แค่ถูกเข้าใจผิด เธอถึงกับต้องกลายเป็นที่รองรับอารมณ์ขนาดนี้เลยหรือ?
เป็นการเข้าใจผิดที่ไม่เป็นเรื่องเสียด้วย เพราะติยคุณไม่แม้แต่จะฟังเหตุผลใดๆ ของเธอทั้งนั้น ไม่แม้กระทั่งจะถามถึงที่มาที่ไปว่าเป็นมาอย่างไร ถึงได้จับพลัดจับผลูมาเป็นครอบครัวเดียวกันอย่างนี้
ครอบครัวเดียวกัน...กลุ่มคำที่ทำให้ลานนาอึดอัดใจเสียเหลือเกิน เธอปรารถนาการมีครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งพ่อ แม่ ลูก มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทว่าชีวิตของเธอก็มีเพียงแค่เธอกับแม่เท่านั้น เมื่อได้ทุกอย่างสมใจ แถมพ่วงด้วยพี่ชายไม่ให้เธอต้องกลายเป็นลูกคนเดียวมาอีก ทุกอย่างกลับไม่เป็นเหมือนความฝันสักนิด
ทำไมกันนะ...ทำไมชีวิตมันยากขนาดนี้?
ลานนาเหนื่อยจะตัดพ้อชีวิตตัวเองเหลือเกิน เพราะไม่ว่าจะเมื่อไร เธอก็ต้องประสบกับความยากลำบากในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเสมอ จริงๆ ตอนนี้ที่เป็นอยู่ก็ดีแล้ว ดีกว่าตอนที่มีเพียงเธอกับแม่...
ลานนายกมือขึ้นปาดหยดน้ำตาที่ไหลรินออกจากดวงตาคู่สวย ตั้งแต่ที่มีปากเสียงกับติยคุณในตอนเช้า เธอก็ระเห็จออกจากบ้านมายังบ้านต้นไม้ที่อยู่ด้านหลัง
บ้านต้นไม้...ที่อยู่มานมนานตาปีตั้งแต่ก่อนเธอเกิด ทว่าได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีราวกับว่ามีคนคอยซ่อมแซมมันอยู่ตลอดเวลา กระนั้นมันก็เก่ามากพอจะมองเห็นจากสายตา เพียงแต่ไม่ต้องระวังว่ามันจะหักกร่อนง่ายตามอายุการสร้างของมันเท่านั้น
หญิงสาวนั่งกอดเข่าขังตัวเองอยู่ในนี้นานเท่าไรแล้ว เธอไม่แน่ใจนัก รู้แต่ว่าความอึดอัดที่ต้องอยู่ในบ้านหลังนั้นกับติยคุณมากเกินกว่าความอึดอัดคับแคบของบ้านต้นไม้หลังนี้ เธอทิ้งตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยอ่อน การร้องไห้ช่างกัดกินพลังงานเสียเหลือเกิน ก่อนที่เธอจะผล็อยหลับไป รู้สึกตัวอีกที หูก็ได้ยินเสียงร้องหวีดเบาๆ ของบรรดาแมลงน้อยใหญ่รอบๆ บ้านเสียแล้ว
“มืดแล้วเหรอ”
ลานนาพึมพำเมื่อชำเลืองเห็นท้องฟ้าดำมืดผ่านหน้าต่าง
มานอนจมกองน้ำตาด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ตรงนี้เสียนาน ข้าวปลาก็ไม่ได้กิน กลับบ้านไปอาบน้ำนอนดีกว่า ถ้าหิวก็ยังพอมีวัตถุดิบในตู้เย็นเหลือให้ทำเมนูง่ายๆ กินอยู่
คิดได้ดังนั้นพลันพาตัวเองลุกจากพื้นไม้แข็งๆ ตรงไปยังประตู หากแต่เมื่อมือเอื้อมไปบิดลูกบิด กลับมาเสียง...
แกร๊ก...
แต่ประตูเปิดไม่ออก
“เฮ้ย ทำไมเปิดไม่ออก”
เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ แต่ไม่มีใครจะมาตอบให้ได้ มือน้อยๆ ได้แต่หมุนลูกบิดไปมาอยู่อย่างนั้น จากไม่แรงมากนักก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น
แกร๊ก! แกร๊ก! แกร๊ก!
ไม่ออก!
ลานนาเริ่มวิตกจริต ผละไปมองที่หน้าต่าง จากตรงนี้ถึงพื้นด้านล่างสูงพอดู เธอไม่มีปัญญาปืนลงไปแน่ วิธีเดียวที่จะทำได้ก็คือต้องร้องขอให้คนมาช่วย
แล้วใครล่ะที่จะช่วยเธอได้ นอกเสียจาก...
ใบหน้าหล่าเหลาคมคายของติยคุณฉายแวบเข้ามาในภวังค์ เธอไม่อยากจะไปข้องเกี่ยวกับเขาเลย แต่ไม่มีทางเลือกแล้ว อันที่จริง...ก็มีทางเลือกแหละ ทางเลือกแรกคือร้องเรียกให้ติยคุณมาช่วย กับอีกทางคือนอนตากยุงไปตรงนี้แล้วพรุ่งนี้ค่อยคิดหาทางออกจากที่นี่อีกที
แต่สุดท้ายก็ต้องให้คนมาช่วยอยู่ดีหรือเปล่าวะถ้าลงจากบ้านต้นไม้เองไม่ได้น่ะ!
ลานนาผรุสวาทตีกันกับความคิดตัวเอง ถ้าสุดท้ายแล้วจะต้องลงเอยอย่างนั้น เธอยอมร้องเรียกติยคุณให้มาช่วยเลยจะดีเสียกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องนอนตากยุงให้ทรมานร่างกายล่ะนะ
“คุณติ! คุณติคะ! ช่วยด้วย!”
ตัดสินใจได้แล้วพลันแหกปากแหกคอร้องตะโกนออกไปทันใด ความเงียบงันรอบบ้านหลังนี้ช่วยให้เสียงของเธอดังพอที่จะปลุกติยคุณซึ่งงีบหลับเอกเขนกอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นสะดุ้งตื่น เขาเหลือบมองไปรอบๆ แวบแรกนึกว่าฝันเพราะก่อนหน้านี้เขาอ่านหนังสือแล้วผล็อยหลับไป กระทั่งได้ยินเสียงเรียกดังมาอีก
“คุณติ! ช่วยด้วยค่ะ! คุณติ! ช่วยนาด้วย!”
ไม่ผิดแน่ เสียงของนังงูพิษตัวลูก!
ติยคุณไม่แน่ใจนักว่าเขาจะต้องรู้สึกอย่างไร รู้แต่ว่าค่อนข้างตกใจทีเดียว เพราะเธอหายหน้าไปทั้งวันโดยที่เขาไม่รู้สักนิดว่าหายไปไหน และเขาก็ไม่สนใจตามหาด้วย แต่จู่ๆ ก็กลับมาพร้อมกับเสียงร้องเรียกให้ช่วย
คงต้องมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นแน่นอน!
ติยคุณรีบพุ่งออกจากบ้านไปด้วยสัญชาตญาณ กึ่งวิ่งกึ่งเดินหันรีหันขวางพร้อมกับร้องตะโกน
“อยู่ไหนน่ะลานนา! ลานนา!”
ใจเต้นระส่ำ กลัวเหลือเกินว่าจะมีอะไรที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นแล้วมันอันตรายถึงชีวิต บ้านหลังนี้อยู่บนเขาด้วย เวลากลางคืนจะค่อนข้างมืดและเปลี่ยว ถ้าหากว่าลานนาเป็นอะไรไป เขาจะไม่ให้อภัยตัวเองที่ทำไม่ดีกับเธอเมื่อเช้านี้เลย
“คุณติ! นาอยู่นี่ค่ะ! คุณติ!”
เดชะบุญที่เธอยังอยู่ เสียงนั้นดังขึ้นก้องไปทั่ว ชัดเจนยิ่งกว่าเดิมเสียอีก แต่ติยคุณก็ยังมองหาไม่เห็น
“เธออยู่ตรงไหน ฉันจะได้ไปช่วยถูก!”
“บ้านต้นไม้ค่ะคุณติ! บ้านต้นไม้ข้างหลังบ้าน!”
บ้านต้นไม้?
ติยคุณขมวดคิ้วมุ่น
บ้านหลังนี้มีบ้านต้นไม้ด้วยหรือ?
ไม่แปลกหรอกที่เขาจะไม่รู้ เขารู้ว่าพ่อซื้อบ้านหลังนี้เอาไว้มาพักใจอย่างเดียว ตัวเขาไม่เคยมาเหยียบที่นี่สักครั้ง จะไม่รู้ก็ไม่แปลก
“บ้านต้นไม้ตรงไหน!?” ตะโกนถามอีกทีเพื่อความแน่ใจ
“เดินตรงดิ่งมาเลยค่ะ อยู่ข้างหลังบ้านเลย!”
ติยคุณเดินไปตามที่หญิงสาวบอก ฝ่าความมืดไปไม่นานนักก็พบกับบ้านต้นไม้อย่างที่เธอว่า เขานิ่วหน้าอีกครั้งเมื่อเห็นว่าบริเวณนี้มืดเสียจนแทบมองไม่เห็นทาง เขาต้องค่อยๆ เดินคลำทางมาด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นได้สะดุดก้อนหินดินทรายแน่
“แล้วจะให้ช่วยอะไร”
มาถึงใต้บ้านต้นไม้ ไม่จำเป็นต้องตะโกนถามให้แสบคออีกต่อไปแล้ว เขาเงยหน้าขึ้น มองหญิงสาวที่โผล่หน้าตื่นๆ ออกมาจากหน้าต่าง
“นาลงจากที่นี่ไม่ได้ค่ะ”
“อะไรนะ”
ติยคุณนึกว่าตัวเองฟังผิด เมื่อกี้เธอบอกว่า...
“นาลงไม่ได้ค่ะ”
เธอย้ำอีกครั้ง สีหน้าบ่งบอกว่าถ้าเขาถามเธออีกครั้งล่ะก็ เธอได้ร้องไห้แงแน่ๆ ติดอยู่บนนี้มานานแล้วนะ!
“ทำไมลงไม่ได้ล่ะ”
ส่วนคนถูกขอความช่วยเหลือกักเก็บความขบขันไว้ไม่ได้ เขาหลุดยิ้มออกมาขณะถาม
“ลูกบิดมันบิดไม่ออกค่ะ คุณติอย่าเพิ่งสะใจนาเลย ช่วยนาก่อนได้ไหมคะ นาขอร้อง”
กลัวจะไม่ได้ออกไปจากที่นี่อย่างยิ่งยวด ซ้ำยังตีความว่าติยคุณหัวเราะด้วยความสะใจที่เห็นเธอติดแหง็กอยู่บนนี้ด้วยอีก ติยคุณได้ทีก็เอาเลย กอดอกพลันออกคำสั่ง
“งั้นขอร้องฉันก่อน”
“คะ?”
“ขอร้องให้ฉันช่วยดีๆ”
นั่นไง เข้าทางติยคุณแล้วจริงๆ ด้วย!
ลานนาเม้มริมฝีปากอยู่ครู่ ก่อนกลั้นใจพูดออกไป
“ช่วยนาด้วยนะคะคุณติ นาอยากเข้าบ้านค่ะ”
“ไหนคำว่าขอร้อง?”
“ช่วยนาด้วยค่ะ นาขอร้อง”
ปลายประโยคอุบอิบมุบมิบ แต่ช่างมันเถอะ ติยคุณได้ยินเสียงนั้นเต็มสองหู เขาพอใจแล้วล่ะที่ได้อยู่เหนือกว่าแม่คนที่บังอาจเหิมเกริมมาเสียงดังใส่เขาเมื่อเช้า
“อยู่อย่างนั้นไปแหละ ให้ยุงกัดจนหนำใจฉันก่อน แล้วฉันจะมาปล่อยออกจากกรง”
แกล้งพูดเสียดสีไปเต็มรัก พลันหันหลังให้ เดินดุ่มๆ จากไป ทิ้งให้ลานนายืนมองด้วยสายตาแตกตื่นระคนงุนงง
“คุณติคะ! คุณติ!”
ไม่ทันแล้ว เขาเดินหายลับไปกับความมืดแล้ว ลานนาอดแค้นใจไม่ได้
ให้ตาย ไม่น่าหลวมตัวไปขอความช่วยเหลือจากคนนิสัยไม่ดีพรรค์นี้เลย รู้ทั้งรู้ว่าต้องเป็นอย่างนี้ เสียศักดิ์ศรีชะมัด
บ่นในใจแล้วได้แต่ทิ้งตัวลงนั่งกอดเข่าเหมือนเดิม ตัวเลือกของเธอมีไม่มากแล้ว คงจะต้องรอให้พรุ่งนี้ก่อนแล้วหาทางลงจากที่นี่ไปเอง
หากแต่รออยู่อึดใจหนึ่ง หูพลันได้ยินเสียงฝีเท้าเดินย่ำต้นหญ้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเหยียบแผ่นไม้บันไดและถูกเสียงของชิ้นส่วนเหล็กที่กระทบกันดังขึ้นกลบแทน
หรือว่านั่นจะเป็นเสียงของ...
แกร๊ก...แกร๊ก...แกร๊ก...ตึง!
แอ๊ด...
“คุณติ...”
เป็นติยคุณที่เปิดประตูออก เขายืนจังก้า ในมือถือไขควงไว้มั่น ส่วนมืออีกข้างถือลูกบิดเก่าที่ถูกงัดออกเมื่อครู่นี้
“เธอต้องขอบคุณฉันงามๆ ด้วยแม่ตัวจุ้น”
จะต้องขอบคุณอย่างไรถึงจะงามอย่างที่ติยคุณต้องการ รู้อย่างเดียวว่าคืนนี้เธอไม่ต้องนอนตากยุงอยู่บนบ้านต้นไม้แล้ว
“นาจะตอบแทนด้วยการดูแลคุณติอย่างดีเลยค่ะ ถ้าคุณติต้องการอะไร บอกนานะคะ พรุ่งนี้นาจะได้ลงไปซื้อข้างล่าง แล้วนาก็จะ...”
“เอานี่ไป”
เคร้ง...
“คะ?”
ลานนารับเอากระติกน้ำแข็งที่บรรจุขวดแก้วมาถือพร้อมกับส่งสายตางุนงง
“เบียร์ไง กินเป็นเพื่อนฉันหน่อย ส่วนกับแกล้มก็อยู่ในนั้นนั่นแหละ ยังไม่ได้กินอะไรทั้งวันเลยไม่ใช่เหรอ หวังว่าเธอจะกินซาซิมิแซลมอนกับปูอัดเป็นนะ”
ลานนาพยักหน้า ของแบบนั้นเธอกินเป็นอยู่แล้ว ว่าแต่...มันมาลงเอยอย่างนี้ได้ไง!?
ไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด ครั้นติยคุณทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ พร้อมกับส่งสเปรย์กันยุงมาให้ทา เธอยิ่งทำตัวไม่ถูก กระทั่งเขาออกปากสั่งนั่นละถึงได้เริ่มพ่นสเปรย์ใส่ผิวหนังตัวเอง
“จะปล่อยให้ตัวเองเป็นบุฟเฟต์ยุงก็ตามใจ”
“ไม่ค่ะ ฉีดแล้วค่ะ”
แล้วก็ฉีดจนฟุ้งไปหมด ติยคุณไม่พูดอะไรนอกจากเปิดกระติกแล้วหยิบขวดเบียร์เย็นฉ่ำออกมาวางตรงหน้าเขาและเธอ ลานนามองตาม ก่อนจะสะดุ้งไปอีกระลอก
“มัวแต่มองอยู่นั่น เอากับแกล้มออกมา ช่วยกันหน่อย”
“ค่ะ...ค่ะ...”
ลุกลี้ลุกลนไปหมด ทั้งลิ้นทั้งมือพันกันจนไม่รู้ว่าจะต้องบังคับอวัยวะชิ้นไหนก่อน หัวก็ตีกันยุ่ง ไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
มาอีท่าไหนของเขาอีกเนี่ย!?