เจ็บปวด 1.2

1399 Words
เย็นวันศุกร์ วันนี้เป็นวันแรกในรอบสัปดาห์ที่สองเพื่อนรักเข้าเวรเช้า หลังเลิกงานลัลณ์ลนินกับดวงเดือนนัดกันว่าจะไปหาของกินในห้างสรรพสินค้าใกล้โรงพยาบาล แล้วดูหนังต่ออีกสักรอบ การนัดหมายวันนี้ตัวต้นคิดคือดวงเดือน เธออยากให้ลัลณ์ลนินมีพื้นที่ส่วนตัว ไม่ใช้เลิกงานแล้วกลับบ้านไปเป็นขี้ข้าพ่อผัวแม่ผัว แถมต้องเป็นทาสอารมณ์ให้สามีจอมเอาแต่ใจ ให้ลัลณ์ลนินได้คลายความเครียดทั้งจากเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ขณะที่สองสาวเดินออกจากลิฟต์ที่นำทั้งคู่ลงมาชั้นหนึ่งของโรงพยาบาล ชายหนุ่มรูปงาม รูปร่างสูงใหญ่แต่งกายสบายๆ แต่ดูดีมาก เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวกับกางเกงยีนส์สีเข้ม สวมรองเท้าผ้าใบราคาหลักหมื่นยืนรอลิฟต์อยู่หน้าลิฟต์ พอเห็นดวงเดือน ใบหน้าเขาก็แต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม “พี่ตรัย” ดวงเดือนยิ้มกว้าง ดีใจที่เห็นหน้าจอมตรัย ดีใจจนเนื้อเต้น “สวัสดีค่ะพี่ตรัย” ลัลณ์ลนินยกมือไหว้จอมตรัย พี่ชายนอกสายเลือดของดวงเดือน “พี่ตรัยมาได้ไงคะ ไหนบอกว่าจะไปเจอกันที่ไร่” ดวงเดือนถามหนุ่มหล่อที่ตนหลงรักมาตั้งแต่แตกเนื้อสาว จนถึงตอนนี้เวลาล่วงเลยมากว่าสิบปี ความรู้สึกนั้นยังไม่จางหาย กลับเพิ่มมากขึ้นทุกวัน แม้ว่า จอมตรัยจะแต่งงานมีคู่ชีวิตที่เหมาะสมยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยก ทว่าความรักที่มีให้ยังไม่เคลื่อนไปจากหัวใจตน “พี่คิดถึงเดือน เลยมาหา ดีนะว่ามาทัน” เป็นคำพูดง่ายๆ ที่ทำให้คนถูกคิดถึงยิ้มกว้าง หากจอมตรัยไม่เป็นลูกชายของผู้มีพระคุณที่เลี้ยงดูตนมาตั้งแต่เกิด แล้วเขายังไม่มีครอบครัว เธอคงเปิดเผยความรู้สึกได้มากกว่านี้ “แล้วรู้ได้ยังไงคะว่า วันนี้เดือนอยู่กะเช้า” คนที่ถามคือลัลน์นลิน “ก็เมื่ออาทิตย์ก่อน เดือนส่งตารางเวรให้พี่ดูไง พี่เลยรู้ว่าวันนี้เดือนเข้ากะไหน” จอมตรัยตอบ “อีกอย่างรอถึงวันอาทิตย์ไม่ไหว คิดถึงเดือนมากๆ เลย” ดวงเดือนหน้าแดงด้วยความเขินอายกับความคิดถึงของเขาที่เปิดเผยทั้งแววตาและคำพูด “เดือนก็คิดถึงพี่ตรัยค่ะ พี่ชายสุดหล่อของเดือน” ทว่าความรู้สึกที่เธอเปิดเผยได้ คือน้องสาวรักพี่ชาย “แล้วนี่จะไปไหนกัน พี่กะว่าจะมารับเดือนไปหาของอร่อยๆ กินกัน ต่อด้วยหนังสักรอบ” “โห...ใจตรงกันเลยค่ะพี่ตรัย ลัลณ์กับเดือนมีนัดกันจะไปหาของกินที่ห้างแล้วก็ดูหนังค่ะ” ลัลณ์ลนินที่รู้จักครอบครัวจอมตรัยมาตลอดระยะเวลาที่คบกับดวงเดือนเป็นเพื่อน และนั่นทำให้เธอรู้ว่า ดวงเดือนคิดกับจอมตรัยมากกว่าพี่ชาย “งั้นพี่เป็นเจ้ามือเอง” จอมตรัยเสนอตัว สองสาวมีหรือจะปฏิเสธ ทั้งสามจึงพากันเดินไปยังลานจอดรถที่จอมตรัยนำรถไปจอด รถยนต์ของจอมตรัยจอดอยู่ชั้นห้าของอาคารจอดรถ จอมตรัยเดินเคียงคู่กับดวงเดือน โดยมีลัลณ์ลนินเดินตามหลัง ภาพจอมตรัยกับดวงเดือนที่เดินไปคุยกันไปตกอยู่ในสายตาของเจ้าของรถที่เพิ่งนำรถมาจอดช่องจอดรถเยื้องกับรถยนต์ของจอมตรัยเห็นภาพนั้นเต็มสองตา ใบหน้าของดวงเดือนมีรอยยิ้มตลอดเวลา แลดูเธอมีความสุขกับการได้พูดคุยกับจอมตรัย ทำให้คนที่กำลังมองเห็นรอยยิ้มของดวงเดือนสะท้อนใจขึ้นมาทันใด จอมพลน้องชายฝาแฝดของจอมตรัยคือเจ้าของสายตาคู่นั้น แม้ว่าเขาจะเป็นน้องชายของจอมตรัย เป็นลูกชายคนที่สองของเนตรนภา ผู้สูงวัยใจดีที่รับดวงเดือนมาเลี้ยงหลังจากพ่อแม่ของดวงเดือนเสียชีวิต ตอนนั้นดวงเดือนอายุหนึ่งปี ส่วนเขากับจอมตรัยอายุสิบเอ็ดปี ถึงแม้ว่าจอมพลเป็นน้องชายของจอมตรัย และรู้จักคุ้นเคยกับดวงเดือนมาตั้งแต่เด็ก ทว่าเขาไม่เคยได้รับรอยยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะยามได้คุยกับเธอเลยสักครั้ง สิ่งที่เขาได้รับหากอยู่กับดวงเดือนตามลำพังคือ ความห่างเหิน หมางเมิน ไม่สนใจ ราวกับว่า เขาไม่มีตัวตนในสายตาดวงเดือน รถยนต์คันหรูราคาเฉียดสิบห้าล้าน ติดฟิล์มกรองแสงสีดำทั้งคันแล่นออกจากจุดที่จอด ทั้งที่นำรถมาจอดได้ไม่ถึงสองนาที จอมพลขับรถหนีความเจ็บปวดที่ตนกำลังเผชิญ...ความเจ็บปวดทางใจ ณ ห้างสรรพสินค้าพารากอน สถานที่แห่งนี้คือ ห้างที่จอมตรัยพาสองสาวมาทานอาหารและดูภาพยนตร์ พอมาถึงจอมตรัยได้พาพยาบาลสุดสวยทั้งสองคนไปทานอาหารญี่ปุ่น ที่วันนี้คนแน่นจนต้องคอยคิวนานครึ่งชั่วโมง ก่อนถึงคิวห้านาที ดวงเดือนเกิดปวดท้องจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำ จอมตรัยกับลัลณ์ลนินจึงเดินเข้าไปในร้านอาหารก่อน “นั่นลัลณ์นี่ เมียมึงนี่หว่า มากับใครวะ โคตรหล่อเลย” มือของคุณานนท์ที่กำลังใช้ตะเกียบคีบไข่หวานชะงัก เมื่อเสียงของวรวุฒิเพื่อนสนิทของคุณานนท์ดังขึ้น ก่อนที่คุณานนท์จะหันไปมองภรรยา ที่เดินไปนั่งบนโต๊ะอีกโต๊ะที่อยู่ห่างไม่มากนัก “เนี่ยนะหล่อของมึง” คุณานนท์พูดเสียงเรียบ “กูว่า กูหล่อกว่า” วรวุฒิคร้านจะโต้เถียง ซึ่งมันก็จริงตามเพื่อนพูด หากเทียบกัน คุณานนท์หล่อและดูดีกว่ามาก “มากับใครวะ” “มึงจะอยากรู้ทำไม ลัลณ์จะมากับใครก็เรื่องของเธอสิ กูเป็นผัวลัลณ์ กูยังไม่อยากรู้เลย” คุณานนท์เสียงแข็งใส่ เขาไม่ใส่ใจตามที่พูดออกไปจริงๆ ไม่มีความหึงหวงใดๆ ทั้งสิ้น เขามองภาพนั้นด้วยความนิ่งเฉย “อาจจะเป็นแฟนของลัลณ์ก็ได้เนอะ ทั้งคู่อาจยังคบกันทั้งที่ลัลณ์เป็นเมียมึง คบกันเพื่อรอเวลามึงเลิกกับลัลณ์ก็ได้” วรวุฒิคิดและพูดไปเรื่อย “พอลัลณ์เลิกกับมึง ทั้งคู่ก็แต่งงานกัน” เป็นอีกครั้งที่คุณานนท์ชะงักมือที่กำลังนำอาหารใส่ปาก คำพูดประโยคนี้ของเพื่อนสนิทกลับกระแทกใจ กระแทกความรู้สึกของเขา เป็นความรู้สึกเพียงเสี้ยววินาทีที่ได้ยินว่า ชายคนนั้นเป็นคนรักของลัลณ์ลนิน ความรู้สึกคุณานนท์กำลังย้อนแย้งกันเอง ความรู้สึกที่ว่า ไม่สนใจกับเริ่มสนใจ “ถ้ารับของเหลือเดนจากกูได้ ก็ช่างแม่ง” คุณานนท์พูดเสียงดังฟังชัด “รอไปเถอะ รอให้เหงือกแห้งก็ไม่สมหวัง” “ติดใจลัลณ์แล้วสิมึงถึงพูดอย่างนี้” วรวุฒิแซวเพื่อน “ติดใจห่าไร จืดชืดอย่างนั้น” คุณานนท์ตอบสวนไปทันที “มึงก็รู้ว่าพิมทำกูไว้ยังไง กูคงปล่อยให้ลัลณ์มีความสุขหรอกนะ กูเสียทั้งเงิน เสียทั้งหน้า งานนี้กูเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกแน่” “แต่งานนี้ลัลณ์ไม่เกี่ยวนะ คนที่มึงสมควรแก้แค้นคือพิมมากกว่า” วรวุฒินึกสงสารลัลณ์ลนินที่ต้องรับผิดชอบเรื่องที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เป็นโทษที่หนักหนาสาหัสด้วย ส่วนคนทำผิดป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด ลอยนวลเสียอย่างนั้น “มึงพูดอย่างนี้มึงเข้าข้างใครกันแน่ ตอบมาดีๆ นะ ตอบไม่ดีมีต่อย” “มึงพูดซะขนาดนี้ กูก็ต้องเข้าข้างมึงสิ” วรวุฒิไม่อยากผิดใจกับเพื่อน จึงรีบตอบและรีบปิดการสนทนาเรื่องนี้ “กินต่อเถอะมึง เดี๋ยวเราต้องไปพบคุณเล็กต่ออีก” คุณานนท์หันไปมองภรรยาที่ไม่ต้องการอีกครั้ง ครั้งนี้เขาเห็นพยาบาลอีกคนหนึ่ง ที่เขาเข้าใจว่าน่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานของลัลณ์ลนินเดินมานั่งสมทบ ก่อนหันไปสนใจอาหารตรงหน้าต่อ โดยไม่หันไปมองลัลณ์ลนินอีกเลย 2
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD