บทที่ 2: พี่ชายแสนชั่ว น้องสาวแสนชัง 1

2228 Words
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำเอาลานนาครุ่นคิดไม่ตกว่าเธอควรจะทำอย่างไรต่อไประหว่างแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น กับโทรไปฟ้องคุณพ่อใหม่ของเธอให้รับรู้ว่าพี่ชายต่างสายเลือดคนนี้ทำอะไรกับเธอไว้บ้าง มือคว้าโทรศัพท์ ตั้งท่าจะโทรออกอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ละล้าละลังที่จะทำ ชุดความคิดเดิมไหลเวียนเข้ามาในหัวไม่หยุดหย่อน เธอไม่อยากทำลายความสุขของแม่ในช่วงฮันนีมูนแสนหวาน...หวานมากแค่ไหน ลองคิดดูแล้วกัน ถึงขั้นไปแบบไม่มีกำหนดกลับที่แน่นอน มีเพียงบอกคร่าวๆ ว่าราวๆ หนึ่งเดือน ถ้ายังไม่เบื่อก็จะอยู่ต่อ หรือไม่แน่ก็อาจจะเดินทางไปเที่ยวประเทศอื่นต่อด้วย มีความสุขกันขนาดนี้ จะให้เธอไปสร้างความกังวลจนหมดสนุกได้อย่างไร ถ้างั้นกับเรื่องที่ถูกติยคุณกลั่นแกล้ง เธอยังพอจะอดทนได้ เธอก็จะอดทน ไว้วันไหนที่ทนไม่ได้จริงๆ หรือเขาเลวร้ายกับเธอไปมากกว่านี้ เธอค่อยโทรไปฟ้องให้เป็นเรื่องเป็นราวแล้วกัน คิดได้ดังนั้นก็โยนโทรศัพท์ในมือทิ้งลงบนเตียง ตามด้วยโถมกายลงไป เตียงห้องนอนแขกไม่ได้แย่เท่าไรนัก มันเหมือนเตียงนอนห้องอื่นๆ นั่นละ เพียงแต่มีฝุ่นมากไปนิดเพราะไม่ได้มีคนใช้งานมานาน เรื่องสถานที่นอนเธอไม่ได้มีปัญหาหรอก ที่มีปัญหาคือทำไมเขาถึงจะต้องมาแย่งห้องนอนที่ทัศดนัยยกให้เธอต่างหาก นั่นมันห้องของเธอนะ! ชั่วแวบหนึ่งหญิงสาวรู้สึกว่าตนเป็นเหมือนเด็กไม่รู้จักโตหวงของที่ถูกพี่ชายแย่งไปอย่างไรอย่างนั้น พี่ชาย... แค่คิดคำนี้ก็หงุดหงิดใจแล้ว! ลานนาได้แต่พลิกตัวกรีดร้องอัดหมอนไปมาจนผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ มาสะดุ้งตัวตื่นอีกทีตอนเช้าวันใหม่เมื่อเสียงเคาะประตูห้องปลุกให้เธอตื่นจากนิทรา ปัง! ปัง! ปัง! “จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน ตื่นได้แล้ว!” ปัง! ปัง! ปัง! กระหน่ำไม่หยุดอีกด้วย จนเธอต้องรีบขานรับ “ตื่นแล้วค่า!” อันที่จริงอย่าเรียกว่า ‘เคาะ’ เลย เรียกว่า ‘ทุบ’ จะดีกว่า “ตื่นแล้วก็รีบลงไปข้างล่าง ฉันต้องกินข้าวเช้า” ทำเองไม่เป็นหรือไงนะ!? ลานนาขมวดคิ้วมุ่นหนัก พลันสายตาเหลือบไปเห็นหน้าปัดนาฬิกาดิจิตอลที่วางอยู่ตรงหัวเตียงแล้วยิ่งยุ่งเหยิง ตีห้า... จะแหกขี้หูขี้ตาตื่นมากินข้าวอะไรตอนนี้! จริงๆ เธอก็เป็นคนตื่นเช้า แต่ไม่เช้าขนาดนี้ ส่วนเรื่องอาหารเช้า เวลาปกติของเธอกับที่บ้าน...ใช่ หมายถึงทัศดนัยกับลักขณา เวลานั้นมันคือตอนแปดโมงเช้า ไม่ใช่เช้ามืดอย่างนี้ แต่ในเมื่อติยคุณต้องการ เธอก็ต้องทำตามอย่างไม่มีเงื่อนไข บางทีเขาอาจจะยังปรับเวลาให้เข้ากับเวลาไทยไม่ได้ และบางทีการที่เธอช่วยดูแลเขา เขาอาจจะเลิกทำตัวร้ายกาจกับเธอบ้างก็ได้ ไม่ใช่ไม่เข้าใจนะว่าทำไมติยคุณถึงได้อคติอย่างนี้ เป็นเธอ เธอก็อคติเหมือนกันถ้าแม่แต่งงานกับใครก็ไม่รู้โดยที่เธอไม่รู้เรื่องรู้ราวมาก่อนน่ะ “ฮึบ เอาละ ลุก” เมื่อปลอบใจตัวเอง คิดในแง่บวกได้แล้ว หญิงสาวก็เรียกพลังใจให้ตัวเองก่อนจะพาตัวเองไปจัดการล้างหน้าล้างตาแล้วลงไปข้างล่าง ติยคุณนั่งรอประจำที่โต๊ะอาหาร เห็นร่างบางเดินเข้ามาก็ไม่พูดอะไร ทำแค่เหลือบมองเล็กน้อย ส่วนลานนาไม่พูดอะไรเช่นกัน ราวกับรู้ว่าต้องทำอะไร ได้แต่เดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวมแล้วตรงไปเปิดตู้เย็น “ไม่เอาอาหารไทย ฉันยังไม่คุ้นลิ้น” เอ่ยออกมาประหนึ่งรู้ว่าลานนากำลังจะทำข้าวต้มเครื่องให้ เมนูนี้เป็นเมนูที่เธอทำทุกวันเหมือนเป็นอาหารเช้าประจำครอบครัวไปแล้ว “ถ้าไม่เอาอาหารไทย แล้วคุณติอยากกินอะไรคะ” “อเมริกันเบรกฟาสต์แล้วกัน เธอคงมีปัญญาทำ” ลานนายืนนิ่งจนเขาต้องเหลือบมอง “อย่าบอกนะว่าไม่รู้จักว่าอเมริกันเบรกฟาสต์คืออะไร” “รู้จักค่ะ” เธอสวน “แต่วัตถุดิบในตู้เย็นมีแค่...” “มีแค่ไหน ฉันไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าฉันจะกินอันนี้และเธอก็ต้องมีปัญญาทำให้ฉันด้วย” หมูสับกับไข่ แล้วก็ข้าวสวยที่หุงแล้วเหลือกินจากเมื่อวาน...ช่างมันเถอะ พูดไปตอนนี้ ติยคุณคงไม่สนใจจะฟังแล้ว “ตกลงไม่มีปัญญาทำให้กิน?” ชายหนุ่มย้ำมาอีก ลานนาพรูลมหายใจยาว “ค่ะ ไม่มีปัญญา ถ้าจะให้ทำแบบอเมริกันแท้ๆ เลย เกรงว่าคุณติคงจะต้องเข้าเมืองไปหากินเอาแล้วล่ะค่ะ มีพวกเกสต์เฮ้าส์ โรงแรมอยู่ข้างล่าง” ที่นี่อยู่บนเขานะ จะกินอะไรแต่ละทีก็ต้องลงไปซื้อข้างล่างมาตุนเอาไว้ เธออยู่คนเดียวมาร่วมอาทิตย์แล้วจึงไม่ซื้ออะไรมาไว้เยอะ รอหมดก่อนค่อยไป ซึ่งนี่ก็ยังไม่หมดเลย ทำได้ตั้งหลายเมนูถ้าเป็นอาหารไทย “เธอก็ประยุกต์เอาสิ หัวมีก็ใช้บ้าง ไม่ใช่เอาไว้คั่นหู” จะกินอเมริกันเบรกฟาสต์ให้ได้เลยใช่ไหม!? ก็ได้ๆ มันไม่ได้ยากหรอกอาหารเมนูนี้ ถึงเธอจะไม่เคยไปอยู่เมืองนอกเมืองนาอย่างเขามาก่อน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยกินอาหารตามโรงแรม รู้หรอกน่ะว่ามันต้องมีอะไรบ้าง แค่ไข่ดาว ไข่คน เบคอน ไส้กรอก แฮม ขนมปังปิ้ง ซึ่งของส่วนมากที่ผุดพรายขึ้นมาในหัวมันไม่มี ทำตามมีตามเกิดแล้วกัน! “จะกินอเมริกันเบรกฟาสต์ใช่ไหมคะ” ติยุคณเหลือบมอง ไม่พูดอีกแล้ว สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าเบื่อเหลือเกินกับการต้องพูดซ้ำหลายๆ ครั้ง ปล่อยให้ลานนาหันหน้ามามองกระทะที่วางอยู่บนเตาพร้อมบอกตัวเอง เอาวะ มันต้องประยุกต์แล้วล่ะ หญิงสาวตอกไข่ใส่กระทะ ทำไข่ดาวก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนตามมาด้วยไข่คนใส่นมสดเล็กน้อย จากนั้นถึงเอาหมูสับมาใส่ซีอิ๊ว ปั้นเป็นก้อนๆ แล้วทอด สมมติว่ามันคือแฮมเบิร์กแทน ส่วนขนมปัง...ไม่มีก็ข้ามไปแล้วกัน เอาให้ติยคุณอิ่มท้องไว้ก่อน อ้อ ในตู้เย็นมีนมอยู่ รินใส่แก้วให้สักแก้วก็พอจะดูเป็นอเมริกันเบรกฟาสต์แล้ว ตบท้ายด้วยกาแฟดำ เป็นอันจบพิธี ใช้เวลาง่วนกับการเตรียมอาหารอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนอาหารเช้าหน้าตาน่ารับประทานจะถูกลำเลียงมาวางบนโต๊ะตรงหน้าของติยคุณ เขาละสายตาจากแท็บเล็ตในมือมามองพลางเลิกคิ้วสูง “นี่อะไร” “อเมริกันเบรกฟาสต์แบบประยุกต์จากของที่พอมีในตู้เย็นค่ะ” ลานนายิ้มรับกว้าง เธอมั่นใจว่าหน้าตาอาหารของเธอไม่ได้แย่เลย ซึ่งเป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อติยคุณเอ่ย “ดูดีนี่” “ใช่ไหมคะ งั้นเดี๋ยวนาเอาซอสกับพริกไทยมาให้นะคะ คุณติกินได้เลยค่ะ” โล่งใจอย่างบอกไม่ถูกอย่างไรก็ไม่รู้ หากแต่ไม่ทันที่เธอจะได้หยิบเอาอุปกรณ์ปรุงรสมาวางให้ หูพลันได้ยินเสียงวางช้อนลงบนโต๊ะดังเคร้ง ก่อนตามมาด้วยเสียงลุกจากเก้าอี้ ลานนารีบหันไปมองก็เห็นว่าติยคุณกำลังคว้าจานอาหารที่มีร่องรอยการกินแค่หน่อยเดียวลุกไปยังอ่างล้างจาน “คุณติจะทำอะไรคะ” เขาไม่ฟังเธอเลย มองไปยังถังขยะแล้วเทอาหารในจานลงไปทั้งหมด ลานนาเบิกตากว้าง ร้องเสียงดังทันที “คุณติ!” “เรียกทำไม กลัวลืมชื่อหรือไง” เขาหันมามองด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง ไม่สนเลยว่าคนมองกำลังสับสนแค่ไหน “ก็นาเห็นคุณติเอาอาหารที่นาทำไป...” “เททิ้ง เห็นถูกแล้วนี่ จะถามทำไม” เขายังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ขณะที่ลานนาไม่เข้าใจมากกว่าเดิม “แล้วเททำไมคะ เพิ่งจะกินไปนิดเดียวเองไม่ใช่เหรอ” เข้าทางติยคุณอย่างจัง เขาวางจานลงในอ่างล้างแล้วยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก “เธอจะให้ฉันกระเดือกอาหารรสชาติห่วยๆ จากฝีมือเธอลงไปได้ยังไง รสชาติเหมือนขยะเปียกขนาดนี้ เธอคงคิดจะหาทางทำให้ฉันตายแล้วฮุบสมบัติล่ะสินะ” อะไรของเขาวะ!? ลานนาถึงกับอุทานขึ้นมาในหัว คนบ้าอะไร กินอาหารรสชาติเหมือนขยะเปียกแล้วตายได้ อ่านนิยายเยอะไปหรือเปล่า ประเด็นคือ...แล้วเคยกินขยะเปียกหรือไง!? “นาว่าคุณติคงจะเจ็ตแล็กไม่หายล่ะมั้งคะ พูดไปเรื่อยเปื่อยขนาดนี้” ความอดทนคนเรามีจำกัดเหมือนกัน ลานนามั่นใจอย่างยิ่งยวดว่าสมองเธอทำงานปกติ คนที่ไม่ปกติน่ะคือเขาต่างหาก มันแย่ตรงที่เขาดันพูดออกมาว่าเธอคิดจะฮุบสมบัติเขานี่แหละ “ถึงที่ฉันพูดไปเมื่อกี้มันจะไม่สมเหตุสมผลก็เถอะ แต่สุดท้ายปลายทางมันก็มีเรื่องเดียวคือเธออยากได้สมบัติของพอฉัน” โอย...ไหว้ละ พอทีเถอะ ลานนาแทบจะยกมือขึ้นไหว้จริงๆ แต่คนอย่างติยคุณ เธอพอดูออกว่าถ้ายอมจำนนเหมือนกับที่เธอทำเมื่อวาน เขาจะต้องหาเรื่องมากลั่นแกล้งไม่จบไม่สิ้นแน่ๆ เพราะงั้นเธอจะไม่ยอมเป็นหมาจนตรอกที่มาฮึดสู้เอาในวินาทีสุดท้ายหรอก “ถ้าคุณติคิดว่านาอยากได้สมบัติล่ะก็ คิดไปเลยตามสบายค่ะ แต่จะบอกไว้ก่อนนะว่ามื้อกลางวันก็ไม่มีให้กินแล้ว วัตถุดิบในตู้เย็นที่เท่าที่ทำให้คุณติกินนั่นแหละค่ะ และในเมื่อคุณติกินไม่ได้ ก็ไปหากินเอาเอง จะใบไม้ใบหญ้าข้างทางอะไรก็ตามสบาย ถ้าอยากกินอาหารคนในเมืองก็ขับรถลงไปข้างล่างเอา มีรถอยู่ที่โรงจอดรถค่ะ” เธอจะไม่ยุ่ง ไม่สน ไม่ใส่ใจอะไรแล้ว จะไม่พูดด้วยถ้าหากว่าไม่จำเป็น หากแต่ติยคุณเหมือนจะสะใจเหลือเกินที่ยั่วโทสะเธอได้ เขากอดอก เดินเข้ามาใกล้จนลานนาต้องเป็นฝ่ายเดินถอยหลังหนี “น้องสาวพูดจากับพี่ชายแบบนี้เหรอ” จู่ๆ ก็มาอ้างความเป็นพี่เป็นน้อง ลานนาตั้งสติได้พลันเชิดใบหน้าขึ้น “นึกยังไงถึงมานับญาติคะ” เธอจำได้นะว่าตอนเธอเรียกเขาว่า ‘พี่ติ’ เขาย้อนถามกลับมาว่าอะไร “ฉันก็แค่พูดในสิ่งที่เธออยากได้ยิน อยากเป็นพี่น้องกับฉันมากไม่ใช่เหรอ ถึงได้ปล่อยให้แม่ตัวเองมาหลอกพ่อฉันแต่งงาน ทำไม กลิ่นเงินมันหอมมากใช่ไหมถึงได้ยอมลดศักดิ์ศรีตัวเองขนาดนี้” วกกลับเข้ามาเรื่องนี้จนได้ ลานนาไม่ทนแล้ว ตะเบ็งเสียงออกมาอย่างสุดกลั้น “ถ้าจะกลั่นแกล้งกันก็ทำมาตรงๆ เลยค่ะ ไม่ต้องทำมาเป็นอ้างเรื่องพี่น้องนั่นนี่ คนอย่างคุณติไม่มีรู้หรอกว่าการมีพี่น้องมันเป็นยังไง” “แน่สิ ก็ฉันเป็นลูกคนเดียว ถ้าเดาไม่ผิด เธอเองก็ด้วย” “แต่นารู้ว่าการใช้ชีวิตกับคนอื่นแบบครอบครัวมันเป็นยังไงค่ะ ถึงได้พยายามปรับตัวอย่างนี้ พยายามคิดว่าคุณติเป็นพี่ชาย เราจะได้อยู่กันอย่างสันติ” “แล้วเธอไม่รู้หรือไงว่าพี่น้องแกล้งกันก็เป็นเรื่องปกติ ฉันไม่เคยมีพี่น้อง เลยทำสิ่งที่พี่น้องบ้านอื่นเขาทำกันอยู่นี่ไง ถ้าเธอทนให้พี่ชายแกล้งไม่ไหวล่ะก็ เธอเลือกได้นะ แค่เลือกเก็บข้าวของออกจากบ้านหลังนี้ไป ง่ายจะตาย” ยอกย้อนยียวน! ลานนาเม้มริมฝีปากแน่น เถียงอะไรไม่ได้เลย เถียงไปก็ป่วยการ ติยคุณจะต้องกวนอารมณ์อีก แล้วลงเอยด้วยการไล่เธอออกจากบ้านอีกเป็นแน่ ก็ได้! ในเมื่ออยากให้เธอออกจากบ้าน เธอไปก็ได้ แต่ยังไม่เก็บกระเป๋าไปหรอกนะ แค่ไหนให้พ้นๆ หน้าเขาสักพัก เห็นแล้วรำคาญหู รำคาญตา รำคาญใจ! “นาขอตัวค่ะ” สิ้นเสียงพลันสาวเท้าปึงปังออกไปนอกบ้านทันที ติยคุณมองตามแล้วส่งเสียงหัวเราะในลำคอที่เห็นลานนาสู้ไม่ได้ เขาเริ่มสนุกกับการมีน้องสาวเสียแล้วสิ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD