หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
การเป็นสะใภ้และภรรยาที่ไม่ต้องการ ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับลัลณ์ลนิน เธออยู่ยากในบ้านหลังนี้ บ้านที่มีคนเกลียดมากกว่ารักตน แม้แต่คนรับใช้ก็ทำหน้าบึ้งตึงใส่ หาคนเป็นมิตรในบ้านไม่ได้เลย ความที่พิมาลาพี่สาวสุดสวยหอบสินสอดทองหมั้นและความไว้เนื้อเชื่อใจหนีไป คนที่ต้องแบกรับความผิดทั้งหมดของพิมาลา ตกอยู่กับลัลณ์ลนินแต่เพียงผู้เดียว
บทลงทัณฑ์ที่คุณานนท์มอบให้ลัลณ์ลนินยังคงดำเนินต่อไป ทุกคืนลัลณ์ลนินจะตกเป็นทาสสวาทบำเรอกามให้สามีที่ไม่มีความอ่อนโยนให้ บทรักของเขาดุเดือด รุนแรง สาดซัดเข้ามาราวกับพายุ ที่มาพร้อมคำพูดเจ็บแสบ เรียกน้ำตาให้เธอได้ทุกคืน
อย่างที่กล่าวไป นอกจากคุณานนท์ที่มอบความเกลียดชังให้ คะนึงนิจมารดาของคุณานนท์ได้แสดงทีท่ารังเกียจลูกสะใภ้เช่นกัน แล้วยังสั่งให้คนรับใช้ในบ้าน จงเกลียดจงชังลัลณ์ลนิน ไม่ให้ความเคารพลัลณ์ลนินในฐานะเจ้านาย แต่ก็มีอีกคนหนึ่งที่ไม่แสดงออกว่าเกลียดชังลูกสะใภ้ คนนั้นคือเจ้าสัวอธิป
ตอนกลางคืนลัลณ์นลินถูกคุณานนท์ลงทัณฑ์ ตอนกลางวันเธอก็ถูกคะนึงนิจกลั่นแกล้งต่างๆ นานา ทำกับเธอราวกับว่าเป็นคนรับใช้คนหนึ่งของบ้าน เธอต้องตื่นแต่เช้าเพื่อทำอาหารเช้าให้ทุกคนในบ้านทาน โดยไร้คนช่วย จากนั้นก็ไปซักผ้าด้วยการซักมือ ระหว่างที่ซักผ้าเจ้าของบ้านก็ทานอาหารเช้าเสร็จพอดี หน้าที่ล้างจานจึงเป็นของลัลณ์นลิน เสร็จจากงานข้างล่าง เธอจึงขึ้นมาทำความสะอาดห้องคุณานนท์ เสร็จจากงานนี้เธอมีเวลาพักราวหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะลงไปรีดผ้ากองโตที่ใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงกว่าจะเสร็จ ซึ่งเธอก็อดทนทำไม่มีบ่น ก้มหน้าทำตามคำสั่งคะนึงนิจ
หน้าที่ในแต่ละวันของลัลณ์ลนินไม่ได้มีเพียงแค่ทำงานบ้านที่ถูกโขกสับยิ่งกว่าทาสในเรือนเบี้ย หน้าที่ประจำของเธอคือ เป็นพยาบาลในโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่ง ทำมานานกว่าห้าปี เธอเป็นคนขยัน เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานและผู้ป่วย ลัลณ์ลนินดูแลผู้ป่วยเป็นอย่างดี งานจะหนักและเหนื่อยมากแค่ไหน ทว่าใบหน้าเธอก็มีรอยยิ้ม ยิ้มสู้กับทุกเรื่องที่ดาหน้าเข้ามาในชีวิต
“แกหน้าซีดจัง ไหวไหมเนี่ย” ดวงเดือนที่สังเกตเห็นสีหน้าของเพื่อนรักก็อดถามไม่ได้ ลัลณ์ลนินยิ้มอ่อนให้คนถาม ก่อนตอบ
“ไหวสิ หน้าฉันบอกแกหรือไงว่าฉันไม่ไหว”
คำตอบนี้ดวงเดือนได้ยินทุกครั้งที่ถาม ทว่าใบหน้าของเพื่อนรักไม่ได้บอกให้รู้สึกเช่นนั้นเลย ใบหน้าลัลณ์ลนินอิดโรย นัยน์ตาเศร้า ดวงเดือนยังรู้อีกว่า ภายใต้เสื้อผ้าชุดขาวมีรอยจ้ำทั้งรอยใหม่และรอยเก่าประทับตามผิวเนื้อ
ส่วนรอยจ้ำตรงลำคอตอนแรกลัลณ์ลนินจะใช้ผ้าพันคอปกปิดไว้ อ้างกับคนอื่นว่า ไม่สบาย เจ็บคอและไอ ดวงเดือนเห็นรอยจ้ำนั้นก็อดสงสารเพื่อนไม่ได้ จึงซื้อยามาทาให้รอยจางลง และตอนนี้ก็ไม่เห็นร่องรอยนั้นแล้ว
“ก็เออน่ะสิ ไม่เห็นจะถามเหรอ” ดวงเดือนสวนกลับ ขุ่นใจเพื่อนที่ไม่ได้ดั่งใจ “แกไม่ผิด ไม่มีส่วนผิดสักนิดเดียว เอาทุกอย่างมาลงที่แกได้ไง แกนี่นางเอกจริงๆ เลย เป็นฉันหน่อยไม่ได้ แม่จะสวนให้หงายท้องเลย”
ดวงเดือนเป็นผู้หญิงที่ไม่ยอมให้ใครมาเอารัดเอาเปรียบง่ายๆ นิสัยโผงผางเหมือนผู้ชาย รักความยุติธรรม ถ้าตนไม่ผิดใครหน้าไหนจะมาโยนความผิดให้ตนไม่ได้ และไม่ยอมรับผิดแทนใครด้วย พอมารู้ว่า ลัลณ์ลนินต้องมารับผิดแทนพิมาลา เธอก็เป็นเดือดเป็นร้อนแทนเพื่อน ร่ำๆ จะไปพูดกับคุณานนท์ให้รู้เรื่อง ทว่าลัลณ์ลนินห้ามไว้ เพราะไม่อยากให้ดวงเดือนและครอบครัวตนเดือดร้อน
“ฉันขอบใจแกมากที่เป็นห่วงฉัน แต่ฉันยังไหว ฉันไม่อยากให้พ่อกับแม่เดือดร้อน แค่นี้พ่อกับแม่ก็ทุกข์จะแย่แล้ว”
ลัลณ์ลนินรักบิดามารดามาก แม้ว่าตนจะไม่ค่อยได้รับความรักตอบกลับมา ทว่าเธอก็ยังรักและกตัญญูต่อบุพการี เธอจึงอดทน อดกลั้นทุกอย่างเพื่อท่านทั้งสอง
“จ้าแม่ลูกกตัญญู แม่ลูกดีเด่นประจำปี แม่พระนางสวรรค์มาโปรด” ดวงเดือนพูดประชดเพื่อน “แล้วแกได้ข่าวพี่พิมบ้างไหม”
ลัลณ์ลนินส่ายหัวเป็นคำตอบ คนถูกถามก็อยากรู้เช่นกันเพราะนับตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง ลัลณ์ลนินติดต่อพี่สาวไม่ได้เลย ถามบิดามารดาทั้งสองให้คำตอบเดียวกันคือ ไม่รู้ ติดต่อไม่ได้
“เฮ้อ! คนไม่ผิดกลับถูกลงโทษ คนผิดกลับลอยนวล ฉันล่ะไม่เข้าใจพี่พิมจริงๆ ว่าทำอย่างนี้ทำไม พี่กล้าออกจะรวย หล่อกว่าพระเอกบางคนซะอีก ที่สำคัญรักพี่พิมมาก พี่พิมหนีไปทำไมก็ไม่รู้”
ดวงเดือนนึกเหตุผลที่พิมาลาหนีงานแต่งงานไม่ได้ ผู้ชายอย่างคุณานนท์มีแต่สาวสวยมากหน้าหลายตาทอดสะพานให้ ผู้หญิงแต่ละคนที่เข้ามาในชีวิตล้วนแต่เป็นลูกคนมีเงิน คนมีชื่อเสียง ดาราก็มีเข้ามาบ้าง ทว่าเขากลับไม่สนใจ มาสนใจหญิงสาวธรรมดาอย่างพิมาลา แต่สุดท้ายก็ต้องช้ำชอกหัวใจ คิดไปว่าพิมาลามีชายอื่นก็ไม่อยากจะคิด คุณานนท์ตอบโจทย์ทุกอย่าง จะหาผู้ชายแบบนี้ได้ง่ายๆ เสียทีไหน
“ฉันว่า เราทำงานกันเถอะนะ เดี๋ยวพี่นงค์มาเห็นเข้า จะหาว่าเราอู้งาน” พอได้ยินชื่อเล่นหัวหน้าวอร์ด ดวงเดือนถึงกับทำหน้าเซ็ง
“พูดถึงพี่นงค์ ฉันล่ะเบื่อ คนขยันอย่างเราสองคนทำไมพี่นงค์ไม่เห็นค่านะ ไปเห็นค่าคนหน้าไหว้หลังหลอกอย่างยัยต่ายกับยัยยุ”
ผู้พูดไม่ถูกกับอินทิรากับยุพดีสักเท่าไหร่ ไม่ชอบนิสัยที่มักเอาเปรียบตนกับลัลณ์ลนิน ที่สำคัญชอบทำงานเอาหน้า ว่างเป็นไม่ได้ นั่งนินทาแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่คนอื่นในโรงพยาบาล ติคนนั้น ว่าคนนี้ แต่ลืมมองดูตัวเอง
“เบื่อก็ต้องทน พี่นงค์เป็นหัวหน้าเรานี่ ต่ายกับยุก็เป็นเพื่อนร่วมงานของเรา แกก็ต้องทำใจ ทำหน้าที่ของเราให้ดีก็พอ” ลัลณ์ลนินไม่เคยคิดใครในแง่ร้าย เธอมักมองโลกในแง่ดี ทั้งที่ในความเป็นจริง มันตรงกันข้ามกับที่เธอคิดเสมอ “เออจริงสิ ฉันว่าจะถามแกตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
“ถามไร” ดวงเดือนถามกลับ
“จะถามแกว่า แกจะไปบ้านป้าแกเมื่อไหร่ ฉันจำได้ว่า แกเคยบอกฉันไว้ แต่ฉันจำไม่ได้”
“ไปวันเสาร์นี้กลับวันพุธหน้า”
“ฉันว่าจะฝากยาบำรุงไปให้ป้าแกน่ะ ฉันสั่งพี่เต้ยไว้สองขวด”
“อืมได้สิ” จบคำพูด ดวงเดือนเห็นนงเยาว์เดินออกมาจากลิฟต์ เธอจึงบอกเพื่อนรัก “พี่นงค์มาแล้ว สลายโต๋”
สองสาวรีบแยกตัวกันไปทำงานทันที เพราะไม่อยากได้ยินเสียงบ่นของนงเยาว์ ขณะที่ดวงเดือนกำลังก้มหน้าก้มตาจัดเตรียมยาให้คนไข้ เสียงมือถือของเธอที่ตั้งเสียงไว้พอได้ยินดังขึ้น เธอล้วงมันออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ดวงเดือนยิ้มเมื่อเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามา และไม่รีรอที่จะกดรับสาย
จอมตรัย...ชายในดวงใจ