม แล้วดูดิ ตอนนี้บอกเปลี่ยนใจ”
“นายวิชญ์ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไม่เข้าไปสักหน่อย เจ๊ใจเย็นๆ ก่อน”
“ก็ฉันได้ยินเต็มสองหู จะไม่หมายความแบบนั้นได้ไง หึ! ฉันมันคนตรงๆ ไม่เคยผิดคำพูดกับใคร งานเป็นงานไม่เคยเบี้ยว ไม่เหมือนใครบางคนแถวนี้หรอก”
“ไม่พอใจ จะไม่ทำก็ได้นะ” เสียงพูดลอยๆ ดังมากระทบหู คนที่ดื่มไปเกือบครึ่งขวด อารมณ์เริ่มกรึ่มๆ ใจก็เริ่มกล้า
เสียงกระแทกแก้วลงบนโต๊ะทำเอาทุกคนสะดุ้งโหยง สงสัยผู้ช่วยสาวจะกินดีหมีหัวใจเสือเข้าไปถึงได้ใจกล้านัก แม้นายวิชญ์จะใจดี แต่ตอนนี้ภายใต้ท่าทางนิ่งสงบ ไม่มีใครเดาใจออกว่าเขาคิดยังไง
“นายวิชญ์จะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย” ดวงตากลมโตหันไปจ้องหน้าเจ้านาย ท่าทางพร้อมมีเรื่อง
“เฮ้ย! เจ๊นั่นเจ้านายนะ” นิคสะกิดแขนผู้ช่วยสาวยิกๆ อย่างเตือนสติ ต่างจากเดย์กับทุกคนเงียบกริบไม่มีใครกล้าพูด บรรยากาศคืนนี้ทำไมมันชวนหัวใจวายดีแท้
“เจ้านายแหละยิ่งต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
“จะพูดไรก็ว่ามา” เตวิชญ์ยกแก้วขึ้นดื่ม ก่อนจะหันมามองผู้ช่วยสาว ที่จ้องหน้าเขาจะกินเลือดกินเนื้อ
“เปิดอกคุยกันไปเลยก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องมาคาใจ” เจนจิราใจกล้าบ้าบิ่น เมื่อแอลกอฮอล์ซึมเข้าไปในเส้นเลือดแบบได้ที่แล้ว
“อะไร”
“ตกลงว่าตอนนี้นายวิชญ์ไหวมั้ย จะกลับไปทำงานได้ยัง ถ้ายังไม่พร้อมหรือไม่ไหว ก็บอกมา เจนจะได้โอนงานทุกอย่างไปให้หมอฤทธิ์เค้าช่วยก่อน…ก็เข้าใจนะว่าคนมันต้องการเวลา แต่นาย…”
“เจน!” เสียงตะคอกกดต่ำ สีหน้าของเตวิชญ์ตึงเปรี๊ยะ ดวงตาเปล่งประกายวาววับ ทันทีที่ผู้ช่วยสาวเอ่ยถึงใครบางคนที่เขาไม่อยากได้ยินตอนนี้
เจนจิรายังพล่ามต่อ โดยไม่รับรู้ถึงสัญญาณอันตราย “นายวิชญ์จะมาทำตัวเป็นหุ่นยนต์แบตอ่อนแบบนี้ไม่ได้ มันเสียเวลา เสียงานด้วย”
“กลับไปได้แล้ว!”
“นายวิชญ์ ไม่ใช่ว่าเจนไม่เห็นใจนะ แต่ตอนนี้มันต้องเดินต่อ หน้าที่รับผิดชอบยังรออีกตั้งเยอะ ไหนจะงานที่แปลง ไหนจะงานที่โรงงาน ลูกค้าอีก อกหักได้แต่ก็ต้องทำงานด้วย...เฮ้ยยย!!”
เปรี๊ยะ!!
เสียงแก้วตกกระแทกพื้น เศษแก้วกระจาย หญิงสาวรีบกระโดดหลบตัวลอย อาการมึนๆ แทบหายเป็นปลิดทิ้ง ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ตกใจ ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง...เมื่อครู่เตวิชญ์ขว้างแก้วใส่เธอ...ใช่มั้ย...!!?
“กลับไป!”
“นายวิชญ์!!” เจนจิราส่งเสียงร้องเรียกตามหลังเจ้านายที่ก้าวเดินดุ่มๆ หายเข้าไปในบ้าน ทุกคนที่กำลังนั่งดื่มต่างเงียบกริบ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดัง
“เจ๊...เอาแล้วไง ไปหาเรื่องแหย่หนวดเสือจนได้”
“แต่ฉันพูดจริงนี่นา จะมาโกรธทำไม”
“ความจริงก็อาจทำให้คนตายได้นะเจ๊”
ถึงบรรยากาศจะเคร่งเครียด แต่พอเห็นสีหน้าของผู้ช่วยสาว ที่บิดเบี้ยวสยดสยองจากเหตุการณ์เมื่อครู่ก็ทำเอานิคแทบจะหัวเราะก๊ากขึ้นมา ไม่เคยเห็นเจ๊เจนคนเก่งเสียอาการขนาดนี้มาก่อน คนจริงเจอคนจริงก็แบบนี้แหละ
“เออ...เอาไงดีวะ ท่าทางนายวิชญ์...เอ่อ จะโกรธอีกแล้ว” ถึงสำนึกตอนนี้ก็ไม่รู้จะทันไหม
“เอาน่า ไงเจ๊ก็กลับไปก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจัดการให้”
“จัดการไรวะ ช่วยพูดกับนายวิชญ์เหรอ”
“จัดการให้เจ้านายเซ็นเอกสารครบทุกหน้า เชื่อมือได้ ส่วนนายวิชญ์ก็...ตัวใครตัวมัน ใครทำ คนนั้นก็รับผิดชอบเอาเอง”
“นิค!!”
“หรือเจ๊จะเข้าไปเคลียร์ตอนนี้...ก็ได้นะ”
“ไอ้บ้า” ใครจะกล้าเข้าไปล่ะ น่ากลัวขนาดนั้น เข้าไปให้ถูกเชือดหรือไง
“ฮ่า ฮ่า อย่างเจ๊ยังไม่กล้า แล้วใครจะกล้า”
“เอ่อ...โทษทีนะที่ทำให้บรรยากาศเสียไปหมด ก็คนมันโมโหนี่นา” เจนจิรายังบ่นกระปอดกระแปดด้วยความขัดใจ