กริ้ง! กริ้ง! กริ้ง! เสียงโทรศัพท์มือถือของวิชิตดังขึ้น ระหว่างที่เขากำลังรับประทานอาหารต่อ
“เบอร์ใครวะ แปลกๆ” เขาเอ่ยแต่ก็กดรับ
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับ ได้ข่าวว่าคุณเป็นพ่อเล้าหาเด็กๆ ให้นายเหรอครับ”
“เอ่อ เอ่อ คือ ไม่ ไม่ใช่พ่อเล้า ไปเอามาจากไหน” วิชิตตอบกลับด้วยน้ำเสียงอึกอัก
“ผมอยู่ในงานเมื่อคืนน่ะ เห็นคุณหาเด็กๆ ไปให้ท่านทั้งหลาย ก็เลยอยากจะติดต่อให้เจ้านายผมสักคน” พอฟังอย่างนี้จากที่ตกใจก็ยิ้มกว้างออกมาเลยทีเดียว
“ตะ ตะ ติดต่อเหรอครับ ได้เลย ชอบแบบไหน สเปกอะไรผมหาให้ได้หมด”
“เจ้านายผมเล็งเอาไว้คนหนึ่ง จำชื่อไม่ได้ แต่รู้ว่าเป็นคนที่นั่งกับท่าน ทรงกรช”
“เอ่อ คะ คะ คือ คนนี้ ลูกสาวผมเอง ท่านทรงกรชจองตัวแล้วครับ”
“แย่จัง มาไม่ทันเหรอเนี่ย แต่เจ้านายผมให้ไม่อั้นเลยนะแค่คุณตกลง เจ้านายผมยินดีจ่ายทันที แบบไม่ต้องรอให้ทำงานเลย ไม่ต้องทดลองงานก่อน จ่ายก่อนค่อยทำหน้าที่ทีหลัง”
“คือ ท่านทรงกรช มาคุยกับผมแล้วครับ ผมก็ไม่กล้าปฏิเสธเขา”
“เอางี้ ผมไม่รู้ว่าท่านทรงกรช ให้ค่าขนมเท่าไหร่ แต่จะลองฟังตัวเลขฝั่งเจ้านายผมหน่อยไหมครับ นายของผมจะให้คุณสองผัวเมียเป็นค่าน้ำนม ห้าล้าน” พอฟังตัวเลขเท่านั้นแหละ วิชิตถึงกับอึ้งตาค้าง อ้าปากค้างไปเลย
“ห้าล้าน! เอ่อ ห้าล้านเหรอครับ ผมฟังไม่ผิดใช่ไหมครับ”
“ห้าล้านครับ ไม่ใช่ห้าหมื่น เขาอยากได้เป็นเมียครับ ไม่ใช่อีหนู ถ้าตกลง จ่ายสด ไม่จ่ายเช็ค”
“ผะ ผะ ผมขอเวลาคิดและปรึกษาเมียก่อนได้ไหมครับ”
“นายผมเขารอไม่ไหว กำลังจะกลับวันนี้แล้ว คิดนานค่าตัวลดไม่รู้ด้วยนะครับ”
“ขอผมบอกเมียก่อน แต่ถ้าผมตกลงตอนนี้ แปลว่าได้เงินเลย ไม่ต้องรอให้ทำงานถูกใจก่อนใช่ไหมครับ”
“ไอ้เรื่องทำถูกใจเนี่ย เดี๋ยวนายผมเขาทำเองครับ เขาไม่ชอบเป็นฝ่ายรับ ไม่ใช่คนแก่ไร้เรี่ยวแรงต้องนอนแผ่ให้เด็กๆ เอาใจ”
“นายคุณเป็นใครบอกได้ไหม
“ถ้าตกลงว่าเอา วันนี้ก็มาโรงแรม ก็จะได้เห็นหน้าเขาและรู้ว่าเขาเป็นใคร แต่นายเขาเหนียวหนืดเหมือนท่านทรงกรชแน่นอน เผลอๆ ถ้าคุณเจียมเนื้อเจียมตอนอยู่กับนายผม เขาอาจจะเปลี่ยนจากห้าล้านเป็นสิบล้านก็ได้”
“สะ สะ สิบล้าน เอ่อ ผมขอบอกเมียก่อนนะครับ ให้มันรับรู้”
“ผมให้เวลาคุยกันสิบนาที แค่นี้นะครับ” พูดจบทางนั้นก็ฝ่ายสายทันที
“รินทร์! รินทร์ฟัง มีคนอยากได้ยัยวีไปดูแลอีกแล้ว คราวนี้ตัดหน้าท่านทรงกรชเลย”
“ตัดหน้าท่านทรงกรชยังไงเหรอพี่”
“ท่านทรงกรชจะจ่าย ก็ต่อเมื่อได้ยัยวีไปเป็นเมีย ให้ค่านอนด้วยห้าหมื่น แต่คนนี้ที่ติดต่อมาบอกว่าจะให้ห้าล้านเป็นค่าน้ำนม เอายัยวีไปเป็นเมีย ถ้าเราตกลงเขาจ่ายเลย ยัยวียังไม่ต้องนอนกับเขาด้วยซ้ำ”
“ห๊ะ! ห้าล้านเลยเหรอ ทำไมเยอะจัง เขาเป็นใคร”
“ไม่รู้ตอนนี้เขาอยู่โรงแรม ถ้าตกลงวันนี้ก็ไปรับเงินที่โรงแรมได้เลยและถ้าเราเจียมเนื้อเจียมตัว เขาจะให้ถึงสิบล้านเลยนะ”
“สะ สะ สิบล้าน โอ๊ยจะเป็นลม อย่างกับถูกรางวัลที่ 1 แน่ะ”
“ใช่ มีลูกสาวสวยเหมือนถูกรางวัลที่ 1 เลย พี่ล่ะอยากเห็นหน้าเขา คงรวยมาก แกจะว่ายังไง จะยกให้เขาไหม เขาให้เราคิด 10 นาที”
“เอาสิ ไม่เอาก็โง่แล้ว พี่ส่งเด็กคนอื่นให้ท่านทรงกรชก็ได้ โอ๊ยอยากเห็นหน้าลูกเขยเลย”
“งั้นเดี๋ยวพี่โทรกลับไปบอกเขาก่อน” ว่าแล้ววิชิตก็รีบโทรกลับเบอร์เดิมทันที งานนี้ปรึกษากับเมียคนเดียวเท่านั้น ส่วนลูกสาวน่ะค่อยคุยกันทีหลัง
“ว่าไงครับ” ปลายสายถามเสียงเรียบ พลางยิ้มมุมปากอย่างเป็นต่อ
“เอ่อ เรา ยินดีให้ยัยวีไปเป็นเมียของนายคุณนะครับ แล้วจะให้เราไปรับเงินค่าสินสอดเมื่อไหร่โรงแรมอะไร”
“ง่ายดีครับผมชอบ”
“ผมต้องเตรียมตัวอะไรไหมครับ”
“มาแต่ตัวก็พอ เสร็จแล้วออกมานอกบ้าน ผมจอดรถรออยู่ตรงนี้แหละ” จอดรถรอ หมายความว่าชายหนุ่มมาดักรออยู่นานแล้วสินะ
“ระ ระ รออย่างนั้นเหรอครับ”
“บอกแล้วว่านายผมใจร้อน นี่ให้มารอรับนานแล้วล่ะ แล้วค่อยโทรคุย เอาล่ะขึ้นไปบอกลูกสาวซะครับ แล้วออกมาหาผม”
“ได้ครับได้” คอนเฟิร์มกันเสร็จก็วางสายทันที จากนั้นก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรหรอก แค่เก็บอาหารบนโต๊ะ และไม่ได้บอกมนัสวีแต่อย่างใด หากบอกก็จะคัดค้านหัวชนฝา มัดมือชกเลยจะดีกว่า อีกทั้งปล่อยให้อยู่ในห้องไป ตอนนี้ขอรับเงินเอาไว้ก่อนจะดีกว่า วิชิตคิด
เมื่อเตรียมตัวเสร็จ วิชิตกับมารินทร์ก็ออกไปจากบ้าน โดยมีรถเก๋งสีดำจอดรออยู่ โดยรถเก๋งสุดหรูก็บอกยี่ห้อแล้ว ว่าคนที่อยากได้บุตรสาวของเขาต้องรวยแน่ๆ ติดจะรวยกว่าท่านทรงกรช ที่กินภาษีประชาชนเสียด้วยซ้ำ
“โหพี่ รถสวยมาก คงแพงน่าดู” มารินทร์ผู้เป็นเมียกล่าวอย่างตื่นเต้น ตาลุกวาวเลยทีเดียว
“ลูกเขยเราไม่ธรรมดานะเนี่ย” วิชิตกล่าวอย่างตื่นเต้นเช่นกัน
“รวยกว่าท่านทรงกรชด้วย”
“เชิญครับ ผมขออนุญาตแนะนำตัว ผมชื่อคเชนทร์เป็นผู้ช่วยของนายครับ เชิญครับนายรออยู่ที่โรงแรม” คเชนทร์บอกพร้อมกับเปิดประตูรถให้ขึ้นไปนั่งอย่างสุภาพ
“แกคนหนึ่งรออยู่ที่นี่”
“ได้ครับคุณเชนทร์” ลูกน้องคนหนึ่งบอก และเสียสละตัวเองเพื่ออยู่ดูลาดเลาไม่ให้ใครมาวุ่นวายแถวนี้ เพราะมนัสวีอยู่คนเดียว
“เอาล่ะ เราไปกันเท่านี้” คเชนทร์บอกอีกครั้ง ซึ่งการเดินทางไปโรงแรม ก็มีคเชนทร์และคนขับรถเท่านั้น ขืนไปกันหมดก็จะไม่มีที่นั่งเอาได้ระหว่างเดินทางสองผัวเมียก็ตื่นตากับภายในรถ เพราะไม่เคยนั่งรถราคาแพงมาก่อน ทั้งเบาะสีครีมหรูหรา สัมผัสแรงก็กลัวจะเป็นรอยนิ้ว
“เอ่อ ถามได้ไหมครับ โรงแรมไหนเหรอครับ” วิชิตเอ่ยขึ้น
“เหมราชมนตราครับ” คเชนทร์ตอบเสียงเรียบ
“เหมราชมนตรา! โห โรงแรมห้าดาวเชียว แต่ไม่ไกลจากบ้านเราเนอะพี่” มารินทร์เอ่ยอย่างตื่นเต้น เรียกได้ว่าไม่เคยสัมผัสหรือเข้าใกล้สถานที่ของคนมีเงินเหล่านี้ เพราะชีวิตของเธอและครอบครัวก็อยู่อย่างปกติ คนละระดับชั้นกัน
“ใช่ ว่าแต่ท่านมาพักที่นั่นเหรอ” วิชิตอดถามไม่ได้
“ครับ” คเชนทร์ตอบสั้นๆ เท่านี้ก็ตื่นเต้นจะแย่อยู่แล้ว หากบอกว่าเป็นเจ้าของโรงแรมจะไม่ช็อกเลยหรือ ฟังก็รู้แล้วว่าหิวเงิน หิวความรวยมากแค่ไหน
“เรายังไม่เคยเข้าไปที่นั่นเลยพี่ มีแต่ผ่าน” มารินทร์บอกอีกครั้ง
“จะได้เข้าไปก็คราวนี้แหละครับ” คเชนทร์เอ่ยอีกครั้ง จากนั้นจึงได้หยุดการสนทนาเพราะใกล้จะถึงที่หมายแล้ว
เหมราชมนตรา เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว หรูหราสไตล์ล้านนา ด้านนอกมีความเป็นล้าน ผสมผสานกับกระจกกว่า 50% เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งก็หรูหรา แค่ย่างก้าวเข้าไปก็ประหนึ่งเดินเข้าไปในคุ้มเจ้าก็ไม่ปาน และหากเป็นยามค่ำคืนก็จะยิ่งโดดเด่นหรูหรา เพราะแสงไฟสีเหลืองทองถูกประดับตกแต่งสะท้อนกับตัวโรงแรม
“เชิญครับ” คเชนทร์ผายมือเชิญอีกครั้ง เมื่อสองผัวเมียยังคงตะลึงกับความงามของโรงแรมอยู่
“สวยจริงๆ นะเนี่ย” มารินทร์เอ่ยลอยๆ
“เชิญครับ เจ้านายอยู่ทางโน้นแน่ะ” คเชนทร์บอกพลางชี้มือไปทางขวา ฝั่งที่มีสระว่ายน้ำ ซึ่งมีเรือนรับรองแบบเปิดรอบทิศทางราวกับเป็นที่นั่งเล่นของเจ้า มองไปก็มีแต่ชายชุดดำเต็มไปหมด ราวกับยื่นอารักขา บริเวณนี้ถูกห้ามใครเข้ามา เพราะเจ้าของโรงแรมนั่งพักผ่อนอยู่ตรงนี้
“เหมือนคุ้มเจ้าหลวงเลยนะคะเนี่ย” มารินทร์เอ่ยปากชมอีกแล้ว กระทั่งคเชนทร์พาเดินมาจนถึงเรือนรับรอง สองผัวเมียก็เดินก้มหน้าก้มตาด้วยความหวาดหวั่น เพราะสายตาของผู้ให้อารักขานั้นมองเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ไม่ยิ้มไม่แย้มเอาเสียเลย
“รออยู่ตรงนี้” คเชนทร์บอก ก่อนจะเดินตรงไปหาชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ยืนหันหลังให้กับทุกคน ในมือคีบบุหรี่พลางพ่นควันออกจากปากอย่างเครียดๆ ส่วนมืออีกข้างก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูคลิปเดิมซ้ำๆ นั่นคือคลิปที่ทำให้เขานอนไม่หลับตลอดทั้งคืน จนต้องตัดสินใจทำแบบนี้ ยิ่งได้ยินเสียงว่าชายคนนั้นมาถึงแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกโกรธอย่างบอกไม่ถูก
“มาแล้วครับพ่อเลี้ยง” คเชนทร์กระซิบบอก ทำให้แสนลักษณ์ถอนหายใจแล้วค่อยๆ เอี้ยวตัวหันกลับมามอง ขณะที่สองผัวเมียรู้สึกหวาดหวั่นจนต้องก้มหน้าไม่กล้าสบตา ยิ่งแสนลักษณ์เดินเข้าไปหาช้าๆ ก็ยิ่งก้มหน้างุดเลยทีเดียว นั่นก็เพราะว่าท่าทางบุคลิกของเขาไม่ใช่อาแสนของหนูวีนี่ แต่เขาคือผู้ทรงอิทธิพลอันดับต้นๆ ของที่นี่ รัศมีย่อมน่าเกรงขามเป็นธรรมดา